Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่6 ภาวะผู้ป่วยจิตเวชฉุกเฉิน (Emergency psychiatry) - Coggle Diagram
บทที่6
ภาวะผู้ป่วยจิตเวชฉุกเฉิน
(Emergency psychiatry)
อาการและอาการแสดงที่พบบ่อย
3) ภาวะสับสนเพ้อคลั่ง (delirium)
ลักษณะที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะมีภาวะสับสนเพ้อคลั่ง มีดังนี้
อาการเริ่มต้นเป็นอย่างเฉียบพลัน
มีประวัติโรคทางกายรื้อรัง เช่น เบาหวาน ตับวาย ไตวาย หรืออาการป่วยทางกายนำ
อายุที่เริ่มมีความผิดปกติทางจิตครั้งแรกมากกว่า 45 ปี
การสูญเสียความชำนาญในการจัตวางภาพ
4) กลุ่มอาการหายใจถี่ (hyperventilation syndrome)
ลักษณะที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยจะอยู่ในกลุ่มอาการหายใจถี่ มีดังนี้
หายใจลึกและเร็วเป็นเวลาหลายนาทีโดยที่ไม่รู้ตัว จากนั้นจะเริ่มมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกหายใจไม่อิ่ม วิงเวียน ใจสั่น นิ้วมือจีบยืดเกร็ง (carpopedal spasm)
ชาบริเวณริมฝีปาก นิ้วมือ นิ้วเท้า ผู้ป่วยอาจอ่อนแรงและสุดท้ายอาจหมดสติได้
การมีอาการขึ้นมาทันทีทันใด
ผู้ป่วยอาจจะบอกว่า รู้สึกเหมือนสำลัก หายใจไม่ออก (suffocation)
2) พฤติกรรมการฆ่าตัวตาย (suicide behavior)
พฤติกรรม
suicidal intention ความต้องการที่จะฆ่าตัวตาย
suicide committed suicide การฆ่าตัวตายสำเร็จ
suicidal ideation ความคิดอยากฆ่าตัวตาย ซึ่งระดับความรุนแรงจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของ suicidal intention
suicidal attempt การพยายามฆ่าตัวตาย
self-injurious or self-harm behavior พฤติกรรมที่ตั้งใจทำร้ายตนเองให้บาดเจ็บ จ็บปวดหรือส่งผลทำลายร่างกายโดยไม่มี suicidal intention
ลักษณะทั่วไป: สีหน้าเศร้าหมอง ร้องไห้ไม่สบตา ตามองพื้น คอตก ไหล่ห่อ ไม่ค่อยสนใจดูแลสุขอานามัยตนเอง คิดช้า พูดช้า เคลื่อนไหวช้า ตอบคำถามแบบถามคำตอบคำ หรือบางคนจะมีท่าทีกระวนกระวาน อยู่นิ่งไม่ได้
ลักษณะอารมณ์:คนที่คิดฆ่าตัวตายมีหลายอารมณ์ อาจเศร้า โกรธ คับแค้นใจ แต่ส่วนมากจะตกอยู่ในภาวะเศร้ารู้สึกทุกข์ทรมานใจ หดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง เบื่อชีวิต หรือบางรายจะรู้สึกหงุดหงิด พลุ่งพล่าน โกรธ อยากแก้แค้น อยากให้ผู้อื่นรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิด
ความคิด: อาจโทษตนเองคิดว่าตนเองเป็นคนไม่ดีไม่มีคุณค่า เป็นภาระกับคนอื่น
การรับรู้: ผู้มีอาการทางจิตอาจมีอาการประสาทหลอนสั่งให้ทำร้ายตนเอง
พฤติกรรม: คนที่คิดฆ่าตัวตายอาจจะมีการพยายามทำร้ายตนเองหรือมีพฤติกรรม
เสี่ยงที่จะทำร้ายตนเองก่อนมาโรงพยาบาล มีประวัติเคยพยายามทำร้ายตนเอง
5) อาการแพนิค (panic attack disorders)
ลักษณะที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยอยู่ในอาการแพนิค มีดังนี้
อาการเกิดทันทีและเป็นมากถึงระดับสูงสุดภายใน 10 นาทีร่วมกับอาการทางกายดังต่อไปนี้
อย่างน้อย 4 อาการ ได้แก่ ใจสั่น เหงื่อออกมาก มือสั่น ตัวสั่น หอบ หายใจไม่ออก เจ็บแน่น
ผู้ป่วยมีความกลัวอย่างรุนแรง
หน้าอก คลื่นไส้แน่นท้อง เวียนศรีษะเป็นลม กลัวตาย ชาเจ็บตามผิวหนัง รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ตามตัว
อาจมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 1 อย่างเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ได้แก่กลัวจะเป็นอีก, กลัว
จะควบคุมตนเองไม่ได้,กล้วเป็นโรคห้วใจหรือกลัวเสียสติ, มีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น ขาดงาน หรือขาดโรงเรียน,อาการที่มีไม่ได้เป็นมาจากภาวะความเจ็บป่วยทางกาย
1) พฤติกรรมรุนแรง (violence behavior)
ลักษณะทั่วไป: มีท่าทางตึงเครียด หน้านิ่งคิ้วขมวด ตาจ้องขมึงไปรอบ ๆ เพื่อหาบุคคลหรือสิ่งของที่เป็นเป้าหมายการทำร้าย ทำลาย มีการคลื่อนไหวเดินไปมาตลอดเหมือนมีความระวนกระวาย ขู่ว่าจะฆ่าหรือทำร้ายผู้อื่น ทำลาย หรือมีท่าทางหวาดกลัว
อารมณ์: แสดงความโกรธอย่างรุนแรง ขาดการควบคุมอามณ์ เช่น ใช้คำพูดรุนแรง เสียงดัง หน้าแดง ฉุนเฉียว อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายหรือแสดงอารมณ์ไม่สอคล้องกับเหตุการณ
การรู้สติ (level of consciousness): อาจมีภาวะสับสนมีการรับรู้เวลา สถานที่ บุคคล ไมู่กต้อง (disorientation) หรือมีอาการหลงผิดระแวงว่าถูกปองร้าย มีความคิดทำร้าย ฆ่า หรือแก้แค้นผู้อื่น
เคยมีประวัติมีพฤติกรรมรุนแรง: ทะเลาะวิวาทรุนแรงกับผู้อื่น ทำร้ายผู้อื่น ทำลายทรัพย์สินมาไม่นาน หรือมีร่องรอยของการทะเลาะวิวาท เช่น มีรอยแผล, มีรอยซ้ำ
6) อาการพิษจากสารเสพติดและอาการขาดสาร (substance intoxication and withdrawal)
1) สุรา (alcohol)
เป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์กดระบบประสาท
อาการพิษสุรา (alcohol intoxication) จะมีความผิดปกติของพฤติกรรมหรือจิตใจขณะที่มีอาการมึนเมา เช่น พฤติกรรมก้าวร้าว การตัดสินใจเสีย และมีอาการทางกายร่วมด้วย
อาการขาดสุรา (alcohol withdrawal) เกิดขึ้นเนื่องจากดื่มสุราจัดเป็นเวลานานแล้วหยุดหรือลดปริมาณการดื่มลง อาการขาดสุราจะเกิดภายใน 4 - 12 ชั่วโมง แต่บางรายอาจมีอาการหล้งหยุด 2-3 วัน อาการมักเป็นรุนแรงในวันที่ 2 จะเกิดกลุ่มอาการเหงื่อออกมาก ชีพจรเร็ว มือสั่น นอนไม่หลับ คลื่นไอเจียน
2) แอมเฟตามีน (amphetamine)
เป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท (stimulants)
อาการพิษของแอมเฟตามีน (amphetamine intoxication) อาการสำคัญ คือ รู้สึกสบายิดปกติ ร่วมกับอารมณ์รื่นเริงสนุกสนาน จนถึงขั้นความรู้สึกตื่นตัวสูง กระวนกระวายหงุดหงิด โกรธง่าย การตัดสินใจเสีย
อาการขาดแอมเฟตามีน (amphetamine withdrawal) เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ป่วยขาดแอมเฟตมีนภายใน 2-3 ชั่วโมงจนถึงหลายวัน
3) ฝิ่น (opioid)เป็นสารเสพติดประกอบด้วยฝื่นธรรมชาติ (มอร์ฟีน) กึ่งสังเคราะห์ (เฮโรอีน) และสารสังเคราะห์ เช่น โคเดอีน เพธิดีน
อาการพิษจากฝิ่น (opioid intoxication) อาการสำคัญ คือ อารมณ์ร่าเริงในระยะแรกแล้วเปลี่ยนเป็นรู้สึกไม่สุขสบาย พลุ่งพล่าน กระวนกระวายหรือเชื่องช้า
อาการขาดฝิ่น (opioid withdrawal) เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ป่วยหยุดเสพหรือลดปริมาณลง ฝิ่นซึ่งมีฤทธิ์สั้นอาการขาดสารจะเกิดภายใน 6-24 ชัวโมง โดยจะเกิดอาการวิตกกังวล กระวนกระวาย อยากเสพฝิ่น
การพยาบาล
ลักษณะตามการดำเนินงานในการ
ดูแลผู้ป่วยจิตเวชฉุกเฉินตามลำดับขั้นตอน
1) การจำแนกผู้ป่วย (triage)
แบ่งระดับความรุนแรง 5ระดับ
ภาวะที่ต้องได้รับการบำบัดดูแลทันทีทันใด (immediate)
ภาวะรีบด่วน (urgent)
ภาวะกึ่งรีบด่วน (semi-urgent)
ภาวะฉุกเฉิน (emergency)
ภาวะไม่รีบด่วน (non-urgent)
2) ให้การพยาบาลบำบัดดูแลระยะแรก (initial intervention)
ตามความรุนแรงของปัญหาที่ประเมินได้เพื่อจัดการให้ผู้ป่วยปลอดภัยและอาการสงบลง (stabilize patient) โดยการช่วยเหลือด้านร่างกายให้พันขีด อันตรายก่อนเป็นอันดับแรกในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาทางกายร่วมด้วย
ภาวะรีบด่วน (urgent)
ต้องให้การดูแลภายใน 30 นาที การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีโอกาสหรือมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
สังเกตและให้การดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย ๆทุก 10 นาที เฝ้าระวังและตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงสภาพจิต ให้การบำบัดเพื่อให้อาการสงบ
ภาวะกึ่งรีบด่วน (semi-urgent)
ให้การดูแลภายใน 60 นาที ผู้ปวยอยู่ในภาวะ เครียดไม่สุขสบาย (distress) หงุดหงิดง่ายแต่ไม่ก้าวร้าว ให้ความร่วมมือในการตรวจรักษา สามารถพูดหรือสื่อสารได ขัดเจน มีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวลแต่ไม่มีความคิดฆ่าตัวตาย
สังเกตและให้การดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยทุกๆ 30 นาทีให้การบำบัดเพื่อให้อาการสงบ
ภาวะฉุกเฉิน (emergency)
ต้องให้การดูแลภายใน 10 นาทีการช่วยเหลือ
ผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
สังเกตและให้การดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ให้การรักษาเพื่อให้อาการสงบ เฝ้าระวังและมีการประเมินภาวะสุขภาพจิตและระดับความรุนแรงซ้ำ ดูแลสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย จำกัดพฤติกรรมผู้ป่วย
ภาวะไม่รีบด่วน (non-urgent)
ให้การดูแลภายใน 120 นาที ผู้ป่วยอยู่ใน ภาวะเครียดหรือไม่สุขสบายเรื้อรั้ง(distress) มีประวัติโรคทางจิตเวชเรื้อรัง มีประวัติการเจ็บป่วยแน่ซัดแต่ไม่เป็น อันตรายต่อตนเองและผู้อื่นหรือมีปัญหาทางจิตสังคม
สังเกตและให้การดูแลผู้ป่วยอย่างน้อยทุกๆ 60 นาที
ภาวะที่ต้องได้รับการบำบัดดูแลทันทีทันใด (immediate)
ให้การช่วยเหลือภาวะฉุกเฉินทางร่างกายให้พ้นขีดอันตรายก่อน โดยให้การรักษาที่จำเพาะตามอาการและสาเหตุ (ถ้าทราบ) สังเกตและให้การดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
3) การประเมินและบำบัดต่อเนื่อง
(continue with evaluation and intervention)
เมื่อผู้ป่วยอาการสงบ พ้นภาวะที่จะเป็นอันตรายต่อตนองและผู้อื่น พ้นขีดอันตราย ควบคุมตนเองได้มากขึ้น และให้ความร่วมมือในการตรวจรักษา
การตรวจสภาพจิตทั่วไป
การตรวจร่างกายซ้ำ
การวินิจฉัยและการวางแผนการบำบัด
การสัมภาษณ์
4) การจำหน่ายหรือส่งต่อผู้ป่วยไปยังหน่วยบำบัดอื่น (discharge or refer patient)
เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้นและมีการประเมินซ้ำแล้ว อาจพิจารณาให้ผู้ปวยกลับบ้านหรือส่งต่อไปรักษาที่หน่วยอื่น
ส่งไปรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกต่อไป หรือส่งปรึกษาแผนกอายุรศาสตร
การบำบัดรักษา
-อาจทำให้เกิดอันตราย ต่อชีวิตหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น
-จำเป็นต้องได้รับการบำบัดช่วยเหลืออย่างถูกวิธีเหมาะสมโดยเร่งด่วน
-ภาวะที่บุคคลที่มีความแปรปรวนทางด้านความคิด อารมณ์ ความสัมพันธ์ทางสังคม หรือพฤติกรรมอย่างเฉียบพลัน หรือรุนแรง
-เพื่อช่วยลดอันตรายหรือ ความเสียหายอันอาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยหรือบุคคลรอบข้างรวมทั้งทรัพย์สิน เมื่อผู้ป่วยมีอาการสงบลงปลอดภัย จะพิจารณาส่งต่อให้ได้รับการรักษาต่อเนื่องต่อไป