Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5.8 การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวช…
บทที่ 5.8 การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวช ความผิดปกติทางจิตเวชจากการเสพสารเสพติด
ความหมาย ลักษณะอาการและอาการแสดงของความผิดปกติทางจิตเวชจากการเสพสารเสพติด
ความหมายของความผิดปกติทางจิตเวชจากการเสพสารเสพติด
:warning:
โรคของการใช้สารเสพติด(substance use disorder)
เป็นรูปแบบพฤติกรรมที่ผิดปกติจากการ ใช้สารเสพติดอย่างไม่เหมาะสมของผู้เสพสารเสพติดด้วยการใช้สารแบบมีปัญหา หรือการติดสารนำไปสู่ความบกพร่องหรือทุกข์ทรมานอย่างมีนัยสำคัญทางคลีนิก
:warning:
ภาวะถอนสาร (substance withdrawal)
เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการหยุดหรือลดปริมาณการ ใช้สารเสพติดที่เคยใช้ปริมาณมากมาเป็นเวลานาน โดยกลุ่มอาการที่เกิดจะมีลักษณะเป็นไปตามชนิดของสารเสพติด นั้นๆ ทำให้เกิดความบกพร่องในหน้าที่ด้านสังคม การงาน และด้านอื่นๆที่สำคัญ
:warning:
ภาวะเมาสาร (substance intoxication)
เป็นกลุ่มอาการที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม และจิตใจจนเป็นปัญหาทำให้เกิดความบกพร่องในหน้าที่ด้านสังคม การงาน และด้านอื่นๆที่สำคัญเช่น มีพฤติกรรม ทางเพศไม่เหมาะสม, มีพฤติกรรมก้าวร้าว หลังจากการใช้สารนั้นทันทีหรือใช้สารนั้นเมื่อไม่นาน
:warning:
โรคทางจิตเวชที่เกิดจากการใช้ติดสารเสพติด(substance induced mental disorder)
เป็นโรคทางจิตที่เป็นผลโดยตรงจากการใช้สารเสพติด ซึ่งจะมีการกล่าวถึงอาการแสดงที่เกิดจากสารเสพติดแต่ละชนิดต่อไป
ลักษณะอาการและอาการแสดงของความผิดปกติทางจิตเวชจากการเสพสารเสพติด
ภาวะเมาสาร (substance intoxication)
เป็นอาการเมาของสารเสพติดนั้น ๆ ที่เกิดขึ้นทันทีหรือไม่นานหลังจาก ใช้สารเสพติดนั้น ๆ และไม่ได้เกิดจากโรคทางกายหรือโรคจิตเวชอื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม และจิตใจ จนเป็นปัญหาที่เด่นชัดและมีนัยสำคัญทางคลินิก ทำให้เกิดความบกพร่องในหน้าที่ด้านต่าง ๆ
โรคของการใช้สารเสพติด (substance use disorder)
:explode: - การใช้สารแบบมีปัญหา (substance abuse) ให้เกิดความเสียหายหรือผลเสียต่อตนเอง ในช่วงใดช่วงหนึ่งใน 12 เดือนที่ผ่านมา
มีการใช้สารเสพติดนั้น ๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ไม่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้เต็มที่
มีการใช้สารเสพติดนั้น ๆอย่างต่อเนื่อง ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
ก่อให้เกิดปัญหาทางกฎหมายจากการใช้สารสารเสพติดนั้น ๆ เช่น ถูกจับกุม
มีการใช้สารเสพติดนั้น ๆอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสารเสพติดนั้น ๆจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ใน ด้านสังคม หรือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
:explode: - การติดสาร (substance dependence) ช่วงใดช่วงหนึ่งในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา
:fire: 1. การดื้อยา (tolerance)
มีการเพิ่มปริมาณการใช้สารเสพติดนั้น ๆเพื่อให้ได้ผลหรืออาการที่ต้องการ
ผลที่มาจากสารเสพติดนั้น ๆลดลงไปอย่างมาก
:fire: 2. อาการขาดยา (withdrawal)
เกิดกลุ่มอาการขาดยาซึ่งมีลักษณะเฉพาะตามแต่ละชนิดของสารเสพติดนั้น ๆ
มีการใช้สารสารเสพติดเพื่อหลีกเลี่ยงหรือบรรเทาอาการขาดสารเสพติดชนิดนั้น ๆ
:fire: 3. มักใช้สารเสพติดชนิดนั้น ๆ ในจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นหรือติดต่อกันนานมากกว่าที่คิดไว้
:fire: 4. ตั้งใจอยู่เสมอที่จะหยุดหรือลดปริมาณการใช้สารเสพติดนั้น ๆแต่ไม่สำเร็จ
:fire: 5. เวลาในแต่ละวันหมดไปกับกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อที่จะให้ได้สารเสพติดนั้น ๆมา เพื่อการเสพสาร เสพติดหรือเพื่อฟื้นจากผลของสารเสพติดนั้น ๆ
:fire: 6. การใช้สารเสพติดนั้น ๆมีผลทำให้กิจกรรมสำคัญๆ ในด้านสังคม อาชีพ และกิจกรรมส่วนตัว เสื่อมลง
:fire: 7. มีการใช้สารเสพติดนั้น ๆต่อไปเรื่อย ๆ แม้จะทราบว่าสารเสพติดนั้น ๆก่อให้เกิดปัญหาทาง กายและจิตใจอยู่เป็นประจำก็ตาม
ภาวะถอนสาร (substance withdrawal)
เกิดขึ้นภายใน 2 ถึง 3 ชั่วโมง ถึง 2 ถึง 3 วันหลังหยุดใช้หรือลด ปริมาณการใช้สารเสพติดชนิดนั้น ๆจากที่เคยใช้ปริมาณมากมาเป็นเวลานาน และไม่ได้เกิดจากโรคทางกายหรือโรคจิต เวชอื่น ๆ
โรคทางจิตเวชที่เกิดจากการใช้ติดสารเสพติด (substance induced mental disorder)
เป็นโรค ทางจิตที่เป็นผลโดยตรงจากการใช้สารเสพติด อาการและอาการแสดงจะมีแตกต่างกันไปตามสารเสพติดแต่ละชนิด แบ่งสาร เสพติดเป็น 5 กลุ่มใหญ่ตามการออกฤทธิ์ได้แก่
กลุ่มที่ 4 กลุ่มหลอนประสาท (psychedelic drugs/Hallucinogen)
เป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อ serotonin และ glutamate receptor ทำให้ประสาทรับรู้บิดเบือน (perceptual disturbance) ประสาทหลอน หลงผิด และสับสน สารเสพติดในกลุ่มนี้ ได้แก่ สาร lysergic acid diethylamide (LSD), ketamine, phencyclidine (PCP), ยาอี (ecstasy), mescalin, เห็ดขี้เมา (mushrooms/psilocybin)
ภาวะเมาสาร (substance intoxication)
สาร lysergic acid diethylamide (LSD) จะเกิดขึ้นทันทีหลังเสพและคง อยู่ในระยะเวลาสั้นๆประมาณ 1 - 2 วัน จะรู้สึกวิตกกังวลหรือมีอารมณ์เศร้อย่างมาก กลัวว่าจะเสียสติ เห็นภาพคมชัดมีสีสันมากผิดปกติหรือได้ยินเสียงดังกว่า ธรรมดา รู้สึกว่ารูปร่างตัวเองหรือสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป อาจมีหูแว่ว ภาพ หลอน ส่วนอาการทางกายมักมีอาการหัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น เหงื่อออก มือสั่น ตาแดง ม่านตาขยาย ตาพร่า คอแห้ง นอน ไม่หลับ กัดฟันขณะตื่นตลอดเวลา เดินเซ
สาร phencyclidine (PCP) และ ketamineจะทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ขาดการควบคุมอารมณ์ พุ่งพล่าน กระวนกระวาย การตัดสินใจบกพร่อง อาจมีอาการประสาทหลอน หลงผิด หวาดระแวงคนจะมาทำร้าย
ภาวะถอนสาร (substance withdrawal)
สาร lysergic acid diethylamide (LSD) หลังจากหยุดเสพ จะมีอาการประสาทหลอนเห็นภาพความคิดหรือภาพประสบการณ์ผุดขึ้นมาเป็นช่วง ๆ 2 – 3 วินาทีถึง 2 – 3 นาที
สาร PCP และ ketamine จะมีอาการที่สำคัญคือ อาการเฉื่อยชาง่วงเหงาหาวนอน (lethargy) ซึมเศร้า และอยากเสพยา (caving)
กลุ่มที่ 2 กลุ่มนาร์โคติก (narcotic)
เป็นสารที่ออกฤทธิ์ผ่าน opioid receptor จึงมักมีฤทธิ์ทำให้ หายปวด และมีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง และกด ศูนย์การหายใจ ทำให้ง่วงนอนและหลับ สารเสพติดในกลุ่มนี้ ได้แก่ สารฝิ่น, มอร์ฟีน, เฮโรอีน
ภาวะเมาสาร (substance intoxication)
ของกลุ่มนาร์โคติก จะแสดงให้เห็นได้ชัดเจน หลังเสพทันทีโดยจะมีอารมณ์เคลิ้มสุขในระยะแรก จากนั้นจะเซื่องซึม หดหู่ อารมณ์ทางเพศลดลง เฉื่อยชา เฉยเมย ความสามารถในการเรียนและการทำงานลดลง การคงความใส่ใจ สมาธิและความจำบกพร่อง รวมทั้งมีปัญหา สัมพันธภาพกับผู้อื่น
ภาวะถอนสาร (substance withdrawal)
เมื่อหยุดเสพภายใน ไม่กี่นาที หรือ 2 – 3 วันหลังหยุดใช้หรือลดปริมาณการเสพลง โดยจะมีอาการวิตกกังวล กระวนกระวาย ปวด กล้ามเนื้อตามตัวอย่างมากโดยเฉพาะหลังและขา หงุดหงิดง่าย หดหู่ มีความไวต่ออาการปวดเพิ่มขึ้น อยากเสพ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย เหงื่อ ออกมาก มีไข้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามตัวอย่างมาก น้ำตาและน้ำมูกไหล จน คล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ ม่านตาขยาย ขนลุก หาวบ่อย ๆ และ นอนไม่หลับ
กลุ่มที่3 กลุ่มกดระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous system depressants)
เป็นสารที่ ออกฤทธิ์โดยตรงต่อ limbic system ผ่าน GABA receptor โดยสารในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ผ่าน GABA receptor เป็นหลัก สารกลุ่มนี้กดการทำงานของระบบประสาทให้น้อยลง ลดความวิตกกังวล จิตใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่กระสับกระส่าย ง่วงนอน แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดผลข้างเคียง ให้มี อาการหลงลืม (amnesia) สารเสพติดในกลุ่มนี้ ได้แก่ ยากลุ่ม barbiturates, ยากลุ่ม benzodiazepines, สุรา
(alcohol)
ภาวะเมาสาร (substance intoxication)
อาการแสดงคล้ายในภาวะเมาสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น งง สับสน สมาธิไม่ดีการทำงานประสานกันของกลัมเนื้อผิดปกติ ทำให้การทรงตัวเสียสมดุล เดินไม่ตรง ล้มง่าย พูดไม่ชัด มีตากระตุก หลงลืมโดยเฉพาะลืมเหตุการณ์ช่วงที่มีอาการมึนเมา จากยามีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ขาดการยับยั้งชั่งใจ มีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่หมาะสม อารมณ์ เปลี่ยนแปลงง่าย
ภาวะถอนสาร (substance withdrawal)
- ยากลุ่ม barbituratesและยากลุ่ม benzodiazepines เกิดขึ้นช้าก็ประมาณ 2 - 3 วันหลังหยุดยา พบบ่อยจะคล้ายอาการถอนสุรา ได้แก่ ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานมากกว่าปกติ เช่น เหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว มือสั่น นอนไม่หลับ วิตกกังวล กระวนกระวาย อยู่ไม่สุข ปั่นป่วนในท้อง คลื่นไส้หรืออาเจียน เมื่อหยุดยาทันทีอาจเกิดอาการชักทั้งตัว
สุรา (alcohol) เกิดขึ้นทันทีหลังเสพและคง
อยู่ในระยะเวลาสั้นๆประมาณ 1 - 2 วัน แต่ถ้าเสพบ่อยครั้งอาการจะอยู่นานหลายวัน จนถึงประมาณ 2 สัปดาห์ จะรู้สึกวิตกกังวลหรือมีอารมณ์เศร้อย่างมาก อาจมีหูแว่ว ภาพ หลอน ส่วนอาการทางกายมักมีอาการหัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น เหงื่อออก มือสั่น ตาแดง ม่านตาขยาย ตาพร่า คอแห้ง นอน ไม่หลับ กัดฟันขณะตื่นตลอดเวลา เดินเซ
กลุ่มที่ 5 กลุ่มสารอื่น ๆ
มีฤทธิ์แตกต่างจาก 4 กลุ่มแรก สารเสพติดในกลุ่มนี้ ได้แก่ กัญชา (cannabis), สารระเหย (inhalant) เช่น กาว ทินเนอร์, ใบกระท่อม (mitragyna), khat
ภาวะเมาสาร (substance intoxication)
กัญชา (cannabis) เกิดภายหลังสูบไม่กี่นาทีและจะคงอยู่นาน 2 – 4
ชั่วโมงโดยมีอารมณ์เคลิ้มสุข หัวเราะง่ายอย่างไม่เหมาะสม รู้สึกผ่อนคลาย ง่วงนอน ขาดการควบคุมอารมณ์มีอาการ วิตกกังวลหงุดหงิดฉุนเฉียวโกรธง่าย อาจมีอารมณ์เศร้าหวาดกลัว
สารระเหย (inhalant) เช่น กาว ทินเนอร์ภาวะเมาสารจะเกิดภายหลังดมสารปริมาณ มากทันทีโดยอาการจะเริ่มจากเวียนศีรษะ ตาพร่า เห็นภาพซ้อน พูดไม่ซัด (slurred speech) มือสั่น การทรงตัวเสีย เดินเช ล้มง่าย คลายปวด และมี nystagmus อาการด้านจิตใจและพฤติกรรม ได้แก่ อารมณ์เคลิ้มสุข สับสน มี พฤติกรรมก้าวร้าว ขาดความยับยั้งชั่งใจ
ภาวะถอนสาร (substance withdrawal)
กัญชา (cannabis) เกิดหลังหยุดเสพภายใน 1 – 2 สัปดาห์จะมีอาการหงุดหงิดง่าย มีอยากเสพยา (caving) นอนไม่หลับ มีการฝันที่มีเนื้อหา รบกวนจิตใจ (vivid and disturbed dreaming)ชัดเจนเหมือนจริง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซึมเศร้า กระวนกระวาย อยู่ไม่สุข ปวดศีรษะ หนาวสั่น ปวดท้อง เหงื่อออก และสั่น
สารระเหย (inhalant) เช่น กาว ทินเนอร์ภาวะถอนสารจะมีอาการเพียงเล็กน้อย คือ มี อารมณ์หงุดหงิด
กลุ่มที่ 1 สารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง (central nervous system stimulants)
:champagne: เป็นสารที่ออกฤทธิ์โดยตรงต่อศูนย์ควบคุมความพึงพอใจ ใน สมองส่วน limbic system ปริมาณสารสื่อประสาทดังกล่าวในช่องว่างระหว่าง เซลล์ประสาท (synaptic cleft) จึงเพิ่มปริมาณมากขึ้น ส่งผลจึงเกิดอาการตื่นตัว แต่หากมีการเสพสารเสพติดประเภทนี้ไปในปริมาณมาก ผู้ที่เสพจะมีอาการ ก้าวร้าว มีพฤติกรรมรุนแรง และอาจซักได้
สารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางชนิดรุนแรง ได้แก่ โคเคน (cocaine), แอมเฟตามีน (amphetamine), เมทแอมเฟตามีน (met-amphetamine)
ภาวะเมาสาร (substance intoxication)
ของสารกลุ่มนี้จะเกิดทันที่หลังเสพสารเสพติด โดยเฉพาะด้วยวิธีสูบ (smoking) ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้สารเสพติดออกฤทธิ์เร็วมาก อาการแสดงออกแบบ ตื่นตัว มีอารมณ์ครึกครั้นสนุกสนาน พูดมาก ชอบพบปะผู้คน ทำกิจกรรมตลอดเวลาและมักเป็นพฤติกรรมซ้ำ ๆ หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย กระวนกระวาย อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย วิตกกังวล เครียด ชอบ พาลหาเรื่องทะเลาะวิวาท การตัดสินใจเสียและนอนไม่หลับ อาการดังที่ได้กล่าวมากมักจะปรากฎภายใน ๑ ชั่วโมงหลังเสพและอยู่ได้ นานเป็นวัน ขึ้นกับปริมาณที่เสพและวิธีที่ใช้เสพ
• ภาวะถอนสาร (substance withdrawal)
ของสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางชนิด รุนแรง อาการจะเกิดขึ้นหลังจากฤทธิ์ของสารกระตุ้นหมดไป และจะมีอาการคงอยู่ 2-3 วันหลังหยุดเสพ เช่น จะมีความรู้สึกหดหู่ อ่อนเพลีย เมื่อยล้ำ ปวดศีรษะ ฝันร้าย นอนหลับมาก เคลื่อนไหวเชื่องช้า เบื่อหน่าย ท้อแท้ เป็นต้น
สารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางชนิดไม่รุนแรงและเป็นที่ยอมรับในสังคม ได้แก่ คาเฟอีน ในเครื่องดื่ม เช่น คาเฟอีน (caffeine) ในกาแฟ, เครื่องดื่มชูกำลัง, นิโคติน (nicotine) ในยาสูบหรือบุหรี่
ภาวะเมาสาร (substance intoxication)
มักเกิดเมื่อบริโภคคาเฟอีน (caffeine) ในเครื่องดื่ม มากกว่า 250 มิลลิกรัม เช่น ดื่ม กาแฟที่ชงจากเครื่องกลั่นมากกว่า 2 - 3 แก้ว มักเกิดอาการ เช่น วิตกกังวล กระวนกระวาย อยู่ไม่สุข ตื่นต้น หงุดหงิด ง่าย ส่วนอาการทางกายจะเกิดกล้ามเนื้อกระตุก หน้าออกร้อน คลื่นไส้อาเจียนและปวดท้อง ปัสสาวะ บ่อย เหงื่ออกมาก มือและเท้าสั่น นอนไม่หลับซึ่งมัก เป็นต้น และหากมีการเสพมากกว่า 10 กรัมต่อ ครั้งอาจจะมีอาการชักทั้งตัว หมดสติ การหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้อาการดังกล่าวจะเป็นอยู่นาน 6 - 16 ชั่วโมง
ภาวะถอนสาร (substance withdrawal)
:!!: คาเฟอีน (caffeine) อาการมักเกิดขึ้นภายหลังมีการดื่มครั้งสุดท้าย 12 – 24 ชั่วโมง อาการมักรุนแรงสูงสุดที่ 24 - 48 ชั่วโมงและอาจอยู่ได้นานถึง 1 สัปดาห์ อาการที่พบบ่อยที่สุดคือ ปวดศีรษะแบบบีบตุ้บ ๆ เหนื่อยล้ำ รู้สึกทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ไม่ดี คลื่นไส้ อยากดื่มกาแฟอย่างมาก ปวดกล้ามเนื้อและตัว เกร็ง
:!!: นิโคติน (nicotine) ในยาสูบหรือบุหรี่ จะเกิดอาการภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากลด ปริมาณหรือหยุดสูบบุหรี่จากที่เคยสูบบุหรี่ทุกวันติดต่อกันจะมี ความรู้สึกไม่สบายใจหรือมีอารมณ์หดหู่ ไม่แจ่มใส นอนไม่หลับ หงุดหงิด โกรธง่าย วิตกกังวล สมาธิไม่ดี กระวน กระวาย ขาดความอดทน
การพยาบาลบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตเวชจากการเสพสารเสพติด
1) การประเมินสภาพ (assessment)
ชนิดของสารเสพติดที่ผู้ป่วยเคยใช้ และใช้ก่อนที่จะมาขอรับการรักษาในครั้งนี้
วิธีที่ผู้ป่วยใช้ในการนำสารเข้าสู่ร่างกาย เช่น การสูบควัน การดม การกิน หรือการฉีดเข้าเส้นเลือด
ปริมาณสารเสพติดที่ใช้ในแต่ละครั้ง
ระยะเวลา ความถี่ในการใช้สาร และหลังสุดผู้ป่วยใช้สารเสพติดเมื่อไหร่
ในสภาพการณ์ใดที่ผู้ป่วยต้องใช้สารเสพติดนั้น ๆ
ขณะเมื่อใช้สารเสพติดต่าง ๆ ผู้ป่วยเคยมีประสบการณ์อะไรที่เกี่ยวกับอาการต่าง ๆ ทางร่างกาย และจิตใจ
ประวัติการเลิกสารเสพติดด้วยตนเองหรือเข้ารับการรักษา
ข้อมูลการตรวจร่างกาย ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ผลการคัดกรอง/อาการทางจิต ความผิดปกติ/ปัญหาอื่นที่เกิดจากการเสพสารเสพติดด้วยแบบ ประเมินต่าง ๆ
ระดับความรุนแรงของปัญหาที่มีความเกี่ยวข้องกับการเสพสารเสพติด
2) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (nursing diagnosis)
ระยะเตรียมการก่อนบำบัด (pre-admission)
ผู้ป่วยและครอบครัวมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเกี่ยวกับการติดสารเสพติด การรักษา การฟื้นฟูและ การป้องกันการกลับไปเสพสารเสพติดซ้ำ
ระยะการถอนพิษยา (de toxification)
การดูแลตนเองบกพร่อง
มีภาวะเสียงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากความรู้สึกและการควบคุมเคลื่อนไหวบกพร่อง
มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดการชัก
การรับรู้บกพร่อง มีหูแว่ว เห็นภาพหลอนแปลภาพผิด รับสัมผัสผิดปกติ (tactile hallucination)
ผู้ป่วยมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับแบบแผนการดำเนินชีวิตเพื่อป้องกันการกลับไปเสพสารเสพติดซ้ำ หลังได้รับการรักษาการฟื้นฟูการเสพสารเสพติด
ระยะติดตามดูแล (after-care)
มีพฤติกรรมและการแสดงออกไม่เหมาะสม เช่น เรียกร้อง สัมพันธภาพบกพร่อง พึ่งพา
ใช้กลไกทางจิต กลไกการปรับตัว และการเผชิญปัญหาไม่เหมาะสม
3) การวางแผนและการปฏิบัติทางการพยาบาล (planning and implementation)
:star:
เป้าหมายในระยะสั้น
ส่งเสริมและดูแลการให้พักผ่อนได้รับอาหารยาตามแผนการรักษา
การลดหรือป้องกันพฤติกรรมรุนแรง
ลดหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากยาที่ใช้ในภาวะถอนยาเสพติด
:star:
เป้าหมายในระยะยาว
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการปรับตัวในการเผชิญปัญหาอย่างเหมาะสม
มีความรู้ในการดูแลตนเองทำกิจวัตรประจำวันและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ
เพื่อส่งเสริมให้รับผิดชอบตามบทบาทหน้าที่การงานได้
มีสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลอื่น
มีเครือข่ายในสังคมที่คอยให้การช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
สามารถเผชิญปัญหาภาวะกดดันและใช้กลไกทางจิตได้อย่างเหมาะสม
การเพิ่มคุณค่าชีวิตแห่งตน
มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตในสังคม
การปฏิบัติการพยาบาล
ระยะเตรียมการก่อนบำบัด (pre-admission)
สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดเพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวเกิดความไว้วางใจและให้ความร่วมมือ ในการบำบัดรักษาทางการพยาบาล
ให้ความรู้ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการติดสารเสพติด การรักษา การฟื้นฟูและการป้องกันการ กลับไปเสพสารเสพติดซ้ำเพื่อให้ผู้ป่วยและครอบครัวลดความวิตกกังวลในการบำบัดรักษาทางการพยาบาล
ระยะการถอนพิษยา (de toxification)
รวบรวมและประเมินข้อมูลทั้งสภาพร่างกาย สภาพจิต อาการและอาการแสดงเพื่อค้นหาปัญหาที่ พบในขณะถอนพิษจากสารเสพติด
สังเกตและบันทึกรายงานและให้การดูแลอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะถอนพิษยาอย่างเหมาะสม ตามแผนการรักษาของทีมสุขภาพเพื่อให้ผู้ป่วยความปลอดภัยขณะถอนพิษจากสารเสพติด
จัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัดและให้การดูแลช่วยเหลือการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
ระยะการฟื้นฟูสภาพ (rehabilitation)
กระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมที่ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในเกี่ยวกับการติดสารเสพติด การ ฟื้นฟูและการป้องกันการกลับไปเสพสารเสพติดซ้ำ
ประเมินสภาวะความเครียดและแรงกดันต่าง ๆ ที่อาจทำให้ผู้ป่วยกลับไปใช้สารเสพติดอีก
กระตุ้นผู้ป่วยให้มีส่วนร่วมในแผนการรักษาและมุ่งเน้นให้เกิดความเข้าใจในปัญหาของตนเองที่ ต้องใช้สารเสพติด
สนับสนุนให้ผู้ป่วยได้เปิดเผยหรือบอกได้ถึงแรงจูงใจต่าง ๆ ที่ทำให้เขาต้องใช้สารเสพคิดพร้อมกับ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถหาวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ
ส่งเสริมแรงจูงใจและการร่วมมือในการรักษาต่อไป หลีกเลี่ยงการกลับไปใช้สารเสพติดอีก
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งประโยชน์ที่ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถพึ่งพาและขอความช่วยเหลือได้
ส่งต่อเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยการสอนให้ความรู้เกี่ยวกับยาและสารเสพติด
ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ศูนย์บำบัดรักษาผู้ติดยาในท้องถิ่นที่ผู้ป่วยอยู่ โรงพยาบาล ศูนย์สาธารณสุข บ้านพักฟื้น คลินิกชีวิตใหม่ ผู้นำชุมชน หรืออาสาสมัครสาธารณสุขในชุมชนให้มีส่วนร่วม ดูแลผู้เลิกเสพยา
4) การประเมินผลทางการพยาบาล (evaluation)
จำนวนวันที่ใช้สารเสพติดลดลง 3 วันจากเดิม 5 วันต่อสัปดาห์- สุขภาพทั่วไปดีขึ้นในระยะ 6 เดือน
สามารถแหล่งประโยชน์ที่ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถพึ่งพาและขอความช่วยเหลือได้
สามารถบอกวิธีการที่เหมาะสมในการแก้ไขเมื่อความเครียดได้ เช่น การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การ ออกกำลังกาย หรือเทคนิคคลายเครียดต่าง ๆ
สาเหตุ การบำบัดรักษาความผิดปกติทางจิตเวชจากการเสพสารเสพติด
สาเหตุ
1) ปัจจัยด้านชีวภาพ
พันธุกรรม ผู้ที่ติดโคเคนและผู้ที่ติดแอลกอฮอล์ พบว่า พันธุกรรมมีความความสัมพันธ์กับเสพติดโคเคนและแอลกอฮอล์
การเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทในสมอง เมื่อร่างกายได้รับสารเสพติดอย่างต่อเนื่อง จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทในสมอง ทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงตอบสนองต่อการใช้ สารเสพติดในลักษณะการติดสารทางร่างกายเกิดภาวะดื้อยา ขาดยา เกิดอาการอยากเสพสาร
การเปลี่ยนแปลงระดับเมตาบอลิสม (metabolic activity) พบว่า ปริมาณของ serotonin, dopamine และ GABA ลดลง เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวยีน ทำให้เพิ่มความไวต่อการตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก ที่เรียกว่า sensitization ซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการอยากเสพ และนำไปสู่การกลับไปติดซ้ำ ด้วยเช่นกัน
2) ปัจจัยทางจิต
มีแรงจูงใจในการอยากลอง
ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ผู้ที่มีปัญหากรใช้สารเสพติดจะมี superego ที่ช่างลงโทษ และใช้สารนั้นเป็นหนทางที่จะลดความเครียดจากจิตไร้สำนึก (unconscious system) มีพัฒนาการติดอยู่ที่ระยะ oral stage (oral fixation) โดยใช้สารเสพติดช่วยลดความวิตก กังวล
บุคลิกภาพ บุคลิกภาพที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดพฤติกรรมติดสาร คือ impulsivity, dependency need ที่สูง การควบคุม อารมณ์ที่บกพร่อง กลุ่มอาการ ADHD และบุคลิกภาพแบบ antisocial
3) ปัจจัยทางสังคม
ครอบครัวหรือพ่อและแม่มีการใช้สารเสพติด
สัมพันธภาพในครอบครัวไม่ดี เด็กหันไปติดเพื่อน ถูกเพื่อนชักจูง
สังคมมีค่านิยมผิดเกี่ยวกับการใช้สารเสพติด
สังคมสิ่งแวดล้อมที่เป็นวัตถุนิยม
การบำบัดรักษา
ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละราย ระบบการบำบัดรักษาการเสพสารเสพติดในประเทศไทย แบ่งเป็น 3 ระบบ คือ ระบบสมัครใจ, ระบบบังคับรักษา, การต้องโทษ (ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ)
:smiley:
วัตถุประสงค์ของการบำบัดรักษา
เพื่อให้ผู้ป่วยหยุดใช้สารเสพติดให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีสุขภาพทั้งร่างกายจิตใจและสังคมดีขึ้น
เพื่อช่วยผลักดันและส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่เหมาะสม
ระยะสองการถอนพิษยา (detoxification)
ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ เริ่ม จากการลดขนาดยาเสพติดลงไปเรื่อย ๆ จะได้รับยาที่ออกฤทธิ์เหมือนหรือใกล้เคียงสารเสพติด นำมาใช้ชดเชยแทนสารเสพติด เช่น ใช้ Methadone มาลดอาการถอนฝิ่นและอนุพันธ์ฝิ่น และลดขนาดยาลงเรื่อย ๆระหว่างนี้ผู้ป่วยจะได้รับอาหารที่มีคุณภาพ และมีปริมาณพียงพอ ซึ่งมีสารอาหาร ครบถ้วน อาจได้รับการเสริมด้วยวิตามิน พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาภาวะแทรกซ้อนและภาวะขาดสมดุลของน้ำและเกลือ แร่ในร่างกาย
ระยะสามการรักษาทางจิตสังคมเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพ (psychosocial rehabilitation
มีความจำเป็นและได้ผลดีมาก เช่น การทำครอบครัวบำบัด หรือ การบำบัดคู่สมรส ระยะที่สามนี้จะเป็นระยะที่ใช้เวลาในการรักษานานอย่างน้อย ๑ ปี อาจจะใช้การรักษา นอกได้ แต่ผู้ป่วยควรมาติดตามต่อเนื่อง สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ๆ ละ 3 ชั่วโมงเป็นเวลา 16 สัปดาห์ ซึ่งเป็นการใช้รูปแบบ MATRIX program หรือใช้รักษาแบบผู้ป่วยในโดยใช้รูปแบบชุมชนบำบัด
ระยะแรก (pre-admission)
การเตรียมพร้อมสำหรับผู้ป่วยใช้เวลา 1 - 7 วัน ผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาครั้งแรกผู้ป่วยจะได้รับการประเมินอาการทางคลินิก และดูความ พร้อมความเต็มใจในการมารับการรักษา มีการตรวจร่างกายและตรวจสภาพจิตโดยละเอียดรวมทั้งการส่งตรวจทาง ห้องปฏิบัติ เพื่อดูและแก้ปัญหาเฉพาะหน้ที่พบ เช่น ภาวะเมา ภาวะถอน อาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น หวาดระแวง ประสาทหลอน และความคิดฆ่าตัวตาย
ระยะสี่การติดตามดูแล (after-care)
เป็นระยะที่ผู้ป่วยกลับไปอยู่บ้านในชุมชนตามปกติแต่ แพทย์ยังนัดมาเพื่อติดตาม ปีละ 3 - 4 ครั้ง พร้อมกับสุ่มตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจสอบสารเสพติดในระยะนี้ผู้ป่วยอาจ เข้ากลุ่มช่วยเหลือกันเอง (self-help group) เพื่อช่วยกันหยุดการใช้สารเสพติดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเป็นวลานาน ที่สุดเท่าที่จะนานได้
นางสาวพาทินธิดา ขำหินตั้ง รหัส 180101128