Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคปอดอักเสบ
pneumonia - Coggle Diagram
โรคปอดอักเสบ
pneumonia
โรคปอดอักเสบ pneumonia หมายถึง การอักเสบของเนื้อปอด ซึ่งประกอบด้วยหลอดลมฝอย (Terminal และ bronchioles) ตลอดจนถุงลม (alveoli)และเนื้อเยื่อโดยรอบ(interstitium) พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ การอักเสบที่เกิดขึ้นอาจเกิดเฉพาะบางส่วนของเนื้อเยื่อปอดใน lobar pneumonia หรืออาจกระจายไปทั่วเนื้อปอด การอักเสบอาจเริ่มจากเนื้อปอดหรืออาจลุกลามมาจากส่วนบนของทางเดินหายใจ อาจเกิดเป็นผลตามหลังจากการอักเสบของส่วนอื่นของร่างกายหรือจากการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
พยาธิสรีรวิทยา
เชื้อไวรัสและแบคทีเรียหรือเชื้อก่อโรคสามารถเข้าสู่ทางเดินหายใจการสัมผัส(direct contact)เชื้ออาจฝังตัวในที่โดยตรง แพร่กระจายตัวลงมาจากทางเดินหายใจส่วนบน หลอดลมฝอยขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 75-300 ไมครอน จะเป็นตำแหน่งที่เริ่มเกิดพยาธิสภาพ ก่อนที่ไวรัสจะก่อโรคนั้นเยื่อเมือกและเยื่อบุทางเดินหายใจชนิดที่มีเซลล์ขนกวัด(ciliated respiratory epithelium) จะพยายามกำจัดเชื้อโรคออกจากทางเดินหายใจ แต่ถ้าเชื้อโรคนั้นมีจำนวนมากและรุนแรง ร่างกายจะเริ่มต่อต้านเชื้อโดยใช้ภูมิคุ้มกันชนิดต่างๆ เช่น antibody, complement, phagocytes, cytokined เช่น เชื้อแบคทีเรีย จะสร้าง pneumolysin ไปกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบได้มากและทำให้เซลล์ในร่างกายตายได้ นอกจากนี้เชื้อบางชนิดที่เข้าสู่กระแสเลือดเข้าไปทำลายเนื้อปอดโดยตรง ทำให้เกิดปอดอักเสบรุนแรงได้เช่นกัน โดยเชื้อไวรัสจะทำลาย ciliated respiratory epithelium เกิดการหลุดของ debris สะสมในหลอดลม ทำให้เกิดการอักเสบ ในระยะแรกจะมีของเหลวคั่ง บวมและมีเม็ดเลือดขาวมากขึ้น ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจเนื่องจากปอดส่วนที่มีการอักเสบนั้นจะเริ่มแข็ง เป็นผลทำให้ความจุปอดและความยืดหยุ่นของปอดลดลง มีเสมหะจำนวนมากในถุงลมและทางเดินหายใจ เลือดไหลผ่านปอดส่วนนั้นจะไม่มีการแลกเปลี่ยนก๊าซซึ่งกันและกันกับถุงลมปอด ทำให้เด็กได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
สาเหตุ
: เชื้อไวรัส, เชื้อแบคทีเรีย, เชื้อปรสิต, บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีการปนเปื้อนเชื้อ, สัมผัสวัตถุและพื้นผิวที่มีการปนเปื้อนเชื้อ, ไม่ล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำ, ใกล้ชิดหรือได้รับเชื้อจากผู้ป่วยโดยตรง
อาการและอาการแสดง
อาการของปอดอักเสบมีลักษณะและความรุนแรงแตกต่างกันออกไปในแต่ละรายขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ ที่เป็นสาเหตุ อายุ ตำแหน่งที่เกิดอาการอักเสบ อาการสำคัญ ได้แก่ ไข้ ไอ หายใจเร็วกว่าปกติและหายใจลำบากในรายที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียมักมีไข้สูงแบบเฉียบพลันสูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส โดยจะสูงถึง 40 องศาเซลเซียสร่วมกับการมีอาการไอ ยกเว้นในเด็กที่มีการขาดสารอาหารขั้นรุนแรง อาจไม่มีอาการไอ หรือไอน้อยมาก เนื่องจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง มีอาการหายใจเร็วซึ่ง เป็นอาการเริ่มแรกเนื่องจาก มีภาวะขาดออกซิเจนในเลือด หอบเหนื่อยจะเห็นผนังทรวงอกบุ๋มบริเวณขณะหายใจเข้า อาจไม่พบว่ามีการหายใจเร็วหรือหอบชายซี่โครงบุ๋มเลยเนื่องจากไม่ว่าจะ ไม่มีแรงหอบอาจมีอาการเจ็บหน้าอก ลักษณะทั่วไปมักดูในส่วนของรายที่ติดเชื้อมากมีไข้ต่ำๆเกิน 38.5 องศาเซลเซียสอาการมักค่อยเป็นค่อยไปซึ่งปอดอักเสบจากไวรัสมักมีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบนนำมาก่อนซึ่งผู้ป่วยมักมีอาการไอมากจะมีเสมหะในระยะหลังอาจมีปวดข้อ ผื่น หูอักเสบร่วมด้วย ผู้ป่วยมักมีอาการมากกว่าการแสดง
การฟังปอดมักได้ยินเสียง fine หรือ medium Crepitation อาจจะได้ยินเสียง bronchail breath sound บริเวณปอดที่มีพยาธิสภาพเนื้อปอดแข็งหรือ decrease breath sound เสียง wheeze หรือเสียง Rhonchi มักพบในปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส mycoplasma pneumonia อาจมี abdominal pain ในรายที่มีปอดอักเสบบริเวณ Lower lobe ในเด็กทารกและเด็กเล็กนั้นอาจมีอาการไม่จำเพาะ เช่น ซึม ไม่ดูดนม กระสับกระส่าย อ่อนเพลีย อาเจียน ถ่ายเหลว
การรักษา
1 การรักษาทั่วไปให้ออกซิเจนและความชื้นเมื่อหายใจหอบ ในรายที่มีอาการรุนแรงมีภาวะหายใจล้มเหลวต้องได้รับการดูแล โดยใช้เครื่องช่วยหายใจ ดูแลให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและเพื่อช่วยละลายเสมหะ โดยให้ดื่มน้ำมากๆ
2 การรักษาเฉพาะ
2.1 ให้ยาปฏิชีวนะโดยพิจารณาจากเชื้อที่เป็นสาเหตุ
2.2 ในรายที่ไม่ทราบเชื้อที่เป็นสาเหตุอาศัยข้อมูลจากผู้ป่วยเอง เช่น อายุ ประวัติการสำลักน้ำคร่ำ ตำแหน่งของการติดเชื้อก่อนเป็นปอดอักเสบ สภาพแวดล้อม
การป้องกัน
- เด็กควรได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในระบบหายใจ ได้แก่conjugated pneumococcal vaccine, Hib vaccine และวัคซีนป้องกันโรคไอกรน - เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี- พ่อ แม่ และผู้เลี้ยงดูเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนป้องกันโรคไอกรน - การปฏิบัติตัวอื่นๆ เช่นเดียวกับการป้องกันโรคติดเชื้อในระบบหายใจ
อื่นๆ โดยทั่วไป
ปัญหาทางการพยาบาล
-
-
-
ปัญหาที่ 4 บิดามารดามีความวิตกกังวลเนื่องจากขาดความรู้เกี่ยวกับการเจ็บป่วยของบุตรและความไม่เข้าใจวิธีการรักษา
ข้อควรระวัง
การถ่ายอุจจาระเหลวหลายๆครั้ง ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ไปจำนวนมาก ทำให้เกิดอาการขาดน้ำขึ้น แต่ในทารกที่กินนมแม่อาจมีอาการถ่ายเหลวบ่อยได้ โดยไม่ถือเป็นอาการท้องเดิน แต่ถ้าถ่ายบ่อยกว่าปกติควรพบแพทย์ นอกจากอาการถ่ายเป็นน้ำหรือถ่ายมีมูกปน อาจมีอาการไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยภาวะขาดน้ำแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ภาวะขาดน้ำเล็กน้อย จะมีอาการกระหายน้ำอ่อนเพลีย ชีพจร ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ภาวะขาดน้ำปานกลาง มีอาการเพลียมากแทบเดินไม่ไหว ปากแห้ง ตาลึก ชีพจรเบาเร็ว ในทารกจะพบมีกระหม่อมบุ๋ม และซึม
- ภาวะขาดน้ำรุนแรงมีอาการอ่อนเพลียมากลุกนั่งไม่ไหวต้องนอน ริมฝีปากแห้งหายใจลึก มือเท้าเย็น ไม่ถ่ายปัสสาวะ ชีพจรเบาเร็วความดันโลหิตต่ำ