Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะจิตเวชฉุกเฉิน - Coggle Diagram
การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะจิตเวชฉุกเฉิน
ความหมายของภาวะจิตเวชฉุกเฉิน
จิตเวชฉุกเฉิน (emergency psychiatry)
เป็นภาวะที่บุคคลมีความแปรปรวนทางด้านความคิด อารมณ์ความสัมพันธ์ทางสังคม หรือ พฤติกรรมอย่างเฉียบพลันหรือรุนแรง จนอาจทําให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น
ลักษณะอาการและอาการแสดง
พฤติกรรมรุนแรง (violence behavior)
เป็นพฤติกรรมในความพยายามหรือลงมือกระทําการทำร้าย ทําลาย ทั้งร่างกาย จิตใจ ตนเองผู้อืน
และสิ่งของ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้บุคคลหรือสิ่งของที่ถูกกระทําได้รับความเจ็บปวด การบาดเจ็บ หรือเสียหาย และมักเป็นอาการสําคัญที่ทําให้ผู้ป่วยถูกส่งตัวมารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยลักษณะที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมรุนแรง มีดังนี้
ลักษณะทั่วไป: มีท่าทางตึงเครียด หน้านิ่งคิ้วขมวด ตาจ้องขมึงไปรอบ ๆมีการคลื่อนไหวเดินไปมาตลอดเหมือนมีความระวนกระวาย ขู่ว่าจะฆ่าหรือทําร้ายผู้อื่น ทําลาย หรือมีท่าทางหวาดกลัว
อารมณ์: แสดงความโกรธอย่างรุนแรง ขาดการควบคุมอามณ์
การรู้สติ (level of consciousness): อาจมีภาวะสับสนมีการรับรู้เวลา สถานที่ บุคคล ไม่ ถูกต้อง (disorientation) หรือมีอาการหลงผิดระแวงว่าถูกปองร้าย มีความคิดทำร้าย ฆ่า หรือแก้แค้นผู้อื่น
เคยมีประวัติมีพฤติกรรมรุนแรง: ทะเลาะวิวาทรุนแรงกับผู้อื่น ทำร้ายผู้อื่น ทำลายทรัพย์สินมา ไม่นาน หรือมีร่องรอยของการทะเลาะวิวาท เช่น มีรอยแผล, มีรอยซ้ำ
พฤติกรรมการฆ่าตัวตาย (suicide behavior)
มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การอยากฆ่าตัวตายที่วางแผน ล่วงหน้าเป็นเดือนเป็นปี หรือเป็นการฆ่าตัวตายหรือการทำร้ายตนเองที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ หรือเป็นการกระทำที่ เป็นผลมาจากอาการโรคจิต (psychosis)
ลักษณะทั่วไป: สีหน้าเศร้าหมอง ร้องไห้ไม่สบตา ตามองพื้น คอตก ไหล่ห่อ ไม่ค่อยสนใจดูแลสุขอานามัยตนเอง คิดช้า พูดช้า เคลื่อนไหวช้า ตอบคําถามแบบถามคําตอบคํา หรือบางคนจะมีท่าทีกระวนกระวาน อยู่นิ่งไม่ได้
ลักษณะอารมณ์:คนที่คิดฆ่าตัวตายมีหลายอารมณ์ อาจเศร้า โกรธ คับแค้นใจ แต่ส่วนมากจะตกอยู่ในภาวะเศร้ารู้สึกทุกข์ทรมานใจ หดหู่ ท้อแท้ สิ้นหวัง เบื่อชีวิต หรือบางรายจะรู้สึกหงุดหงิดพลุ่งพล่าน โกรธ อยากแก้แค้น อยากให้ผู้อื่นรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิด
ความคิด: อาจโทษตนเองคิดว่าตนเองเป็นคนไม่ดีไม่มีคุณค่า เป็นภาระกับคนอื่น การมีชีวิตอยู่ต่อไปไร้ความหมาย ไม่มีใครต้องการ คิดว่าตนเองมีความผิดบาป ไม่อยากทุกข์ทรมานต่อไป จะได้หมด ทุกข์ พ้นความทรมานใจ บางคนหมกมุ่นกับการคิดฆ่าตัวตาย วางแผนฆ่าตัวตาย และหรือมีความตั้งใจที่จะทำ ร้ายตนเอง
การรับรู้: ผู้มีอาการทางจิตอาจมีอาการประสาทหลอนสั่งให้ทำร้ายตนเอง (command hallucinations for self-harm)
พฤติกรรม: คนที่คิดฆ่าตัวตายอาจจะมีการพยายามทำร้ายตนเองหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงที่ จะทำร้ายตนเองก่อนมาโรงพยาบาล มีประวัติเคยพยายามทำร้ายตนเอง
ภาวะสับสนเพ้อคลั่ง (delirium)
เป็นกลุ่มอาการทางสมองเฉียบพลัน (acute brain syndrome) ผู้ป่วยจะเสียการรู้คิด (cognition) ทั้งหมดและมีอาการทาง neuropsychiatric syndrome ต่างๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ภายใน 2-3 ชั่วโมง หรือ 2-3 วัน ประกอบด้วย อาการสับสนเกี่ยวกับวันเวลา สถานที่ บุคคล (disorientation) กระวนกระวาย มีการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัว (fluctuation of consciousness) มีควมผิดปกติของการ หลับนอน เช่น หลับตอนกลางวันและตื่นหรือทำพฤติกรมวุ่นวายในเวลากลาคืน ความจำระยะสั้นเสีย การรู้สภาพ ตนเองและตัดสินใจเสีย และจะมีอาการทางจิตรุนแรง มีอาการประสาทหลอน (hallucination) หรือแปลสิ่งเร้าผิด (illusion) ทำให้เกิดความกลัว เกิดอาการวุ่นวาย ก้าวร้าวรุนแรงทำร้ายผู้อื่นเพราะหวาดระแวง หรือทำร้ายตนเองหนี ภาวะประสาทหลอน
กลุ่มอาการหายใจถี่ (hyperventilation syndrome)
เป็นกลุ่มอาการที่มีการหายใจเร็วอย่างมาก ส่งผลให้เกิดภาวะคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดต่ำ (hypocapnia) และเกิดภาวะด่างจากการหายใจ (respiratory alkalosis) ส่งผลให้เกิดอาการชารอบปากมือ เท้า เกร็ง กระสับกระส่าย ทายใจไม่อิ่ม วิงเวียน อาจหมดสติได้โดย ลักษณะที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยจะอยู่ในกลุ่มอาการหายใจถี่ มีดังนี้
การมีอาการขึ้นมาทันทีทันใด
หายใจลึกและเร็วเป็นเวลาหลายนาทีโดยที่ไม่รู้ตัว จากนั้นจะเริ่มมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม วิงเวียน ใจสั่น นิ้วมือจีบยืดเกร็ง (carpopedal spasm)
ชาบริเวณริมฝีปาก นิ้วมือ นิ้วเท้า ผู้ป่วยอาจอ่อนแรงและสุดท้ายอาจหมดสติได้
ผู้ป่วยอาจจะบอกว่า รู้สึกเหมือนสำลัก หายใจไม่ออก (suffocation) ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยมักจะมีความเครียดทางอารมณ์เป็นปัจจัยกระตุ้น
อาการแพนิค (panic attack disorders)
ผู้ป่วยจะมีอาการกลัวอย่างรุนแรง พร้อมกับมีอาการทาง กายหลายอย่างร่วมด้วย อาการเกิดทันทีและเป็นมากอย่างรวดเร็วผู้ป่วยจะมีความกลัวอย่างรุนแรง และความรู้สึก เหมือนกำลังจะตาย ควบคุมตนเองไม่ได้ คิดว่าตนเองเป็นโรคร้ายแรง ลักษณะที่บ่งชี้ว่าผู้ป่วยอยู่ในอาการแพนิค มีดังนี้
ผู้ป่วยมีความกลัวอย่างรุนแรง
อาการเกิดทันทีและเป็นมากถึงระดับสูงสุดภายใน 10 นาที ร่วมกับอาการทางกายดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 4 อาการ ได้แก่ ใจสั่น เหงื่อออกมาก มือสั่น ตัวสั่น หอบ หายใจไม่ออก เจ็บแน่นหน้าอก คลื่นไส้แน่นท้อง เวียนศรีษะเป็นลม กลัวตาย ชาเจ็บตามผิวหนัง รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ตามตัว
อาจมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 1 อย่างเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ได้แก่กลัวจะเป็นอีก, กลัว จะควบคุมตนเองไม่ได้,กล้วเป็นโรคห้วใจหรือกลัวเสียสติ, มีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น ขาดงาน หรือขาดโรงเรียน,อาการ ที่มีไม่ได้เป็นมาจากภาวะความเจ็บป่วยทางกาย
อาการพิษจากสารเสพติดและอาการขาดสาร (substance intoxication and withdrawal)
ที่นำ ผู้ป่วยเข้ามารับรักษาในแผนกฉุกเฉินที่พบบ่อย
1) สุรา (alcohol) เป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์กดระบบประสาท
อาการพิษสุรา (alcohol intoxication) จะมีความผิดปกติของพฤติกรรมหรือจิตใจพฤติกรรมก้าวร้าว การตัดสินใจเสีย และมีอาการทางกายร่วมด้วย
อาการขาดสุรา (alcohol withdrawal) เกิดขึ้นเนื่องจากดื่มสุราจัดเป็นเวลานานแล้วหยุดหรือ ลดปริมาณการดื่มลง อาการขาดสุราจะเกิดภายใน 4 - 12 ชั่วโมง แต่บางรายอาจมีอาการหล้งหยุด 2-3 วัน อาการมัก เป็นรุนแรงในวันที่ 2 จะเกิดกลุ่มอาการเหงื่อออกมาก ชีพจรเร็ว มือสั่น นอนไม่หลับ คลื่นไอเจียน และอาการที่นำ ผู้ป่วยมารับบริการอฉุกเฉินทางจิตเวช คือ ผู้ปวยจะมีอาการประสาทหลอนหรือแปลสิ่งเร้าผิด และมีอาการมือสั่นและเพ้อ (alcohol withdrawal delirium or delirium tremens)
2) แอมเฟตามีน (amphetamine) เป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท (stimulants)
อาการพิษของแอมเฟตามีน (amphetamine intoxication) อาการสำคัญ คือ รู้สึกสบาย ผิดปกติ ร่วมกับอารมณ์รื่นเริงสนุกสนาน จนถึงขั้นความรู้สึกตื่นตัวสูง กระวนกระวายหงุดหงิด โกรธง่าย การตัดสินใจ เสีย เกิดปัญหาทะเละกับคนอื่น มีพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง
อาการขาดแอมเฟตามีน (amphetamine withdrawal) เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ป่วยขาดแอมเฟตา มีนภายใน 2-3 ชั่วโมงจนถึงหลายวัน หลังหยุดเสพหรือลดปริมาณลงจะเกิดอาการรู้สึกไม่สบาย อ่อนเพลีย ฝันร้าย นอนไม่หลับ หรือหลับมาก พลุ่งพล่าน กระวนกระวาย อยากเสพยาอย่างรุนแรง สำหรับผู้ที่เสพยาขนาดสูงเป็นระยะ เวลานาน เมื่อหยุดเสพอาจมีอาการเศร้ารุนแรงเป็นเวลาหลายๆ วัน และอาจมีความคิดอยากตายได้
3) ฝิ่น (opioid) เป็นสารเสพติดประกอบด้วยฝื่นธรรมชาติ (มอร์ฟีน) กึ่งสังเคราะห์ (เฮโรอีน) และสารสังเคราะห์ เช่น โคเดอีน เพธิดีน
อาการพิษจากฝิ่น (opioid intoxication) อาการสำคัญ คือ อารมณ์ร่าเริงในระยะแรกแล้ว เปลี่ยนเป็นรู้สึกไม่สุขสบาย พลุ่งพล่าน กระวนกระวายหรือเชื่องช้า และมีอาการทางกาย เช่น ม่านตาหด พูดไม่ชัด สมาธิและความจำเสีย อาการพิษอย่างรุนแรงอาจไม่รู้สึกตัว (coma) การหายใจช้า ม่านตาขยาย และอาจเสียชีวิต
อาการขาดฝิ่น (opioid withdrawal) เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ป่วยหยุดเสพหรือลดปริมาณลง ฝิ่นซึ่ง มีฤทธิ์สั้นอาการขาดสารจะเกิดภายใน 6-24 ชัวโมง โดยจะเกิดอาการวิตกกังวล กระวนกระวาย อยากเสพฝิ่น รู้สึกไม่ สบาย อ่อนเพลีย ฝันร้าย นอนไม่หลับ หรือหลับมาก หงุดหงิด อยากเสพยาอย่างรุนแรง ชวนทะเลาะหรือก้าวร้าวต่อ คนอื่นง่าย มีอาการทางกาย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ น้ำมูกน้ำตาไหล ม่านตาขยาย ขนลุก เหงื่อออกมาก ท้องเสีย หาว มีไข้ นอนไม่หลับ
สาเหตุของของภาวะจิตเวชฉุกเฉินที่พบบ่อย
พฤติกรรมรุนแรง (violence behavior)
พฤติกรรมรุนแรงที่มีสาเหตุจากโรคทางจิต (functional causes) เช่น โรคจิตเภทชนิด หวาดระแวง โรคไบโพล่าร์ที่มีอาการแมเนียจนควบคุมตนเองไม่ได้ โรคจิตเนื่องจากภาวะเครียด ( brief reactive psychosis)
พฤติกรรมรุนแรงที่มีสาเหตุจากความผิดปกติทางกาย (organic causes) เช่น พิษจากยา สาร เสพติด อาการขาดสารเสพติด โรคลมชัก หรือสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรงจากการมีพยาธิสภาพทาง สมองทำให้ขาดการควบคุมอารมณ์
พฤติกรรมการฆ่าตัวตาย (suicide behavior)
มีสาเหตุหรือปัจจัยในการเกิดพฤติกรรม ได้แก่
โรคทางจิตเนื่องจากการปรับตัว (adjustment disorder) เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาชีวิต
โรคซึมเศร้า (major depressive disorder)
โรคจิตเภท (schizophrenia) เป็นการเจ็บป่วยเรื้อรังทำให้มีความสามารถในการทำกิจกรรม ต่าง ๆ ลดลงจึงเกิดความรู้สึกไร้ค่า เบื่อหน่ายชีวิต สิ้นหวัง
ติดสุราหรือยาเสพติด (alcohol dependence or substance dependence)
บุคลิกภาพผิดปกติ (personality disorder)
ภาวะสับสนเพ้อคลั่ง (delirium)
มีสาเหตุหรือปัจจัยในการเกิดภาวะสับสนเพ้อคลั่ง ได้แก่
central nervous system disorder ประสบอุบัติเหตุกระทบกระเทือนสมอง ชัก ภาวะเลือด ไปเลี้ยงสมองน้อยผิดปกติ
metabolic disorder เช่น โรคตับวาย ไตวาย ขาดวิตามีนบี การเสียสมดุลของเกลือแร่หรือ สมดุลกรด-ด่าง และภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
endocrinopathy เช่น ภาวะฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ พาราไทรอยด์ต่ำหรือสูงกว่าปกติ ภาวะฮอร์โมนของต่อมใต้สมองต่ำกว่าปกติ
systemic lines อาการพิษจากการดื่มสุราและสารเสพติด และอาการขาดสุราและสารเสพติด การติดเชื้อ ระบบควบคุมอุณหภูมิผิดปกติ
ยาที่เป็นสาเหตุของการเกิดอาการสับสนเพ้อคลั่ง เช่น antihistamine, atropine, thiazine, clozapine, tricyclic antidepressant, barbiturates, benzodiazepine
กลุ่มอาการหายใจถี่ (hyperventilation syndrome)
อาการแพนิค (panic attack disorders) มีสาเหตุหรือปัจจัยในการเกิดอาการแพนิค ได้แก่
พันธุกรรม พบว่า ญาติสนิทของผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป
ปัจจัยทางจิตใจเช่น การสูญเสีย การพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักหรือการมีภาระรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ก่อนที่จะมีอาการนี้ครั้งแรก
การมีจุดอ่อนทางชีวภาพแฝงอยู่ จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาคลายกังวล (alprazolam) และยารักษาอาการซึมเศร้า (imipramine)สามารถลดความรุนแรงของอาการ แพนิคได้
การบำบัดรักษาของภาวะจิตเวชฉุกเฉินที่พบบ่อย
พฤติกรรมรุนแรง (violence behavior)
การบำบัดช่วยเหลือ ได้แก่ สิ่งที่ควรคำนึงอันดับแรก คือ ความปลอดภัยของตัวผู้ป่วยเอง ผู้ป่วยอื่น ญาติ และบุคลากรทุกคน
การป้องกันการเกิดพฤติกรรมรุนแรง (violence precautions) สร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยระบายอารมณ์ความรู้สึกและใช้คำพูดแสดงการรับรู้และเข้าใจในปัญหาหรือสถานการณ์ของผู้ป่วย
การควบคุมพฤติกรรมรุนแรง (violence control) ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมตนเองได้มีท่าที ที่จะต่อสู้หรือจะทำร้ายร่างกายผู้อื่น พยาบาลต้องแจ้งให้ผู้ป่วยทราบว่าจำเป็นต้องควบคุมพฤติกรรมของผู้ป่วยโดยการ ย้ายผู้ป่วยไว้ในห้องแยก จับและผูกยึด และให้ยาเพื่อสงบอาการตามคำสั่งการรักษา
การประเมินและวางแผนการดูแลต่อเนื่อง ภายหลังการควบคุมพฤติกรรมของผู้ป่วยได้แล้ว ถ้า ผู้ป่วยยังมีอาการทางจิตรุนแรง และต้องควบคุมอาการในเวลาเร่งด่วน (rapid method)แพทย์จะให้ antipsychotic drugในกลุ่ม high potency สำหรับฉีดเข้ากล้ม ทุก ๆ 30-60 นาที่จนกว่าจะประเมินว่าผู้ป่วยอาการสงบลงจะหยุดยา
พฤติกรรมการฆ่าตัวตาย (suicide behavior)
การบำบัดช่วยเหลือ ได้แก่
การรักษาทางกายเป็นอันดับแรก (management of medical surgical consequences of suicide attempt)
การป้องกันและเฝ้าระวังการฆ่าตัวตายซ้ำ (suicide precautions)
การประเมินและวางแผนการดูแลต่อเนื่อง การประเมินสาเหตุของการฆ่าตัวตายและประเมิน ความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายซ้ำ
ภาวะสับสนเพ้อคลั่ง (delirium)
การบำบัดช่วยเหลือ ได้แก่ เนื่องจากผู้ป่วยที่มีอาการสับสนและหวาดกลัวจากอาการประสาทหลอน อันอาจเป็นอันตรายต่อ ตนเองและผู้อื่นได้ หลักสำคัญในการช่วยเหลือ คือ กรป้องกันอันตราย หรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
การบำบัดรักษาด้วยยา ที่นิยมใช้ antipsychotics drug ได้แก่ haloperidol ในการรักษาผู้ป่วย delirium ที่มีอาการวุ่นวาย และนิยมใช้ benzodiazepine แทน antipsychotic drug ในการรักษาอาการ delirium จาก alcohol withdrawal
การบำบัดด้านสิ่งแวดล้อม
กลุ่มอาการหายใจถี่ (hyperventilation syndrome)
การบำบัดช่วยเหลือ ได้แก่
ให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วย (reassurance) ว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีอันตรายถึงชั้นเสียชีวิตเพื่อ ลดระดับความกังวลและกลัวของผู้ป่วย
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบว่าอาการและความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเกิดจากการหายใจเร็วกว่า ปกติหรือหายใจถี่ โดยให้ผู้ป่วยลองหายใจเร็วขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดการเรียนรู้กลไกการเกิดอาการว่าหากหายใจเร็วขึ้น
ช่วยให้ผู้ป่วยสงบและผ่อนคลาย ด้วยการจำกัดปัจจัยกระตุ้น ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อ เกิดอาการ สนับสนุนให้ผู้ป่วยเกิดการควบคุมตนเอง (self-control) ช่วงที่เกิดอาการ hyperventilation syndrome
ช่วยลดอาการหายใจไม่อิ่มของผู้ป่วยให้ดีขึ้นโดย
อาการแพนิค (panic attack disorders)
การบำบัดช่วยเหลือ ได้แก่
สร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อผู้ป่วย เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้พูดระบายความคิดและความรู้สึก
แยกผู้ป่วยออกมาจากสถานการณ์ที่ทำให้เกิดอาการ โดยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปอยู่ที่สงบ
ให้ยาตามแผนการรักษา
อาการพิษจากสารเสพติดและอาการขาดสาร (substance intoxication and withdrawal)
การบำบัดช่วยเหลือ ได้แก่
วัดและบันทึกสัญญาณชีพ (vital signs) สัญญาณประสาท (neuro signs) จนกว่าผู้ป่วยจะดี ขึ้น หมดภาวะพิษจากสารเสพติดและอาการขาตสารเสพติด
ใช้ยา antidote เช่น narcane (narloxone) ในรายที่ได้สารพวกฝิ่นหรืออนุพันธ์ของฝิ่น (เฮโรอีน) เกินขนาด
กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการชัก ผู้ป่วยจะได้รับยาแก้ชัก เช่น ให้valium ฉีดเข้าหลอดเลือดดำช้าๆ และอาจให้ยาซ้ำได้ถ้าจำเป็นผู้ป่วยอาจได้รับยากันชักฉีดเข้ากล้ามหรือชนิดรับประทานต่อไป
กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการท้องเสียมาก ผู้ป่วยจะได้รับยาแก้ท้องเสียและให้การบำบัดดูแลอาการ ทางกายอื่นๆ เซ่น เหงื่อออก คลื่นไส้ อาเจียน
ให้การปรึกษาเพื่อประคับประคองผู้ป่วยในการปรับตัวกับปัญหาในปัจจุบัน
การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะจิตเวชฉุกเฉิน
1) การจำแนกผู้ป่วย (triage) เป็นกระบวนการประเมินและคัดกรองภาวะสุขภาพแบบองค์รวมอย่าง รวดเร็ว จากการสังเกตพฤติกรรมและอาการผิดปกติสัมภาษณ์อาการสำคัญ สาเหตุที่นำมาหน่วยฉุกเฉิน ประวัติการ เจ็บป่วยในปัจจุบัน ในอดีต ประวัติทางกฎหมาย และปัจจัยกระตุ้นที่ก่อให้เกิดอาการในครั้ง
2) ให้การพยาบาลบำบัดดูแลระยะแรก (initial intervention) ตามความรุนแรงของปัญหาที่ประเมิน ได้เพื่อจัดการให้ผู้ป่วยปลอดภัยและอาการสงบลง (stabilize patient)
การช่วยเหลือผู้ป่วยทันทีทันใด (immediate)
การช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน (emergency) ต้องให้การดูแลภายใน 10 นาที
การช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะรีบด่วน (urgent) ต้องให้การดูแลภายใน 30 นาที
การช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะกึ่งรีบด่วน (semi-urgent) ให้การดูแลภายใน 60 นาที ผู้ปวยอยู่ในภาวะ เครียดไม่สุขสบาย (distress) หงุดหงิดง่ายแต่ไม่ก้าวร้าว สังเกตและให้การดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยทุก ๆ 30 นาที
การช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะไม่รีบด่วน (non-urgent) ให้การดูแลภายใน 120 นาที ผู้ป่วยอยู่ใน ภาวะเครียดหรือไม่สุขสบายเรื้อรั้ง(distress)
3) การประเมินและบำบัดต่อเนื่อง (continue with evaluation and intervention) เมื่อผู้ป่วย อาการสงบ พ้นภาวะที่จะเป็นอันตรายต่อตนองและผู้อื่น พ้นขีดอันตราย ควบคุมตนเองได้มากขึ้น และให้ความร่วมมือ ในการตรวจรักษา การประเมินเพื่อวินิจฉัยปัญหามีดังนี้
การสัมภาษณ์ โดยเฉพาะการสัมภาษณ์เพื่อการวินิจฉัยแยกโรคทางกายที่มีปัญหาพฤติกรรมออก จากโรคทางจิตเวช
การตรวจร่างกายซ้ำ โดยเฉพาะระบบที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมที่ผิดปกติใน
การตรวจสภาพจิตทั่วไป จากการสังเกตและสื่อสารกับผู้ป่วยรวมทั้งการบำบัดในระยะฉุกเฉินและ เร่งด่วนที่ผ่านมา
การวินิจฉัยและการวางแผนการบำบัด ผลจากการตรวจร่างกาย รวมทั้งการซักประวัติต่าง ๆ
4) การจำหน่ายหรือส่งต่อผู้ป่วยไปยังหน่วยบำบัดอื่น (discharge or refer patient) เมื่อผู้ป่วยอาการ ดีขึ้นและมีการประเมินซ้ำแล้ว อาจพิจารณาให้ผู้ปวยกลับบ้านหรือส่งต่อไปรักษาที่หน่วยอื่น