Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วยทางจติเวช :…
การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วยทางจติเวช : การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะเพ้อ
ความหมาย
ภาวะเพ้อ (Delirium)
หรือภาวะสับสนเฉียบพลัน เป็ นกลุ่มอาการ ( syndrome) ไม่ใช่โรค เกิดจาก หลายสาเหตุและถือเป็ นภาวะฉุกเฉิน ที่มีลักษณะความผิดปกติของสติสัมปชัญญะ การรู้สึกตัว(consciousness) เกิดการเปลี่ยนแปลงของการรู้คิดและการรับรู้ (cognitive function) อาการทางจิตที่พบบ่อยคือความผิดปกติของ อารมณ์และพฤติกรรม
ลักษณะอาการ
มีความบกพร่องของสมาธิความสนใจ ( Attention) และระดับความรู้สึกตัว ( consciousness) เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ แบบเฉียบพลัน อาการขึ้นๆลงๆ ในระหว่างวัน
ตรวจพบความผิดปกติความคิด การรับรู้ ( cognitive function )เช่น ความจำ ภาษา การรับประสาท สัมผัส การรู้วัน เวลา สถานที่ บุคคล บกพร่อง (Disorientation)
ไม่มีสติ ไม่มีสมาธิอย่างมาก ไม่สามารถให้ความสนใจ จดจ่อการงานหรือกิจกรรมเรื่องใดๆได้เป็น เวลานาน คิดเลขง่ายๆ ไม่ได้
กระแสความคิดไม่ติดต่อกัน ขาดตอน ทำให้มีความผิดปกติของการพูด พูดจาสับสน งุนงง ความจำบกพร่อง โดยเฉพาะความจำระยะสั้น จำเรื่องราวใหม่ๆไม่ได้ คิดไม่เป็นระบบ
สติสัมปชัญญะ การรู้สึกตัวผิดปกติ สลึมสลือ งุนงง สับสน หงุดหงิด เอะอะวุ่นวายรุนแรง
สติสัมปชัญญะเลือนราง ไม่ชัดเจน กระสับกระส่าย ไม่สามารถตั ้งสติให้จดจ่ออยู่เรื่องใดได้
มีอาการรู้วัน เวลา สถานที่ บุคคล บกพร่อง ที่เรียกว่า Disorientation
มีปัญหาการสื่อสารพูดไม่รู้เรื่อง พูดสับสนไม่ต่อเนื่อง (incoherence) พูดเสียงดัง อ้อแอ้ รัว เร็ว
การรับรู้ผิดปกติ ( Perception disorder) และความคิดผิดปกติ (Thinking disorder)
ความผิดปกติของการนอน การตื่น ตื่นกลางคืน นอนกลางวัน การนอนมีลักษณะหลับๆตื่นๆเป็นช่วง สั้นๆ ไม่ต่อเนื่อง
การเคลื่อนไหวหรือการทำกิจกรรมผิดปกติ เคลื่อนไหวมากขึ้น เดินวุ่นวาย นั่งไม่ได้ หรือเคลื่อนไหว ลดลง คืออยู่เฉยๆไม่ยอมทำอะไร นอนตลอดเวลา อาการมักจะรุนแรงมากขึ้นในช่วงกลางคืนหรือ เช้ามืด เรียกว่า sundowning syndrome
สาเหตุของภาวะเพ้อ
Metabolic imbalance จาก dehydration, hypoxia, hypoglycemia, electrolyte imbalance,hepatic - renal disease
Substance abuse toxicity & withdrawal syndromes เช่น อาการ delirium tremens พบในผู้ป่ วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ( Alcoholism ) ช่วงขาดสุรา หรือผู้ที่ติดสารเสพติด
การติดเชื้อในร่างกาย เช่น ปอดบวม ไข้ไทฟอยด์ มาลาเรีย การติดเชื้อที่สมอง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบการติดเชื ้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ ภาวะโลหิตเป็นพิษ
การทำผ่าตัด เส้นเลือดในสมองแตก การอุดตัน หรือเนื้องอกในสมอง
ระบบประสาทสมองผิดปกติ เกิดการชัก ภาวะเลือดไปเลี ้ยงสมองน้อยกว่าปกติ การบาดเจ็บที่ศีรษะบาดเจ็บที่สมอง
ภาวะไข้โดยเฉพาะไข้สูงในผู้สูงอายุ หรือผู้ทุพโภชนาการ
การขาดวิตามิน ในผู้ที่ติดสุราเรื้ออรัง มักขาดวิตามิน B1 B12
ได้รับสารพิษ ยาฆ่าแมลง พิษจากสารโลหะหนัก ได้แก่ ปรอท ตะกั่ว ก๊าซพิษจากท่อไอเสียรถยนต์
ความผิดปกติของหลอดเลือด ภาวะหัวใจล้มเหลว อวัยวะต่างๆล้มเหลว
สิ่งกระตุ้นทางจิตสังคมที่ทำให้เกิดความเครียดแล้วเกิดอาการทางกาย เช่น นอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเวลานาน ความเจ็บปวด การไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ หรือภาวะขาดความรู้สึก(Sensory deprivation) หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่สับสนหรือมีสิ่งเร้ามากเกินไป
กระบวนการพยาบาลบุคคลที่มีภาวะเพ้อ
การประเมินผู้ป่วย
1.1 ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง สับสน ช่วงกลางคืน พลบค่ำ เช้ามืด
1.2 ความจำ สูญเสียความจำระยะสั้น
1.3 การรู้เวลา สถานที่ บุคคล บกพร่อง
1.4 อารมณ์ ขึ้นๆลงๆ ไม่แน่นอน ตื่นเต้นตกใจ ถูกกระตุ้นง่าย
1.5 การรับรู้บกพร่อง มีหูแว่ว เห็นภาพหลอนซึ่งพบได้มาก เห็นภาพลวง แปลเหตุการณ์ผิด ดึงสายน ้าเกลือ วิ่งหนี หวาดกลัว
1.6 การควบคุมอารมณ์บกพร่อง การตัดสินใจบกพร่อง มีความวิตกกังวล ตื่นกลัว ซึมเศร้า เฉยเมย บางคนรื่นเริงวุ่นวายมากเกิน
1.7 สติปัญญาบกพร่อง คิดแก้ปัญหาไม่เหมาะสม ตอบคำถามไม่ได้
1.8 อาการทางกายที่เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติ และระบบต่างๆบกพร่อง เช่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออก ม่านตาขยาย ความดันโลหิตสูง หายใจล าบาก บวม ตาตัวเหลือง
1.9 ประเมินการใช้ยา และการได้รับสารพิษ สารเสพติด
การปฏิบัติการพยาบาล
ป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บโดยจำกัดบริเวณผู้ป่วยให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย ยกข้างเตียงขึ้นทุกครั้ง ถ้าจำเป็นอาจต้องผูกมัดผู้ป่วยไว้
พยาบาลต้องจำกัดพฤติกรรมให้ผู้ป่วยสงบโดยเร็ว โดยเรียกชื่อผู้ป่วยให้ผู้ป่วยพูดระบายอารมณ์และบอกว่าพยาบาลจะช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างไรบ้างถ้าจำเป็นต้องใช้ยา PRN ก็ต้องบอกให้ผู้ป่วยร่วมมือ
ผู้ป่วยที่วุ่นวายมากอาจไม่ได้รับประทานอาหารและไม่ได้พักผ่อนพยาบาลต้องดูแลเรื่องนี้โดยให้ยา PRN ที่ทำให้ผู้ป่วยได้พักหรือรายงานแพทย์เพื่อให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ถ้าผู้ป่วยได้ยินเสียงหรือเห็นภาพหลอนแล้วมีความหวาดกลัว พยาบาลไม่ควรโต้แย้งเรื่องเสียง หรือภาพหลอนนั ้นแต่ต้องใส่ใจในความรู้สึกของผู้ป่วยและให้ความมั่นใจว่าผู้ป่วยจะปลอดภัย
จัดสถานที่ให้มีแสงสว่างเพียงพอ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ควรเปิดไฟให้สว่างพอประมาณ เพื่อให้ผู้ป่วยเห็นการเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลงและเป็นการลดอาการประสาทหลอน
เมื่อพยาบาลจะเข้าไปพบผู้ป่ วยต้องเรียกชื่อผู้ป่วยและแนะนำตัวก่อนเพราะผู้ป่วยสับสน จำไม่ได้ว่าใครเป็นใครเกิดความหวาดระแวง หวาดกลัวได้
บอกวันเวลาสถานที่ให้ผู้ป่วยทราบบ่อยๆจัดปฏิทินและนาฬิกาตัวโตๆไว้ในที่ที่ผู้ป่วยมองเห็นได้ ชัดเจน
บอกความเป็นจริงให้ผู้ป่วยทราบถ้าผู้ป่วยสับสน ความจำบกพร่องหรือมีอาการประสาทหลอน
ให้ญาติมาเยี่ยมบ่อยๆเพื่อกระตุ้นความทรงจำ แต่ควรจำกัดจำนวนคนในการเข้าเยี่ยมแต่ละครั้ง เพราะผู้คนมากมายจะกระตุ้นให้ผู้ป่วยสับสน งุนงงได้
อธิบายให้ความรู้แก่ญาติ/ผู้ดูแล ให้เข้าใจอาการผิดปกติ และ การบำบัดรักษาพยาบาลของทีม เพื่อให้ญาติได้มีส่วนร่วมในการบำบัดรักษาพยาบาล
การบำบัดรักษาบุคคลที่มีภาวะเพ้อ
การรักษาจำเพาะ
รักษาโรคหรือภาวะผิดปกติที่เป็นสาเหตุ เป็นการรักษาที่ดีที่สุด เมื่อสาเหตุหมดไป อาการจะดีขึั้น ผู้ป่วยจะหายเป็นปกติภายใน 3-7 วัน หยุดการใช้ยาที่ไม่จำเป็นทุกชนิด
การรักษาโดยใช้ยา
1 ผู้ป่วย substance withdrawal ใช้ยา first line benzodiazepine
2 ผู้ป่วยสูงอายุ หรือป่วยหนัก ใช้ antipsychotic ในระดับต่ำเลี่ยง benzodiazepine
3 ผู้ป่วยมี dementia ร่วมด้วย ใช้ antipsychotic ในระดับต่ำ ถ้าไม่ดีขึ้่น ต้องหยุดยา เพราะยาอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะยาที่มี cardio vascular side effect
4 ผู้ป่วยที่มีอาการแบบ hypoactive ไม่ควรใช้ benzodiazepam ใช้ Haloperidol 0.5-2 mg./ dayถ้ามี EPS มาก ให้ใช้ risperidone0.5-2 mg./ day หรือ olanzapine 2.5-5 mg./day