บทที่5.5 การพยาบาลบุคคลทมี่ กีลุ่มโรควติกกังวล
(Generalized anxiety disorder, Panic disorder, Specific phobia)

  • ความวิตกกังวล (Anxiety) หมายถึง ความรู้สึกไม่สบายใจ หวาดหวั่น ไม่มั่นใจต่อสภาพการณ์ใน อนาคตเกรงว่าจะเกิดอันตรายหรือความเสียหาย เนื่องจากมีสิ่งคุกคามความมั่นคงของบุคคล ถ้าอยู่ในระดับน้อยหรือปานกลางจะทำให้เกิดแรงกระตุ้นผลักดันให้กระทำสิ่งที่กังวลนั้นสำเร็จ แต่ถ้าความวิตกกังวลมากและไม่สามารถจัดการได้ทำให้เกิดอาการตื่นตระหนก หวาดระแวง เป็นระยะเวลานาน จะส่งผลต่อสภาพร่างกายและจิตใจของบุคคลนั้น พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย มักเริ่มต้นในระยะวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น พบได้น้อย ที่เริ่มมีอาการในวัยเด็กและผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป

click to edit

ชนิดของโรคในกลุ่มของโรควิตกกังวล

สาเหตุ

ปัจจัยทางชีววิทยา (Biological factors)

ปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม (Social and environmental factors)

ปัจจัยทางจิตวิทยา (Psychological factors)

1 กรรมพันธุ์ (genetic) จากการศึกษาครอบครัวและฝาแฝด พบว่า ฝาแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียวกัน ถ้ามีฝาแฝดคนหนึ่งป่วยเป็นโรค panic disorder ฝาแฝดอีกคนมีโอกาสป่วยเป็นโรค ร้อยละ 30 และมีความเสี่ยงสูงในเครือญาติที่ใกล้ชิด มีโอกาสเกิดร้อยละ 10-20

2 กายวิภาคของระบบประสาท (neuroanatomical)ถ้ามีความผิดปกติของlimbic system ,diencephalon (thalamus และ hypothalamus) และ reticular formation ทำให้เกิด Anxiety ได้ และผู้ป่วย panic disorder มีความผิดปกติของ temporal lobes โดยเฉพาะ hippocampus

3 สารชีวเคมี (biochemical) การมี blood lactate สูงผิดปกติทำให้ผู้ป่วยมีอาการ panic disorder หรือบุคคลมีความผิดปกติของ thyroid hormone ทำให้เกิดความวิตกกังวลได้

4 สารสื่อประสาท (neurochemical) จากการศึกษาในปัจจุบันพบว่า สารสื่อประสาท โดยเฉพาะ serotonin และGABA มีส่วนท าให้เป็นโรคนี้

5 ภาวะการเจ็บป่วยทางกาย (medical condition) เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน น้ำตาลในเลือดต่ำcaffeine intoxication, substance intoxication ทำให้เกิดโรค panic disorder และ generalized anxiety disorder

2 ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล ซัลลิแวน เชื่อว่าความวิตกกังวลเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันกับปัญหาทาง อารมณ์ที่เกิดจากการไม่ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างในช่วงต้นของชีวิต

3 ทฤษฎีการเรียนรู้ (cognitive behavior theory) เชื่อว่าความวิตกกังวลเกิดได้จากการเรียนรู้ผ่านตัวแทนของสังคม เช่น พ่อ แม่ เพื่อน หรือคนอื่นๆเช่น ลูกที่เคยเห็นแม่กลัวความมืดแล้วรับเอาพฤติกรรมการกลัวความมืดของแม่เมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่

1 ตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์(psychodynamic theory) Freud กล่าวว่า Ego เป็นส่วนหนึ่งของ บุคลิกภาพ ไม่สามารถจัดการ conflict ที่เกิดขึ้นกับ Id และ Superego ความวิตกกังวลเป็นการที่ ego อยู่ใน อันตรายจากภาวะคุกคามทั้งจากภายในและภายนอกตัวบุคคล และอาการทางจิตประสาทจะเกิดขึ้น เพื่อต่อสู้กับ ความวิตกกังวลนั้น

ปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับ การเกิดโรควิตกกังวลน้อย แต่อาการของโรควิตกกังวลจะเป็นไปตามสังคมวัฒนธรรมของบุคคล เช่นภาวะ Panic attack ของคนละตินอเมริกันหรือคนยุโรปทางเหนือ จะมีอาการ หายใจขัด หายใจไม่เต็มปอด เจ็บแน่นหน้าอก กลัวตาย ในขณะที่กลุ่มวัฒนธรรมอื่นจะรู้สึกหวาดกลัวเหมือนโดนเวทย์มนต์คาถา

ลักษณะอาการของความวิตกกังวล

  1. อาการทางร่างกาย คือ กล้ามเนื้อตึงเครียด เหนื่อย กระสับกระส่าย ปากแห้ง หนาว มือและเท้าเย็น ต้องการปัสสาวะ ตาพร่า กล้ามเนื้อสั่นกระตุก หน้าแดง เสียงสั่น กระสับกระส่ายและอาเจียน หายใจลึกและถี่ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น
  2. อาการแสดงด้านจิตใจและอารมณ์ ผู้ที่มีอาการวิตกกังวลอาจแสดงออกอาการทางอารมณ์ที่มีความ แตกต่างกันไปลักษณะอารมณ์ที่พบ ได้แก่ มีอาการกระสับกระส่าย หงุดหงิด ซึมเศร้าร้องไห้ โกรธ รู้สึกไม่มีสมาธิ
  3. อาการแสดงด้านพฤติกรรม ได้แก่ เดินไปเดินมา ลุกลี้ลุกลน นั่งไม่ติดที่ เอามือม้วนเส้นผม ระมัดระวัง ตัวมากเป็นพิเศษ
  4. อาการแสดงด้านความคิด ความจำ ได้แก่ สนใจสิ่งแวดล้อมลดลง ไม่มีสมาธิ ไม่ตอบสนองต่อสิ่ง กระตุ้นรอบตัว ทำให้วิตกกังวล หลงลืม สนใจสิ่งที่ผ่านมามากกว่าเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น มีอาการครุ่นคิด

ระดับของความวิตกกังวล

  1. วิตกกังวลระดับปานกลาง (Moderate anxiety) ความสนใจและสมาธิลดลง การรับรู้แคบลง บุคคลจะมีอาการพูดเสียงสั่นๆ พูดเร็วขึ้น เริ่มมีอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นมีความ ตื่นตัวมากขึ้นแต่ยังรับรู้ เข้าใจความเกี่ยวเนื่องของเหตุการณ์อยู่
  1. วิตกกังวลระดับสูง (Severe anxiety) มีความวิตกกังวลระดับสูงจะรับรู้เหตุการณ์ที่จะ เกิดขึ้นในอนาคตได้น้อยลง ความสนใจจดจ่ออยู่กับแค่บางสิ่งบางอย่าง ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการพูดได้ พูดจาไม่รู้เรื่อง กระบวนการคิดไม่ดี สับสน ไม่รับรู้และไม่เข้าใจเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง เริ่มมีพฤติกรรมที่แสดงถึงความผิดปกติทางจิตใจ เช่น ซึมเศร้า แยกตัว
  1. วิตกกังวลระดับน้อย (Mild anxiety) ความวิตกกังวลในระดับน้อยสามารถเกิดได้ในชีวิตประจ าวัน จะมีลักษณะตื่นตัวดี กระตือรือร้น สามารถสังเกตการณ์สิ่งแวดล้อมต่าง ๆได้ดี เรียนรู้ได้ดี มีความคิดริเริ่ม ในระดับนี้ บุคคลจะเรียนรู้ที่จะหาวิธีในการแก้ไขปัญหา และอาจมีการแก้ไขปัญหาได้ดี
  1. วิตกกังวลระดับรุนแรง (Panic state) วิตกกังวลระดับหวาดกลัวรุนแรงความสามารถ ในการรับรู้จะหยุดชะงัก พูดไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถสื่อสารกับบุคคลอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความคิดเป็นเหตุเป็นผลลดลง แก้ปัญหาไม่ได้ มีความรู้สึกโกรธ ขาดที่ พึ่ง เศร้าหดหู่ หมดอาลัยตายอยากในชีวิต แยกตัวเอง พูดเสียงดังเร็ว ไม่ประติดประต่อเป็นประโยค หน้านิ่วคิ้ว ขมวด
  1. วิตกกังวลระดับปกติ (Normal) มีความไม่ สบายใจ มีความรู้สึกหวาดหวั่นบุคคลจะรู้สึกต้องเตรียมพร้อมในการป้องกันตนเองจากสิ่งที่คุกคาม

ลักษณะของความวิตกกังวล

  1. Trait –anxiety or A –trait (ความวิตกกังวลประจำตัว) จะเกิดขึ้นกับบุคคลในสถานการณ์ทั่วๆไป โดยทั่วไปแล้วทุกคนจะมีความวิตกกังวลประเภทนี้ และความวิตกกังวลประจำตัว นี้เป็นตัวเสริมความวิตกกังวลขณะปัจจุบัน ความวิตกกังวลแบบนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างช้า
  1. State- anxiety or A-state (ความวิตกกังวลในขณะปัจจุบัน) คือความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นกับบุคคล ในสถานการณ์เฉพาะหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทำให้เกิดความไม่พึงพอใจหรือจะเกิดอันตรายต่อบุคคล

การบำบัดรักษา

  1. การรักษาด้วยยา Ativan, Xanax, buspar เป็นยาที่นิยมใช้
  2. การรักษาทางจิตสังคม เช่น จิตบำบัดโดยจิตวิเคราะห์ จิตบำบัดโดยทฤษฎีมนุษย์นิยม ซึ่งทุกรูปแบบให้ประโยชน์แก่ผู้ป่วยทั้งสิ้น
  3. การบำบัดทางเลือก (Alternative therapy) วิธีนี้ผู้มีปัญหาจะสามารถควบคุม ความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นและได้ประสบการณ์ใหม่ที่จะเอาชนะความวิตกกังวลนั้น นอกจากนี้จะได้เรียนรู้สาเหตุที่ ซ่อนอยู่เบื้องหลังพฤติกรรมปัญหาถ้าหากได้ใช้วิธีการทำจิตวิเคราะห์ร่วมด้วย

Panic disorder

Generalized Anxiety Disorders (GAD) โรควิตกกังวลทั่วไป

กลุ่มของโรควิตกกังวล ที่จะนำเสนอในที่นี้ได้แก่

มีความวิตกกังวลมากผิดปกติต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต ได้แก่ การกลัวเกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ กับบุคคลที่ใกล้ชิด เช่น การกลัวสามีถูกทำร้าย การกลัวบุตรจะประสบอุบัติเหตุ
พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย 2เท่า

💥อาการ ความวิตกกังวลมากผิดปกติจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ อย่างน้อย 6เดือนขึ้นไป ยากที่จะควบคุมความกังวล ความกังวลจะเกี่ยวข้องกับอาการ เช่น กระสับกระส่าย อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง มีปัญหาด้านสมาธิ หรือใจลอย หงุดหงิดง่าย เป็นต้น

💥 การดำเนินโรค เป็นโรคเรื้อรัง มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ส่วนใหญ่อาการจะรุนแรงในช่วงที่เครียด หลังจากหายเครียดแล้วอาการจะดีขึ้น

: 💥การรักษา

  1. จิตบำบัด เช่น วิธี Cognitive behavior therapy (CBT) ร่วมกับการใช้วิธี Relaxation technique เพื่อลดอาการต่าง ๆ ทางกาย
  2. การรักษาด้วยยา Benzodiazepineเช่น Diazepam ช่วยลดอาการวิตกกังวล

การพยาบาล

  1. ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
  • วิตกกังวล เนื่องจากการใช้วิธีเผชิญความเครียด ไม่มีประสิทธิภาพ
  1. การปฏิบัติการพยาบาล
  1. การประเมินผู้ป่วย
    ✏ ด้านร่างกาย มีอาการ เช่น หายใจไม่เต็มอิ่ม ใจสั่น ปวดศรีษะ นอนไม่หลับ
    ✏ ด้านอารมณ์ มีความวิตกกังวล ทุกข์ใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ในชีวิตหลายๆเรื่อง กระสับกระส่าย
    ✏ ด้านความคิด ผู้ป่วยอาจจะมีความคิดฆ่าตัวตายเพราะต้องการหนีความทุกข์ใจ

🔥 1 การพยาบาลเพื่อช่วยลดระดับความวิตกกังวล

  • จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ ลดสิ่งกระตุ้นให้ผู้ป่ วยเกิดความวิตกกังวล
  • พูดคุยกับผู้ป่วยด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่สงบ ใช้คำพูดที่เข้าใจง่ายๆ สั้นๆ ชัดเจน
  • ให้ผู้ป่วยสำรวจความรู้สึก ค้นหาสาเหตุ ตระหนักรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับตน
  • ให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกไม่สบายใจ
  • อยู่กับผู้ป่วยในกรณีที่ผู้ป่วยร้องไห้ให้นั่งเงียบๆ ซึ่งเป็นการยอมรับการแสดงอารมณ์ ตึงเครียดที่สามารถทำได้
  • ประเมินความคิดที่จะทำอันตรายต่อตนเอง
  • เฝ้าระวังการทำร้ายตนเอง
    🔥 2 การพยาบาลเพื่อให้ผู้ป่วยแก้ไขปัญหา
  • พูดคุยกับผู้ป่วย ถึงปัญหาและความขัดแย้งที่มีอยู่เพื่อช่วยให้ประเมินความรุนแรง
  • ช่วยผู้ป่วยสำรวจทางเลือกในการแก้ไขปัญหา และการแสดงพฤติกรรมเพื่อเพิ่มวิธีการปรับตัวที่เหมาะสม
  • สอนและให้การปรึกษาเกี่ยวกับหลักการบeบัดด้านความคิด เพิ่มการตระหนักรู้ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างความรู้สึกไม่สบายใจและอาการทางกายหรือพฤติกรรมที่เกิดขึ้น
  • สอนเทคนิควิธีการผ่อนคลาย
  • ส่งเสริมให้ทำงานอดิเรก และทำกิจกรรมเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ

ตาม DSM 5 กล่าวว่า เป็นความรู้สึกกลัวหรือไม่สบาย ใจอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นในระยะเวลารวดเร็วภายในไม่กี่นาทีและถึงระดับสูงสุดในระยะเวลา 10นาที พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย 2.3 เท่า มักพบในช่วงอายุประมาณ 25 ปี

💥อาการ

  • ใจสั่น หัวใจเต้นแรง หรืออัตราเต้นของหัวใจเร็ว
    เหงื่อออกมาก สั่นทั้งตัว หายใจเร็วถี่ รู้สึกอยากอาเจียน เจ็บแน่นหน้าอก
    คลื่นไส้ ปั่นป่วนในท้อง รู้สึกวิงเวียน สมองตื้อ โคลงเคลง หรือจะเป็นลม ร้อน ๆ หนาว ๆ ตามตัว
    กลัวควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือเหมือนจะเป็นบ้า กลัวตาย

💥การดำเนินโรค เกิดในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย หรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ทั่วไปจะเป็นเรื้อรัง ถ้าผู้ปวยมีอาการบ่อย จะทำให้ผู้ป่วยกังวล และเกิด Phobic avoidance และ Agoraphobia

💥การรักษา

  1. จิตบำบัด เช่น Cognitive behavior therapy (CBT) ร่วมกับ Relaxation Technique
  2. การรักษาด้วยยา ได้แก่ ยากลุ่ม SSRI เช่น Fluoxetine และ Benzodiazepine เช่น Alprazolam

การพยาบาล

  1. ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
  • วิตกกังวลอย่างรุนแรง เนื่องจากรับรู้ว่ามีการคุกคามต่อชีวิต อัตมโนทัศน์ ภาพลักษณ์
  1. การปฏิบัติการพยาบาล
  1. การประเมินผู้ป่วย
    ✏ ด้านร่างกาย ผู้ป่วยจะบอกว่ามีอาการใจสั่น หรือเจ็บหน้าอก หายใจติดขัด นอนไม่ค่อยหลับ
    ✏ ด้านอารมณ์ วิตกกังวล หรือแสดงออกว่าโกรธตนเองที่ไม่สามารถควบคุม ตนเองได้ กลัวว่าตนเองจะเสียชีวิต หรือกeลังจะเป็นบ้า
    ✏ ด้านความคิดผู้ป่วยอาจจะมีความคิดฆ่าตัวตาย
  • พยาบาลแสดงท่าทีสงบ ไม่คุกคามผู้ป่วย ความวิตกกังวลสามารถถ่ายเทความรู้สึกจาก พยาบาลมายังผู้ป่วย หรือจากผู้ป่วยมายังพยาบาล ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกมั่นใจที่เห็นท่าทางของพยาบาลมีความ สงบ
  • ตระหนักถึงความรู้สึกกลัวของผู้ป่วย โดยอยู่กับผู้ป่วย และให้กำลังใจว่าปลอดภัยเพราะผู้ป่วยอาจกลัวว่าเขาจะเสียชีวิต
  • สื่อสารกับผู้ป่วย ด้ายคำพูดที่เข้าใจง่าย สั้น ชัดเจน ให้ผู้ป่วยบอกพยาบาลเมื่อความรู้สึกกลัวเกิดขึ้น เพื่อลดความวิตกกังวลไม่ให้มีมากจนถึงอาการ panic
  • ถ้าผู้ป่วยมีอาการหายใจเร็ว(hyperventilation) ให้ผู้ป่วยหายใจในถุงกระดาษและมุ่งความ สนใจมาที่การหายใจของผู้ป่วย
  • จัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ ไม่มีสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการ panic
  • สอนและให้การปรึกษาเกี่ยวกับ หลักการการบำบัดด้านความคิด ความรู้ในการดูแลตนเอง และเทคนิควิธีการผ่อนคลาย
  • ให้ยาคลายกังวลตามแผนการรักษา ประเมินประสิทธิภาพและผลข้างเคียงจากการใช้ยา

Phobia disorder

เป็นความกลัวอย่างรุนแรง ไม่มีเหตุผล กลัวเกินเหตุ และเกิดขึ้นบ่อย โดยไม่สามารถระงับหรือหักห้าม ความกลัวนั้นได้

โรคกลัวสังคม (Social phobia หรือ Social anxiety disorder)

โรคกลัวอยู่ในที่โล่ง หรือที่ชุมชน (Agoraphobia)

💥อาการเด่น กลัว วิตกกังวลเกี่ยวกับการใช้ขนส่งมวลชน ที่โล่งกว้าง สถานที่ที่มีผู้คนมาก การเข้าคิวในแถว หรือสถานที่ที่มีคนหนาแน่น และ การอยู่นอกบ้านคนเดียวตามลำพัง

  • กลัวอย่างชัดเจน หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในสังคม เช่น การพบปะสนทนา การประชุมกับบุคคลที่ไม่คุ้นเคย
  • บุคคลกลัวว่าตนเองจะแสดงวิธี หรือแสดงอาการวิตกกังวล ซึ่งจะถูกประเมินภาพลบ เช่น จะเป็นความ อดสู หรือความน่าอาย ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิเสธ
  • สถานการณ์ทางสังคมจะเป็นสาเหตุให้เกิดความกลัว และความวิตกกังวล ข้อสังเกต ในเด็ก ความกลวั หรือวิตกกังวลอาจแสดงโดย การร้องไห้การออกฤทธิ์(Tantrum) ตัวแข็งทื่อ
  • หลีกเลี่ยงสถานการณ์ในสังคม หรืออดทนต่อความกลัวหรือความวิตกกังวลอย่างมาก
  • ความกลัว หรือความวิตกกังวล ไม่ใช่การถูกคุกคามจากสถานการณ์ในสังคม และจากบริบททางสังคม วัฒนธรรม
  • อาการไม่ใช่ลักษณะผลของร่างกายที่เกิดจากการใช้สาร เช่น ยา แอลกอฮอล์ หรือผลจากยาตัวอื่น
  • จะพบในเพศชายมากกว่าในเพศหญิง 2:1และมักพบในช่วงวัยรุ่น

โรคกลัวสิ่งเฉพาะเจาะจง (Specific phobia)

: 😃การรักษา

  • Social phobia ใช้วิธีการทำจิตบำบัดร่วมกับการใช้ยา ได้แก่ ยากลุ่ม SSRI เช่น Paroxetine ยา Benzodiazepine เช่น Clonazepam และยา Beta-adrenergic antagonist เช่น Propranolol
  • กลัวอย่างชัดเจน หรือวิตกกังวลเกี่ยวกับวัตถุหรือสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง เช่น กลัวแมลงที่มีปีกบิน กลัวความสูง สัตว์ กลัวเข็มฉีดยา กลัวเลือด
  • วัตถุหรือสถานการณ์ที่กลัว จะกระตุ้นให้เกิดความกลัว หรือความวิตกกังวล เกือบทุกครั้ง
  • ความกลัวหรือความวิตกกังวลไม่ใช่เกิดจากอันตรายจากวัตถุ หรือจากบริบททางสังคมวัฒนธรรม
  • ความกลัว ความวิตกกังวล หรือการหลีกเลี่ยงต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอย่างน้อย 6เดือนขึ้นไป
  • ความกลัว ความวิตกกังวล หรือการหลีกเลี่ยง เป็นสาเหตุการเจ็บปวดทางคลินิก หรือความบกพร่องใน การใช้ชีวิตในสังคม การประกอบอาชีพ หรือการปฏิบัติหน้าที่ที่ส าคัญอื่น ๆ ในชีวิต
  • จะพบในเพศหญิงมากกว่าในเพศชาย 2:1

: 😃การรักษา ใช้วิธีExposure therapy มากที่สุด

💥 การดำเนินโรค

  • Specific phobia และ Social phobia เป็นอาการเรื้อรัง และมักเกิดในช่วงวัยรุ่น ทำให้มีผลกระทบต่อ การเรียน และการทำงาน ผู้ป่วยจึงมักไม่ค่อยมีเพื่อน และอาจมี Depressive disorderและ Alcohol abuse ได้

การพยาบาล

การประเมินผู้ป่วย

  • ด้านร่างกาย ถ้าความกลัวรุนแรงมากควรประเมินอาการทางกายจาก panic attack
  • ด้านอารมณ์ ความกลัวต่อสิ่งต่างๆ มีผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยอย่างไร
  • ด้านความคิด ประเมินการรับรู้สิ่งคุกคามที่ทeให้ผู้ป่วยกลัว และผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต

ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล

  • รู้สึกกลัวที่ไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากอยู่ในสถานที่ที่บุคคลรู้สึกว่าไม่สามารถหนีได้ หรืออาจทำ ให้เกิดอันตรายได้
  • แยกตัวจากสังคม เนื่องจากกลัวอยู่ในสถานที่ซึ่งบุคคลไม่สามารถจะหนีได้

การปฏิบัติการพยาบาล

  • สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด ยอมรับความกลัวของผู้ป่วย โดยพูดคุยด้วยกิริยาสงบท่าทางที่เชื่อมั่น
  • อยู่เป็นเพื่อนขณะที่ผู้ป่วยมีความกลัว และให้กำลังใจว่าเขาปลอดภัย
  • พูดคุย ถึงสถานการณ์ที่เป็นจริงและให้ตระหนักว่าพฤติกรรมของเขาเป็นวิธีแก้ไขความวิตกกังวล
  • ให้ผู้ป่วยตัดสินใจเลือกวิธีในการจัดการกับความกลัวด้วยตนเอง ซึ่งแสดงถึงการยอมรับและให้ คุณค่าต่อผู้ป่วย
  • จัดให้เข้ากลุ่มพฤติกรรมบำบัด
  • เข้ากลุ่มกิจกรรมกับผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
  • สอนและให้การปรึกษาเกี่ยวกับความรู้เพื่อการดูแลตนเองและเทคนิควิธีการผ่อนคลาย เพื่อลดระดับความวิตกกังวลด้วยตนเอง

นางสาวพาทินธิดา ขำหินตั้ง รหัส 180101128