Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ mitral valve, นางสาวพิมผกา ชัยทีวงศ์ เลขที่ 39 ห้อง…
ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ mitral valve
เสี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่ายเนื่องจากใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด
ข้อมูลสนับสนุน
PT 28 วินาที
PTT 38.7 วินาที
INR 3.2
กิจกรรมการพยาบาล
1.ให้ผู้ป่วยสังเกตอาการแสดง ได้แก่ เลือดออกตามไรฟัน จ้ำเลือดตามตัว อุจจาระมีสีดำ ปัสสาวะเป็นเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้ามีอาการดังกล่าวให้หยุดรับประทานยา และรีบมาโรงพยาบาล
2.ควรกินยาวาร์ฟารินในแต่ละมื้อให้ใกล้เคียงกับเวลาเดิม หากลืมกินยาให้ปฏิบัติดังนี้
2.1 กรณีลืมกินยาแต่ยังไม่เกิน 12 ชั่วโมง นับจากเวลาเดิมที่เคยกิน ให้รีบกินทันทีที่นึกได้ในขนาดเดิม
2.2 กรณีลืมกินยาแต่เกิน 12 ชั่วโมงไปแล้วให้ข้ามยามื้อนั้นไปแล้วกินมื้อต่อไปในขนาดเดิม โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
3.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ระดับยาวาร์ฟารินในเลือดเปลี่ยนแปลงได้ เช่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การรับประทานสมุนไพรชนิดต่าง เช่น สารสกัดจากกระเทียม โสม ใบแปะก๊วย เป็นต้น
4.การรับประทานผักใบเขียว ควรทานในปริมาณเท่าเดิมในแต่ละวัน ไม่ควรเปลี่ยนแปลงปริมาณ เพราะผักใบเขียวมีผลต้านฤทธิ์ของยา
5.หลีกเลี่ยงกีฬาหรือกิจกรรมที่อาจจะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ และควรใช้แปรงสีฟันที่อ่อนนุ่ม เพื่อป้องกันการมีเลือดออก
6.ควรพกบัตรประจำตัว เมื่อได้รับยาวาร์ฟารินติดตัวไว้ เพื่อเป็นการดูแลตนเองและเป็นการแจ้งให้บุคลากรทีมสุขภาพที่เกี่ยวข้องทราบ
เสี่ยงต่อภาวะเครียดและวิตกกังวลเกี่ยวกับการดูแลแผลเนื่องจากมีบาดแผลผ่าตัดบริเวณหน้าอก
ข้อมูลสนับสนุน
ผู้ป่วยมีแผลผ่าตัดบริเวณกระดูกสันอกยาวประมาณ 5-6 นิ้ว
กิจกรรมการพยาบาล
แนะนำการดูแลแผลผ่าตัด ให้สังเกตแผล หากเห็นว่าแผลแห้งดี แนะนำให้อาบน้ำได้หลังผ่าตัดวันที่ 10 แต่กรณีแผลไม่แห้ง แนะนำให้ไปทำแผลที่โรงพยาบาล/อนามัยใกล้บ้านจนกว่าแผลแห้ง จึงอาบน้ำได้
ห้ามแกะผ้าปิดแผลหรือไหมเย็บออกจากแผลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
แนะนำการรับประทานอาการ เช่น โปรตีน เพื่อส่งเสริมการหายของแผล
ไม่ควรยกของหนักเกิน 5 กิโลกรัมและไม่เคลื่อนไหวรวดเร็วรุนแรง เพราะอาจจะกระทบกระเทือนต่อแผลบริเวณหน้าอก
พยาธิสภาพ
ลิ้นหัวใจไมตรัล (mitral valve) อยู่ระหว่างหัวใจห้องซ้ายบน (left atrium) กับซ้ายล่าง (left ventricle) ในช่วงที่หัวใจห้องล่างบีบตัว (systole) ลิ้นหัวใจทั้งสองจะปิดเพื่อให้เลือดออกจากหัวใจห้องล่างไปทางหลอดเลือดใหญ่ไปปอด (pulmonary artery) หรือหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา (aorta) โดยไม่ไหลย้อนกลับไปหัวใจห้องบน ในขณะที่ช่วงที่หัวใจห้องล่างคลายตัว (diastole) ลิ้นหัวใจทั้งสองจะเปิดเพื่อให้เลือดจากหัวใจ ห้องบนถูกส่งลงมาที่หัวใจห้องล่างและถ้าเกิดจากความผิดปกติของลิ้นหัวใจที่กั้นระหว่างหัวใจห้องบนและล่างซ้าย จนทำให้เลือดไหลย้อนกลับไปที่หัวใจห้องบนหลังจากสูบฉีดเลือด
สาเหตุ
เกิดจากโครงสร้างของลิ้นหัวใจที่ผิดปกติ ทำให้ลิ้นหัวใจทำงานได้ไม่เต็มที่ และปิดไม่สนิทขณะสูบฉีดเลือด นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการสะสมของแคลเซียมที่ลิ้นหัวใจมากผิดปกติ อีกด้วย
ขาดความรู้ในการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ
การรับประทานอาหาร ควรลดโซเดียมเพื่อป้องกันการคั่งของสารน้ำ แต่เพิ่มโปรตีน วิตามินเพื่อส่งเสริมการหายของแผล
การมีเพศสัมพันธ์ สามารถมีกิจกรรมทางเพศได้ โดยหลีกเลี่ยงท่าที่กระทบกระเทือนกระดูกหน้าอก กรณีมีอาการเหนื่อยขณะหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรหยุดทันทีและปรึกษาแพทย์
ต้องรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด Warfarin ตลอดชีวิต จึงแนะนำการมาพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามการใช้ยาที่เหมาะสมโดยประเมินจากค่า INR และ สังเกตการมีเลือดออกง่าย
แนะนำผู้ป่วยให้ทำกิจกรรมเท่ากับขณะอยู่ในโรงพยาบาลและรักษาระดับกิจกรรมไปอีก 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นค่อยๆ เพิ่มกิจกรรมตามความสามารถ หากทำแล้วมีอาการอ่อนเพลีย หายใจลำบากหรืออัตราการเต้นของชีพจรเพิ่มมากกว่า 20-25 ครั้ง/นาที ควรหยุดกิจกรรม
แนะนําดูแลปากและฟันให้สะอาด ควรตรวจฟัน ขูดหินปูนกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือนและหลีกเลี่ยงอยู่ใกล้กับผู้ที่ติดเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อของลิ้นหัวใจเทียม
ควรพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมงใน 1 เดือนแรก เพื่อลดการทำงานของหัวใจ
มาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
แนะนำการดูแลแผลผ่าตัด ให้สังเกตแผล หากเห็นว่าแผลแห้งดี แนะนำให้อาบน้ำได้หลังผ่าตัดวันที่ 10 แต่กรณีแผลไม่แห้ง แนะนำให้ไปทำแผลที่โรงพยาบาล/อนามัยใกล้บ้านจนกว่าแผลแห้ง จึงอาบน้ำได้
นางสาวพิมผกา ชัยทีวงศ์ เลขที่ 39 ห้อง B รหัส 621216077