Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

นาย ก อายุ 22 ปี Diagnosis: Head injury and Fracture femur, นางสาว กชกร…

- - - - ผลข้างเคียง ต่อระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ปวดบริเวณที่ฉีด อาการแสบเส้น เกิดพิษเนื้อตายบริเวณผิวหนัง ปวดศีรษะ ภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก ผื่นแดง
      - ติดเชื้อ ช็อก ติดเชื้อแคนดิดาในช่องปาก อาการชัก
      - การแพ้ยา ท้องเสียที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ Clostridium difficile (CDAD)
      - การพยาบาล
      - หากเป็นยารับประทานให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันการตกผลึกของปัสสาวะ
      - ดื่มน้ำตามมาก ๆ ยามีความไวต่อแสง
      - ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรใช้ในเด็กและวัยรุ่นที่ยังอยู่ในระยะเติบโต
      - หากพบว่าผู้ป่วยมีผลข้างเคียงให้รายงานแพทย์ทราบ
      - หากเป็นชนิดหยดเข้าทางหลอดเลือดดำควรให้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที
    - - ชื่อสามัญ : Meropenem
        
        กลุ่มยา : Antibiotic กลุ่ม Carbapenem
      - ออกฤทธิ์โดยจับกับ penicillin-binding proteins (PBPs) ของเชื้อแบคทีเรีย
      - ที่ไวต่อยานี้ทำให้ไม่สามารถสร้าง mucopeptide ได้ผนังเซลล์ของแบคทีเรีย จึงแตกและเชื้อตายได้ยา Imipenem
        มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งชนิดแกรมบวกและชนิดแกรมลบ แบคทีเรียชนิดใช้ออกซิเจนและชนิดไม่ใช้ออกซิเจน
      - รวมทั้งแบคทีเรียที่สร้างเอนไซม์ 𝛽–lactamase นอกจากนี้ยังมีผลต่อ Pseudomonas aeruginosa, Serratia spp., Enterobacter spp.
  - - - ผลข้างเคียง มีอาการบวมแดง เจ็บปวดในบริเวณที่ถูกฉีดยา ท้องร่วง หรือคลื่นไส้อาเจียนเล็กน้อย
      - การพยาบาล
      - หากเป็นยารับประทานให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันการตกผลึกของปัสสาวะ
      - ดื่มน้ำตามมาก ๆ ยามีความไวต่อแสง
      - ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรใช้ในเด็กและวัยรุ่นที่ยังอยู่ในระยะเติบโต
      - หากพบว่าผู้ป่วยมีผลข้างเคียงให้รายงานแพทย์ทราบ
      - หากเป็นชนิดหยดเข้าทางหลอดเลือดดำควรให้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที
  - - - ผลข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องเสีย
      - คัน มีผื่นขึ้น เกิดเชื้อราในปากหรือการติดเชื้อราชนิดอื่น ๆ
      - การพยาบาล
        
        เฝ้าระวังอาการผิดปกติ รายงานให้แพทย์ทราบ
    - - เซฟาโลสปอริน เป็นยาต้านแบคทีเรียที่จัดเป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มบีตาแลกแทม
      - มีกลไกการออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียโดยจับกับ penicillin binding proteins (PBPs) และยับยั้งการสังเคราะห์ peptidoglycan เซฟาโลสปอรินรุ่นที่ 1 จะใช้ได้ผลดีกับแบคทีเรียกรัมบวกที่ไม่สร้างเอนไซม์บีตาแลกแทเมส (beta-lactamase) เซฟาโลสปอรินรุ่นที่ 2 ออกฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรียกรัมลบได้กว้างขึ้นและมีความคงทนต่อบีตา
      - แลกแทเมสมากขึ้นเนื่องจากมีหมู่ oxyimino หรือ α-methoxyl ที่ตำแหน่ง 7 เซฟาโลสปอรินรุ่นที่ 3 เป็นยาที่มีหมู่ฟังก์ชันที่ตำแหน่ง 7
        เป็นหมู่ amino thiazolyl-oxyimino มีฤทธิ์ฆ่า แบคทีเรียทั้งกรัมบวกและกรัมลบกว้างกว่ารุ่นที่ 2 และมีความคงทนต่อเอนไซม์บีตาแลกแทเมสดีมาก เซฟาโลสปอรินรุ่นที่ 4
        ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ใช้กับแบคทีเรียกรัมลบโดยเฉพาะ Pseudomonas sp. และ เซฟาโลสปอรินรุ่นที่ 5 เป็นยาที่มีหมู่
      - ฟังก์ชันที่ตำแหน่ง 7 เป็นหมู่ aminothiadiazolyl -oxyimino ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับแบคทีเรียกรัมบวกที่ดื้อต่อยา
        methicillin (methicillin-resistant Staphylococcus aureus, MRSA)
- - - - การบาดเจ็บที่ศีรษะ หมายถึง การบาดเจ็บที่เกิดจากแรงที่เข้ามากระทบต่อศีรษะและร่างกายแล้วก่อให้เกิดการบาดเจ็บต่อหนังศีรษะ
        กะโหลกศีรษะ เยื่อหุ้มสมอง สมอง ละเส้นประสาทสมอง กลไกการบาดเจ็บที่ศีรษะ แบ่งเป็น 2 ชนิด
      - 1.การบาดเจ็บขณะศีรษะอยู่นิ่ง หมายถึง แรงที่มากระทบศีรษะขณะที่ศีรษะอยู่นิ่ง เช่น ถูกตี สิ่งของหล่นใส่
        การเกิดพยาธิสภาพจะเกิดตรงตำแหน่งที่แรงมากระทบเท่านั้นจะรุนแรงเพียงใดขึ้นอยู่กับแรงวัตถุที่มากระทบ
        พยาธิสภาพเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นที่หนังศีรษะ กะโหลกศีรษะ อาจจะถึงเยื่อหุ้มสมองชั้นแรก
      - ภาวะเลือดออกใต้ชั้นดูรา คือ การมีเลือดออกระหว่างชั้นดูราและชั้นอะแรคนอยด์
        เกิดจากมีการฉีกขาดของเส้นเลือดดำทำให้มีเลือดขังอยู่ในชั้น Subdural space
        เพิ่มความดันในสมองมักสัมพันธ์กับการมีสมองช้ำ อาการจึงมักแสดงช้า ผู้ป่วยจะมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่า
      - 2.การบาดเจ็บขณะศีรษะเคลื่อนไหว หมายถึง การบาดเจ็บที่ศีรษะเคลื่อนที่ไปจะเป็นอยู่นิ่งๆ ก่อน แล้วมีแรงมากระทำให้เคลื่อนที่ หรือเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูงแล้วหยุดกระทันหัน เช่น ขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงแล้วหยุดกระทันหัน ตกจากที่สูง หรือรถชนกันแล้วหล่นออกจากยานพาหะนะกลิ้งไปตามถนน แรงที่มากระทบต่อสมองขณะที่กำลังเคลื่อนไหวนี้ จะทำให้เกิดพยาธิสภาพต่อกะโหลกศีรษะและสมองอย่างรุนแรง ทำให้กะโหลกศีรษะแตก และมีเลือดคั่งภายในกะโหลกติดตามมา
      - อาการและอาการแสดง
        
        อ่อนแรง อัมพาตด้านใดด้นหนึ่งของร่างกาย
        ระดับความรู้สึกตัวแย่ลง อาเจียน สับสน บุคลิกภาพแย่ลง
        
        การวินิจฉัย
        
        ส่วนใหญ่แพทย์สามารถวินิจฉัยภาวะนี้จากการส่งตรวจคอมพิวเตอร์สมอง
        ซึ่งภาวะเลือดออกใต้ชั้นดูราจะเห็นเงาเลือดออกเป็นสีขาวรูปพระจันทร์เสี้ยวไปตามขอบสมอง
        ส่วนมากคอมพิวเตอร์สมองจะตรวจพบว่ามีเลือดออกหนามากกว่า
        5 มิลลิเมตรแต่ถ้าเลือดออกหนาน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร ควรส่งตรวจสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
      - การรักษา
        
        แนวทางการรักษา แบ่งเป็น 2 ลักษณะ
        
        1.การรักษาแบบประคับประคอง กรณีผู้ป่วยมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์หรือมีก้อนเลือดบางกว่า 10 มิลลิเมตร
        และก้อนเลือดนั้นไม่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในสมอง หรือมีการกดเบียดบริเวณช่องน้ำไขสันหลังที่อยู่รอบแกนสมอง
        
        การผ่าตัด ในรายที่มีการบาดเจ็บต่อสมองและเลือดออก
        การผ่าตัดมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดสิ่งกดเบียดในสมอง ลดความดันมนกะโหลกศีรษะ
        การผ่าตัดมีข้อบ่งชี้ว่าควรพิจารณาทำในรายที่มีเลือดออกหนามากกว่า 10 มิลลิเมตร
        และก้อนเลือดมีการกดเบียดร่องกลางของสมองให้เคลื่อนไปจากตรงกลางมากกว่า 5 มิลลิเมตร นอกจากนี้ ถ้าผู้ที่มีคะแนน Glasgow coma score
        อยู่ระหว่าง 3-8 ระดับความรู้สึกตัวลดลงมากควรตัดสินใจผ่าตัดทันที การผ่าตัดที่นิยมทำมีดังนี้ Burr hole, Craniotomy, Craniectomy
  - - - เป็นภาวะที่พบได้บ่อยมากในผู้สูงอายุ
        โดยร้อยละ 80 เกิดในสตรี และมีความสัมพันธ์ กับภาวะกระดูกพรุนโดยตรง
        ขณะที่อุบัติการณ์ในผู้ป่วยอายุน้อย
        พบได้น้อยมากและสัมพันธ์กับอุบัติเหตุ ที่รุนแรง เช่นตกจากที่สูง หรืออุบัติเหตุทางจราจร
      - อาการแสดง
        ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยจะมาด้วยอาการปวดสะโพก ไม่สามารถนั่งหรือยืนได้ มีการหดสั้น และบิดหมุนออกของเท้า และขาด้านที่มีอาการ แต่ในผู้ป่วยที่กระดูกหักแบบไม่สมบูรณ์ (incomplete fracture) อาจจะยังสามารถขยับ สะโพก หรือเดินลงน้ำหนักได้ แต่มีอาการปวด ดังนั้นในผู้ป่วยสูงอายุที่มีประวัติล้ม และมีอาการปวดบริเวณสะโพก หรือขาหนีบ จึงควรคิดถึงภาวะนี้เสมอ
      - การรักษา
        
        การรักษาโดยวิธีอนุรักษ์ สามารถทำได้โดยการดึงกระดูก (skeletal traction)
        เหมาะสมในผู้ป่วย ที่มีความเสี่ยงสูงในการผ่าตัด เนื่องจากผู้ป่วยต้องนอนรักษาเป็นระยะเวลานาน
        ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอดและทางเดินปัสสาวะ และแผลกดทับได้ง่าย อีกทั้งภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา
        เช่นกระดูกไม่ติด กระดูกติดผิด รูป มีการบิดหมุนและหดสั้นของขา พบได้สูงมาก
        
        การรักษาโดยวิธีผ่าตัด เป็นการรักษาหลักของกระดูกหักบริเวณนี้ โลหะยึดตรึงกระดูกที่เหมาะสมที่สุด
        คือ กลุ่ม nailing system เช่น interlocking nail reconstruction nail หรือ cephalomedullary nail
        เนื่องจากมี ความแข็งแรงเชิงกล สามารถทนแรงเค้นที่เกิด
        ในบริเวณกระดูกส่วนนี้ได้ดีทำให้อัตราการเคลื่อนถอน ของ โลหะยึดตรึงกระดูก (implant failure)
        เกิดน้อยกว่ากลุ่ม plate and screw system อุปกรณ์ยึดตรึงกระดูก ชนิดอื่นที่เป็นทางเลือก ได้แก่ 95degree angle plate