Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Severe pre-eclampsia - Coggle Diagram
Severe pre-eclampsia
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
หญิงตั้งครรภ์พร่องความรู้เรื่องภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์มีผลทำให้การดูแลสุขภาพไม่เหมาะสม(ไตรมาสที่ 3)
ข้อมูลสนับสนุน
SD : หญิงตั้งครรภ์บอกว่า ไม่รู้จะดูแลตัวเองอย่างไรดี ได้แต่ถามคนอื่นที่ตั้งท้องก็บอกว่าถ้าเป็นขาบวม ความดันสูงแล้วจะหายไปเองหลังทารกคลอด
OD : ประเมินการรับรู้และความเข้าใจเรื่องภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์แล้วหญิงตั้งครรภ์ไม่รับรู้อาการแสดงที่แน่ชัดเกี่ยวกับอาการของ preeclampsia และอาการที่ต้องเฝ้าระวังต่อไป
วัตถุประสงค์
หญิงตั้งครรภ์มีความรู้ ความเข้าใจสามารถบอกอาการ อาการแสดงของภาวะ preeclampsia และการดูแลตนเองเมื่อมีอาการและเฝ้าระวังเมื่อไม่มีอาการ
-
กิจกรรมพยาบาล
-
-
-
4.แนะนำการประเมินภาวะสุขภาพของตนเอง ได้แก่ การวัดความดันโลหิต การชั่งน้ำหนักตัว การสังเกตอาการบวม การนับลูกดิ้นในครรภ์
5.แนะนำหากตรวจพบสิ่งผิดปกติ ได้แก่ BP>140/90 mmHg.โปรตีนในปัสสาวะ >2+ น้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่า 1 กิโลกรัม/สัปดาห์ ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยกว่า 10 ครั้งใน 12 ชั่วโมง หรือใน 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทารกในครรภ์ไม่ดิ้น ให้รีบไปพบแพทย์
6.แนะนำอาการแสดงที่ต้องไปพบแพทย์ ได้แก่ ปวดศีรษะ แสบร้อนลิ้นปี่ จุกเสียดหน้าอก ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน หรือมองเห็นเป็นจุด
-
-
ทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดการคลอดก่อนกำหนดเนื่องจากหญิงตั้งครรภ์มีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์(ไตรมาส 3)
-
-
-
กิจกรรมการพยาบาล
-
2.แนะนำให้มารดาสังเกตอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดและรายงานให้ราบทันที ถ้ามีอาการดังนี้ ปวดหลังส่วนล่าง ปวดเกร็งหน้าท้องคล้ายปวดประจำเดือน เลือดออกทางช่องคลอด น้ำเดิน
-
-
5.ส่งเสริมให้มารดาให้เทคนิคผ่อนคลายเพื่อลดความดันโลหิตและลดความตึงตัวของมดลูก ได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ การกระตุ้นบริเวณหัวนม
-
-
-
-
-
ข้อมูลส่วนตัว
มารดาหญิงไทย อายุ 33 ปี G2P0-0-1-0 GA 34+3 wks by u/s (ไตรมาสที่สาม)
ระดับการศึกษา : ประถมศึกษา
อาชีพ : ก่อสร้าง
รายได้ : 12,000 บาท/เดือน
ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว : ปฎิเสธประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว
ปฏิเสธ ผ่าตัด , แพ้ยา
แพ้อาหาร : ปลาดุก
ประวัติการใช้สารเสพติด : ไม่มี
-
-
ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน : G2P0010 GA 34+3 wks by u/s ANC ที่โรงพยาบาลตำรวจ 10 ครั้ง ฝากครรภ์ครั้งแรกตอน GA 11+1 wks วันที่ 1/03/2564 มาฝากครรภ์ตามนัด พบ Alb 4+ BP ครั้งที่ 1 = 135/93 , ครั้งที่ 2 = 150/94 , ครั้งที่ 3 146/95 ลูกดิ้นดี ไม่มีปวดหัว ไม่มีตาพร่ามัว ไม่มีจุกแน่นลิ้นปี่ กดบุ๋ม 2+ AFI = 9.9 placenta anterior , grade 3 , UPCR = 2.94 mg/dL มีอาการน้ำไหลทางช่องคลอดเมื่อเวลา 23.10 น. ไม่มีอาการเจ็บครรภ์ ไม่มีเลือดออกทางช่องคลอด ไม่มีจุกแน่นลิ้นปี่ ตาพร่ามัว BP 150/80 mmHg. T 36.4 C PR 70 bpm. RR 18 min PV : 1FT 25% -1 ML แพทย์จึงย้ายลง LR เพื่อดูความก้าวหน้า และพิจารณาให้ทำ C/S และให้ Admit เพื่อ Observe อาการที่ มภร. 15/1
-
ผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ
CBC(07/01/2564)
Hemoglobin 13.0 g/dL Hematocrit 39.3% RBC 4.37 fL
MCV 89.9 fL MCH 29.9 pg MCHC 33.2 g/dL RDW 13.8%
WBC 7.68 10^3 uL
Neutrophil 76.4%
Lympgocyte 15.6%
Monocyte 4.9%
Eosinophil 2.9%
Basophil 0.2%
Platelet Count 217 10^3 / uL
MPV 9.6 fL
CBC (25/08/2563)
Hemoglobin 12.6 g/dL Hematocrit(Hct) 35.5%
RBC 4.58 10^6/uL
MCV 77.5 fL
MCH 27.4 pg
MCHC 35.4 g/dL
RDW 13.5%
WBC 9.29 10^3/uL
NRBC 0 /100 WBC
Correct WBC 9.29 10^3/ uL
Neutrophil 79.5%
Lymphocyte 16.1%
Monocyte 4.1%
Eosinophil 0.2%
Basophil 0.1%
Platelet Count 266 10^3/uL
MPV 8.7 fL
-
-
-
ตรวจครรภ์
ส่วนนำ : Vertex,HF
Uterus Fundal height : 3/4 > o
striae gavidalum : สีเทา
linea nigra : สีเข้ม
ท่าที่ 1 : First Leopold's handgrip (Fundal grip) High fundas อยู่ระดับ 3/4 >สะดือ
ท่าที่ 2 Umbilical Grip ท่าของทารก : ROA ส่วนหลังของทารกอยู่ด้านขวา
-
-
ตรวจคัดกรอง
ไตรมาสที่ 1 Glucose(50 gm) 163 mg/dL(25/08/2563)
Glucose Tolerance Test
(21/09/2563) =85 mg/dL
Glucose Tolerance Test 1 = 155 mg/dL
Glucose Tolerance Test 2 = 153 mg/dL
Glucose Tolerance Test 3 = 71 mg/dL
ไตรมาสที่ 2(28/12/2563) Glucose Tolerance Test = 76 mg/dL Glucose Tolerance Test 1 = 143 mg/dL
Glucose Tolerance Test 2 = 123 mg/dL
Glucose Tolerance Test 3 = 85 mg/dL
ตรวจร่างกายตามระบบ
ผิวหนัง : ผิวหนังชุ่มชื้นไม่มีรอยโรค
ตา : ไม่ซีด
ช่องปาก : ไม่มีฟันผุ เหงือกบวม
คอ : ต่อม Thyroid ไม่บวมโต
เต้านม : สมมาตรทั้งสองข้าง หัวนมไม่บุ๋ม คลำไม่พบก้อน
ขา : บวมกดบุ๋ม 4+
Genito-Urinary System : ปัสสาวะบ่อย
Extremities : Reflex(Patellar 2+ ,edema +4 both legs)
-
พยาธิสรีรวิทยา
ทฤษฎี
ความหมาย
ความดันโลหิตสูงเนื่องจากการตั้งครรภ์ (Pregnancy Indued Hypertension : PIH) หมายถึง กลุ่มอาการที่ประกอบด้วยความดันโลหิตมากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 mm.Hg. Systolic ขึ้นไปหรือสูงมากกว่าเดิม 30 mmHg. Diastolic สูงกว่าเดิม 15 mmHg.
-
-
-
-
การวินิจฉัย
อาการและอาการแสดง
Systolic BP >140 mmHg. หรือ diastolic BP >90 mmHg. โดยวัดในท่าพัก 2 ครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชม.ในสตรีตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ ไม่เคยมีประวัติความดันโลหิตสูงมาก่อน
มีโปรตีนในปัสสาวะ
ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ >300 mg. ในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง หรือ อัตราส่วนโปรตีนต่อ creatinine (UPCG) >0.3 หรือระดับโปรตีนในปัสสาวะใช้แผ่นตรวจ dipstick มีโปรตีนตั้งแต่ 1+ ขึ้นไป
การบวม (edema) เริ่มจากบริเวณฝ่าเท้า ขาส่วนล่าง ถ้าไม่ได้รับการดูแลที่ดีอาจลามมาถึงแขน ใบหน้า แสดงถึงการเกิดภาวะแทรกซ้อน preeclampsia และอาจเกิด pulmonary edema
ตามทฤษฎี
Prostaglandin มีฤทธิ์สำคัญในการป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เกล็ดเลือดหรือลิ่มเลือดไม่เกาะตามผนังเส้นเลือด จึงมีหน้าที่ป้องกันการเกิดการอุดตันของลิ่มเลือดในร่างกาย และมีหน้าที่ดำรงสภาพการคลายตัวของหลอดเลือด ส่งเสริมให้เลือดไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย
พรอสตาแกลนดิน เป็นกลุ่มของสารประกอบที่เป็นอนุพันธ์ หรือสังเคราะห์มาจากกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว คือ กรดแอราคิโดนิก
-
-
Angiotensin II ทำหน้าที่ควบคุมความตึงตัวของหลอดเลือดและความดันโลหิต ควบคุมให้หลอดเลือดหดรัดตัว โดย Renin จะเปลี่ยน angiotenogen ที่สร้างจากตับให้เป็น Angiotensin I ซึ่งยังไม่มีผลต่อหลอดเลือด จากนั้น Angiotensin I จะถูก enzyme ที่ endothelium เปลี่ยนไปเป็น Angiotensin II แล้วจะไปจับตัวกับตัวรับที่กล้ามเนื้อหลอดเลือดทำให้เกิดการหดรัดตัว และกระตุ้นการสร้าง Aldosterone ทำให้เกิดการคั้งของโซเดียม กระตุ้นการหลั่ง norepinephrine ทำให้กล้ามเนื้อของหลอดเลือดหดตัว และความดันโลหิตสูงขึ้น
Prostacyclin นั้นจำเป็นต่อร่างกายและต้องสร้างให้เพียงพอเพื่อต้านกับฤทธิ์ของสารที่เพิ่มการหดรัดตัวตลอดการตั้งครรภ์
-
-