Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ยาสเตีรอยด์, นางสาวกัณนิภา นักร้อง รหัสนักศึกษา…
ยาแก้ปวด ยาลดไข้ ยาสเตีรอยด์
ยาลดไข้ (Antipyretic)
วิธีการลดไข้
ยาลดไข้ เป็นเพียงยาบรรเทา ไม่ใช่ยารักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดไข้
การเช็ดตัว อาศัยการพาความร้อนของน้ำช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวระบายความร้อน
การดื่มน้ำมากๆ
พักผ่อนในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
ใส่เสื้อผ้าโปร่งสบาย ทำให้ร่างกายระบายความร้อนได้ดี
ยาพาราเซตามอล (Paracetamol)
พาราเซตามอลที่เป็นยาเดี่ยวจะบรรเทาอาการปวดขั้นอ่อนถึงปานกลาง และใช้เป็นยาลดไข้
ต้องระวังการใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่นที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบเพราะอาจทำให้ได้รับยาเกินขนาด
ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคตับ
สามารถใช้ได้ในหญิงตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตร
ขนาดและวิธีใช้ยาพาราเซตามอล
ขนาดยา: 10-15 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน (ไม่เกิน 1000 มิลลิกรัมต่อครั้ง)
แบ่งให้ยาทุก 4-6 ชั่วโมง
ขนาดยาสูงสุดสำหรับผู้ใหญ่ 4000 มิลลิกรัม/วัน
ขนาดยาสูงสุดในผู้ป่วยที่มีภาวะตับอักเสบรุนแรง 2000 มิลลิกรัม/วัน
เนื่องจากการเกิดความเป็นพิษต่อตับจากการใช้ยาพาราเซตามอล จึงมีการปรับลดขนาดยา พาราเซตามอล ที่ใช้แต่ละครั้งไม่ให้เกิน 650 มิลลิกรัม และขนาดยาสูงสุดต่อวันคือ 2,600 มิลลิกรัม
ระวังการใช้ร่วมกับยาที่มีส่วนผสมของพาราเซตามอล
ตัวอย่างรูปแบบยาพาราเซตามอลเดี่ยวลดไข้
ยาเม็ดขนาด 500 / 325 มิลลิกรัม
ยาเหน็บ 125 มิลลิกรัม
ยาน้ำเชื่อม 250 มิลลิกรัม/5 ซีซี
ยาน้ำเชื่อม 120 มิลลิกรัม/5 ซีซี
ยาแบบหยด 60 มิลลิกรัม/0.6 ซีซี
ยาฉีด IV 1000 มิลลิกรัม (10 มิลลิกรัม/ซีซ๊)
ตัวอย่างตำรับยาที่มียาพาราเซตามอลเป็นส่วนผสม
ยาคลายกล้ามเนื้อ
ยาบรรเทาอาการหวัด ลดน้ำมูก
ยาแก้ปวด
การบริหารยาฉีดพาราเซาตามอล
รูปแบบยา : น้ำยาปราศจากเชื้อสำหรับฉีดทางหลอดเลือดดำ
ความเข้มข้น : 1000 mg/ 100 cc
วิธีการบริหาร : IV หยดยานาน 15 นาที ให้ทุก 4-6 ชั่วโมง
ตัวอย่างอาการข้างเคียงของยาพาราเซตามอล
อาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เหงื่อออก ได้บ้าง (ไม่บ่อย)
มีรายงานความเป็นพิษต่อตับ เมื่อใช้ยาในขนาดสูงกว่าที่แนะนำใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือใช้ยาในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เช่น ตับแข็ง ขาดสารอาหาร ติดสุราเรื้อรัง
ยาเอ็นเสด (เช่น ไอบูโพรเฟน)
เป็นแก้ปวดในกลุ่มเอ็นเสด
สามารถลดไข้ได้ แต่ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง
ห้ามใช้ยาในผู้ป่วยที่สงสัยเป็นไข้เลือดออก หรือ มีเลือดออกง่าย
ห้ามใช้ยาในกลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติหอบหืด
ห้ามใช้ยาในผู้ป่วยที่สงสัยเป็นไข้เลือดออก หรือ มีเลือดออกง่าย
ตัวอย่างรูปแบบยาไอบูโพรเฟน
ยาเม็ดขนาด 200 / 400 มิลลิกรัม
ยาน้ำเชื่อม 100 มิลลิกรัม/ 5 ซีซี
ยาเม็ดสูตรผสมกับยาพาราเซตามอล
ตัวอย่างอาการข้างเคียงของยาไอบูโพรเฟน
ระบบทางเดินอาหาร: ทำให้เกิดคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง แผลในกระเพาะอาหาร
ตับ: เอนไซม์ตับผิดปกติ ตับอักเสบ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด: ทำให้เกิดการคั่งน้ าในร่างกาย ความดันโลหิตสูงขึ้น
ระบบหายใจ: อาการหอบหืดกำเริบ
ระบบไต: ไตวายเฉียบพลัน
การออกฤทธิ์ของยาลดไข้
ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างโพสตาแกรนดิน (PGE2) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นศูนย์ควบคุมอุณหภูมิ (thermo regulatory center) ในสมองส่วนไฮโปทาลามัส (hypothalamus)
เพิ่มสารต้านอักเสบอื่นที่มีผลต่อการควบคุมอุณหภูมิ
โพสตาแกรนดิน (PGE2) เป็นตัวกระตุ้นศูนย์ควบคุมอุณหภูมิ (thermo regulatory center) ในสมองส่วนไฮโปทาลามัส (hypothalamus)
ยาแก้ปวด (Analgesics)
ชนิดเสพติดโอปิออยด์ (opioid analgesics)
กลุ่มออกฤทธิ์ยับยั้งไม่รุนแรง เช่น ทรามาดอล โคเดอีน
กลุ่มออกฤทธิ์ยับยั้งรุนแรง เช่น เพทธิดีน มอร์ฟีน เฟนตานิล
การบริหารยาทางสายให้อาหาร
ยามอร์ฟีนชนิดแคปซูล สามารถแกะแคปซูลออกเพื่อผสมน้ำให้ทางสายยางให้อาหารได้ หลังให้ยาควรตามด้วยน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้ยาค้างอยู่ในสายยาง
ถ้าหากผู้ป่วยกลืนลำบาก สามารถถอดปลอกแคปซูลและโปรยเม็ดยาเล็กๆลงบนอาหารอ่อนเช่น โยเกิรต์ หรือแยม และควรกลืนยาภายใน 30 นาที หลังจากโปรยลงอาหาร และกลั้วปากด้วยน้ำเพื่อให้มั่นใจว่ายาถูกกลืนลงไปหมดแล้ว
การบริหารยาฉีด
ยาทรามาดอล (tramadol) สารน้ำใช้เจือจาง =NSS, D5W ความเข้มข้นสุดท้ายก่อนบริหาร=10 mg/cc ระยะเวลาฉีด= > 2-5 นาที
ยาเพทิดีน (pethidine) สารน้ำใช้เจือจาง =NSS, D5W ความเข้มข้นสุดท้ายก่อนบริหาร=10 mg/cc ระยะเวลาฉีด= > 5 นาที
ยามอร์ฟีน (morphine) สารน้ำใช้เจือจาง =NSS, D5W ความเข้มข้นสุดท้ายก่อนบริหาร=1 mg/cc ระยะเวลาฉีด= > 5 นาที
ยาเฟนทานิล (fentanyl) สารน้ำใช้เจือจาง =NSS, D5W ความเข้มข้นสุดท้ายก่อนบริหาร=10 mCg/cc ระยะเวลาฉีด= > 2-5 นาที
ตัวอย่างอาการข้างเคียงของยา
คลื่นไส้ อาเจียน
ง่วงซึม
ท้องผูก
การติดยาทางกาย (Physical dependence) เกิดขึ้นเมื่อมีการใช้ยาอย่างต่อเนื่องแล้วหยุดยากะทันหัน หรือรับยาต้านฤทธิ์ยาแก้ปวดกลุ่มเสพติด อาการแสดงที่พบเช่นท้องเสีย, หายใจเร็วและลึก,เหงื่อออก, สั่น หรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นต้น แก้ไขได้โดยให้ยาเดิมทดแทนหรือค่อยๆปรับขนาดยายาลดลงทีละน้อยเมื่อต้องการหยุดยา
การติดยาทางใจ (Psychological dependence) หรือการติดยา เป็นรูปแบบพฤติกรรมที่อยากยาและมีความต้องการยาตลอดเวลา การกลัวติดยาเป็นปัญหาที่ทำให้ผู้ป่วยปฏิเสธการกินยา
ชนิดที่ไม่เสพติด (non-narcotic analgesic)
ยากลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs)
NSAIDs = Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs (กลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์)
มีฤทธิ์ในการต้านอักเสบ แต่ไม่มีผลต่อการดำเนินโรค
มีฤทธิ์ลดอาการปวด ไม่มีผลต่อการติดยาและกดการหายใจ
แนะนำการกินยาเอ็นเสด หลังอาหารทันทีหรือพร้อมอาหารเพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
ห้ามใช้ยาในกลุ่มผู้ป่วยที่มีประวัติหอบหืด หรือ มีเลือดออกง่าย
ขนาดและวิธีใช้ยา
แตกต่างขึ้นกับแต่ละยา และ ข้อบ่งชี้การใช้ยา
ตัวอย่างยาในกลุ่มเอ็นเสด
ไอบูโพรเฟน (ยาน้ำ ยาเม็ด)
เมฟินามิค อะซิด (ยาเม็ด)
แอสไพริน (ยาเม็ด)
ไดโคลฟีแนค (ยาเม็ด ยาฉีด ยาทา)
ไพร็อกซิแคม (ยากิน ยาทา)
ตัวอย่างยากลุ่ม COX-2
ซีรีคอกซิบ (ยาเม็ด)
ระวังในผู้ป่วยแพ้ยาซัลฟา
อีทอริคอกซิบ (ยาเม็ด)
แพริคอกซิบ (ยาฉีด)
ระวังในผู้ป่วยแพ้ยาซัลฟา
การบริหารยาฉีดเอ็นเสด
รูปแบบยา : ผงแห้ง และตัวท าละลาย (NSS) 2 cc
ความเข้มข้น : 40 mg/ 2 cc
วิธีการบริหาร : ละลายผงยาด้วยตัวทำละลายแล้วบริหาร
IM: ฉีดเข้ากล้ามเนื้อให้ลึก และให้ช้าๆ
IV push: ใช้เวลาอย่างน้อย 15 วินาที
ตัวอย่างอาการข้างเคียงของยาเอ็นเสด
ระบบทางเดินอาหาร: ทำให้เกิดคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง แผลในกระเพาะอาหาร
ตับ: เอนไซม์ตับผิดปกติ ตับอักเสบ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด: ทำให้เกิดการคั่งน้ าในร่างกาย ความดันโลหิตสูงขึ้น เพิ่มโอกาสการอุดตันหลอดเลือด (บางยา)
ระบบหายใจ: อาการหอบหืดกำเริบ
ระบบไต: ไตวายเฉียบพลัน
ยาพาราเซตามอล
ยาสเตียรอยด์ (Steroids)
สเตียรอยด์ธรรมชาติหรือคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid) เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex)
ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานอวัยวะต่างๆของร่างกาย
ควบคุมเมตาบอลิสมของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
ควบคุมสมดุลของเกลือแร่
ปรับสมดุลเมื่อร่างกายเผชิญความเครียด
กดภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ขนาดและวิธีใช้ยา
แตกต่างแล้วแต่ยา และ ข้อบ่งชี้การใช้ยา
ห้ามหยุดยาทันที ต้องค่อยๆปรับขนาดยาลดลง (Taper dose)
รูปแบบการบริหารยากลุ่มสเตียรอยด์
ยารับประทาน
ยาฉีด / ฉีดเข้าข้อ
ยาทาผิวหนัง
ยาพ่นเพื่อรักษาเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
ยาหยอดตา
ตัวอย่างยาในกลุ่มสเตียรอยด์
ยาเพรดนิโซโลน (ยาเม็ด ยาทา ยาหยอดตา)
ยาเมทธิลเพรดนิโซโลน (ยาฉีด )
ยาไตรแอมซิโนโลน (ยาทา ยาฉีด ยาพ่นจมูก ยาป้ายปาก)
ยาบูดีโซไนด์ (ยาพ่น ยาเม็ด)
ตัวอย่างอาการข้างเคียงของยาสเตียรอยด์
ระบบทางเดินอาหาร: ทำให้เกิดอาการปวดท้อง แผลในกระเพาะอาหาร
กระดูกและกล้ามเนื้อ: กระดูกบาง/พรุน กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ระบบภูมิคุ้มกัน: กดภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้ติดเชื้อง่าย (ยาขนาดสูง)
ระบบหัวใจและหลอดเลือด: ความดันโลหิตสูงขึ้น ร่างกายบวมจากการลดการขับโซเดียมและคลอไรด์ เร่งการขับโปแทสเซียม ฟอสเฟต แคลเซียม
ระบบตา: ความดันในลูกตาสูงขึ้น
ระบบต่อมไร้ท่อ: การสะสมของไขมันผิดปกติ ภาวะดื้อน้ำตาล
นางสาวกัณนิภา นักร้อง รหัสนักศึกษา 6301110801001 Sec 1