Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5.12 การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะสมองเสื่อม (Dementia), :star…
บทที่ 5.12 การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะสมองเสื่อม (Dementia)
ความหมาย
เป็นกลมุ่อาการที่มีการเสื่อมถอยของการทำงานของสมองด้านความคิด การรับรู้อย่างน้อยหนึ่งด้าน
โดยมีความสามารถลดลงจากเดิมที่เคยดีมาก่อน โดยที่ผลการเปลี่ยนแปลงนี้ มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยจนไม่สามารถทำหน้าที่การงาน เข้าสังคม เรียนรู้ ตัดสินใจ แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้
เกณฑ์การวินิจฉยัตาม DSM 5
A. มีหลักฐานจากประวัติและการตรวจประเมิน พบความบกพร่องของสมองด้านความคิดและการรับรู้อย่างน้อยหนึ่งด้านต่อไปนี้
สมาธิและความสนใจ(attention)
ความสามารด้านการบริหารจดัการ (executive function)
การเรียนรู้
ความจำ
การใช้ภาษาด้าน perceptual motor หรือ social cognition
B. อาการดงักล่าวมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ต้องมีผู้ช่วยในการทำกิจกรรมที่ซับซ้อน เช่น การจัดยา การจ่ายเงิน
C. อาการดังกล่าวไม่ได้เกิดขนึ้ในขณะที่มีภาวะเพ้อ (Delirium)
D. อาการดังกลา่วไม่สามารถอธิบายด้วยโรคจิตเวชอื่นเช่น โรคจิตเภท โรคซึมเศร้า
อาการและอาการแสดง
สูญเสียความสามารถทางสติปัญญา (Deterioration of Intellectual function)
พูดสื่อสารไมเ่ข้าใจ(aphasia)
ไมส่ามารถทำกิจกรรมที่เคยทำได้ ( apraxia )
ไมส่ามารถเรียกชื่อสิ่งของที่เคยใช้วา่เป็นอะไร (agnosia )
ถ้ามีอาการมากจะไมส่ามารถจำชื่อคนใกล้ชิด ลกูหลานได้
กิจกรรมทั่วไปบกพร่อง (Deterioration of habits)
ผู้ป่วยจะคิดนึกอะไรไม่ออก เนื่องจากสมองสูญเสียการทำหน้าที่ บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไป เช่น เคยสุภาพ แต่งกายสะอาด กลายเป็นคนละคนไปเลย
อารมณ์แปรปรวน (Emotional disability)
อารมณ์ไมค่งที่ ควบคมุไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาถูกขัดใจ จะโวยวายคล้ายเด็ก มีอาการทางจิต หลงผิด หวาดระแวง ซึมเศร้า ประสาทหลอนร่วมด้วย
อาการทางสมองด้านอื่นๆ
4.1 สูญเสียความสามารถด้านทิศทาง ด้านสามมิต
4.2 การตระหนักรู้ความเจ็บป่วยของตนเอง (insight) ผู้ป่วยไม่ทราบ และไม่ยอมรับความสามารถที่ลดลง ของตนเอง หรือความบกพร่องต่างๆ ทำให้ไม่ร่วมมือต่อการรักษา อาการนี้เป็นความบกพร่องของสมองส่วน frontal ถ้าเป็นมาก อาจมีพฤติกรรมวนุ่วายหรือก้าวร้าวได้
สาเหตุ
สมองเสื่อมแบบ Alzheimer
ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่มีความเสื่อมของเซลประสาทมากขึ้นเรื่อยๆ และดำเนินโรคแบบค่อยเป็นคอ่ยไป เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของภาวะสมองเสื่อม โดยทั่วไปมักพบในผู้ที่มีอายุมากและส่วนใหญ่จะสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้นพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
สมองเสื่อมที่เกิดจากพยาธิสภาพของหลอดเลือด
เช่น หลอดเลือดอุดตัน ผู้ป่วยที่มีประวัติความดันเลือดสูง
สมองเสื่อมจากสาเหตอุื่นๆ
โรคเรื้อรัง เบาหวาน ไทรอยด์ โลหิตจาง ติดเชื้อ
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ HIV ฯลฯ
ความผิดปกติเส้นประสาทสมอง เนื้องอกในสมอง
ภาวะทุโภชนาการ ขาดวิตามิน B1วิตามิน B6 วิตามิน B12 โฟเลต
โรคต่อมไร้ท่อ ภาวะ hypothyroidism โรคต่อมพาราไทรอยด์ โรคต่อมหมวกไต
ภาวะ Metabolic ผิดปกติ เช่น โซเดียมในเลือดต่ำ โรคตับ หรือโรคไตรุนแรง
สารเสพติด พิษสรุาเรื้อรัง
โรคทางจิตเวช โรคซึมเศร้า ความผิดปกติจากการนอนหลับ
ผลขางเคียงจากยาบางชนิด เช่น benzodiazepine, anticholinergic, muscle relaxant เป็นต้น
การบำบัดรักษา
การรักษาด้วยยา
donepezil
rivastigmine
galantamine
การรักษาโดยไม่ใช้ยา
การออกกำลังกาย
ฝึกความคิด ความจำ
เล่นเกมต่างๆ
ดนตรีบำบัด
สัตว์เลี้ยงบำบัด
สุคนธบำบัด
การดแูลทั่วไป
การปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของตนเองที่เป็นพื้นฐาน ( basic ADL) เช่นการอาบน้ำใส่ เสื้อผ้า
3.2 การดูแลสิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัย ทั้งด้านความปลอดภัยและความเหมาะสม เช่น การเตรียมบ้าน ห้องนอน ห้องน้ำ ไม่ทำให้เกิดอันตราย
3.3 การดูแลฟื้นฟูทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และอาชีพ ได้แก่ การออกกำลังกาย
3.4 การดูแลในวาระสุดท้ายของชีวิต การร่วมเป็นทีมที่ปรึกษาดูแลโรคทางกายจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
3.5 การดูแลด้านกฎหมาย ความสามารถในการตัดสินใจและความจำของผู้ป่วยจะเสื่อมลง แพทย์จะแจ้งการวินิจฉัยโรคแก่ผู้ป่วยเพื่อให้ญาติของผู้ป่วยเตรียมตัววางแผนด้านทรัพย์สิน และการตัดสินใจอื่นๆ
3.6 การดูแลผู้ดูแล ผู้ดูแลจะมีความเสี่ยงสูงต่อความเครียดและภาวะซึมเศร้า ควรให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม ให้ความเข้าใจ เป็นที่ปรึกษา แนะนำวิธีการ และเทคนิคการดูแลผู้ป่วย
กระบวนการพยาบาล
การประเมินผ้ปู่วย
1.1 สอบถามจากญาติเกี่ยวกับความจำ ความเข้าใจเรื่องราวต่างๆ สภาพอารมณ์ การใช้ภาษา การรับรู้ วัน เวลา สถานที่ บุคคล การแสดงพฤติกรรม การใช้ยา ความเจ็บป่วย
1.2 ความสามารถในการใช้ชีวิตในปัจจุบัน การดูแลตนเอง
การวินิจฉยัการพยาบาล
2.1 กระบวนการคิดและสติปัญญาแปรปรวนเนื่องจากความเสื่อมของเซลสมอง
2.2 การดูแลตนเองบกพร่องเนื่องจากสูญเสียความจำ และความเข้าใจสิ่งต่างๆ
การปฏิบตัิการพยาบาล
3.7 หลีกเลี่ยงการบังคับสิ่งที่ผู้ป่วยไม่สามารถทำได้ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกสูญเสียคุณค่าในตนเอง
3.8 ยอมรับต่อพฤติกรรมแปลกๆของผู้ป่วย ไม่โต้เถียง บังคับให้เปลี่ยนพฤติกรรมหรือล้อเลียนให้ได้อาย
3.6 ให้ผู้ปวยได้รับอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ
3.9 จัดให้มีปฏิทินและนาฬิกาตัวโตๆไว้ในที่ที่ผู้ป่วยสามารถมองเห็นได้โดยง่าย
3.5 ดูแลความสะอาด สุขอนามัยส่วนตัว การอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว การขับถ่าย
3.10 ควรสื่อสารกับผู้ป่วยด้วยคำถามปิด ตอบเพียงสั้นๆ ไม่ต้องให้ผู้ป่วยอธิบายมากมายนัก
3.4 ดูแลสุขอนามัยด้านร่างกายของผู้ป่วยเพราะผู้ป่วยที่มีปัญหาการสื่อสารจะไม่สามารถบอกความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้
3.11 การสื่อสารด้วยท่าทางจะช่วยเสริมการสื่อสารด้วยคำพูดได้ดียิ่งขึ้น เช่น การยิ้ม การสัมผัสจับมือ เป็นต้น
3.3 ผ้ปู่วยที่หลงลืม ไม่ควรพูดล้อเลียน ตำหนิให้ผู้ป่วยเสียหน้า ควรแนะนำหรือเตือนอย่างสุภาพ
3.12 ให้อิสระในการทำกิจกรรมต่างๆ โดยให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด
3.2 ผู้ป่วยที่เริ่มรู้ว่าตนเองมีอาการหลงลืม จะรู้สึกสูญเสีย ตกใจ เศร้า ควรให้ผู้ป่วยได้ระบายและพูดถึงความรู้สึก ให้กำลังใจในการแก้ไข เช่น จดสิ่งที่จะต้องทำ การนัดหมาย ความต้องการตา่งๆ
3.13 หลีกเลี่ยงการทดสอบความจำหรือความสามารถ
เพราะจะทำให้ผู้ป่วยวิตกกังวลมากขึ้น
3.14 ลดการรบกวนการนอนโดย
ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมในเวลากลางวัน
ปัสสาวะก่อนนอน
เปิดไฟให้มองเห็นสิ่งต่างๆชัดเจน
ถ้ามีอาการนอนไม่หลับควรปรึกษาแพทย์
3.15 ระวังการพลัดตกหกล้มหรือหลงทางเมื่อออกจากบ้านไปแล้วกลับไม่ถูก
3.1 สอนญาติที่จะเป็นผู้ดูแลผู้ป่วย
3.16 ฟื้นฟูความจำโดยเรียกชื่่อผู้ป่วย นำรูปครอบครัวหรือคนใกล้ชิดมาให้ผ้ปู่วยดู
:star:
นางสาวธาริณี ไหวพริบ รหัส 180101120