Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะจิตเวชฉุกเฉิน, นางสาวจุรีพันธ์…
บทที่ 6 การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะจิตเวชฉุกเฉิน
ความหมาย ลักษณะอาการและอาการ
แสดงของภาวะจิตเวชฉุกเฉินที่พบบ่อย
ความหมายของภาวะจิตเวชฉุกเฉิน
จิตเวชฉุกเฉิน(emergencypsychiatry)เป็นภาวะที่บุคคลมีความแปรปรวนทางด้านความคิด อารมณ์ความสัมพันธ์ทางสังคม หรือ พฤติกรรมอย่างเฉียบพลันหรือรุนแรง จนอาจทําให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือเกิด ความ เสียหายต่อทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น จําเป็นต้องได้รับการบําบัด ช่วยเหลืออย่างถูกต้องเหมาะสมโดยเร่งด่วน
ลักษณะอาการและอาการแสดง
ของภาวะจิตเวชฉุกเฉินท่ีพบบ่อย
1) พฤติกรรมรุนแรง (violence behavior)
เป็นพฤติกรรมในความพยายามหรือลงมือกระทําการทําร้าย ทําลาย ทั้งร่างกาย จิตใจ ตนเองผู้อืน และสิ่งของ
2) พฤติกรรมการฆ่าตัวตาย (suicide behavior) มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การอยากฆ่าตัวตายที่วางแผน ล่วงหน้าเป็นเดือนเป็นปี หรือเป็นการฆ่าตัวตายหรือการทําร้ายตนเองท่ีเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ
3) ภาวะสับสนเพ้อคลั่ง (delirium) เป็นกลุ่มอาการทางสมองเฉียบพลัน (acute brain syndrome) ผู้ป่วยจะเสียการรู้คิด (cognition) ทั้งหมดและมีอาการทาง neuropsychiatric syndrome ต่างๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ภายใน 2-3 ชั่วโมง หรือ 2-3 วัน
4) กลุ่มอาการหายใจถี่ (hyperventilation syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่มีการหายใจเร็วอย่างมาก ส่งผลให้เกิดภาวะคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดต่ํา (hypocapnia) และเกิดภาวะด่างจากการหายใจ
5) อาการแพนิค (panic attack disorders) ผู้ป่วยจะมีอาการกลัวอย่างรุนแรง พร้อมกับมีอาการทาง กายหลายอย่างร่วมด้วยอาการเกิดทันทีและเป็นมากอย่างรวดเรว็ผู้ป่วยจะมีความกลัวอย่างรุนแรงและความร้สูึก เหมือนกําลังจะตาย ควบคุมตนเองไม่ได้ คิดว่าตนเองเป็นโรคร้ายแรง
สาเหตุของของภาวะจิตเวชฉุกเฉินท่ีพบบ่อย
1) พฤติกรรมรุนแรง
(violence behavior)
พฤติกรรมรุนแรงที่มีสาเหตุจากโรคทางจิต (functional causes)
พฤติกรรมรุนแรงท่ีมีสาเหตุจากความผิดปกติทางกาย (organic causes)
2) พฤติกรรมการฆ่าตัวตาย
(suicide behavior)
โรคทางจิตเนื่องจากการปรับตัว (adjustment disorder)
โรคซึมเศร้า (major depressive disorder)
โรคจิตเภท (schizophrenia)
ติดสุราหรือยาเสพติด (alcohol dependence or substance dependence)
บุคลิกภาพผิดปกติ (personality disorder)
3) ภาวะสับสนเพ้อคลั่ง (delirium)
central nervous system disorder ประสบอุบัติเหตุกระทบกระเทือนสมอง
metabolic disorder เช่น โรคตับวาย ไตวาย
endocrinopathy เช่น ภาวะฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์
systemiclinesอาการพิษจากการดื่มสุราและสารเสพติด
ยาท่ีเป็นสาเหตุของการเกิดอาการสับสนเพ้อคลั่ง
4) กลุ่มอาการหายใจถี่
(hyperventilation syndrome)
เมื่อถูกกระตุ้นโดยความเครียดและอารมณ์ท่วมท้น โดยสารสื่อประสาทชนิดกระตุ้น (excitatory neurotransmitter) จะส่งผลให้ระบบการหายใจใช้กล้ามเน้ือส่วนอกมากกว่ากระบังลม ผลคือทําให้ลม ค้างในปอดปริมาณมาก ทําให้ไม่สามารถหายใจได้ในปริมาตรของการหายใจปกติ
5) อาการแพนิค
(panic attack disorders)
พันธุกรรม พบว่า ญาติสนิทของผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าคนท่ัวไป
ปัจจัยทางจิตใจ พบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ร้อยละ 80 มีเหตุการณ์สําคัญในชีวิต
การมีจุดอ่อนทางชีวภาพแฝงอยู่
การบําบัดรักษาของภาวะจิตเวชฉุกเฉินที่พบบ่อย
1) พฤติกรรมรุนแรง (violence behavior)
การบําบัดช่วยเหลือ
การป้องกันการเกิดพฤติกรรมรุนแรง (violence precautions) โดยพยาบาลต้องสร้าง สัมพันธภาพกับผู้ป่วยแสดงท่าที่เป็นมิตร สงบ พร้อมที่จะช่วยเหลือ ไม่คุกคามผู้ป่วย อยู่ในระยะห่างที่พอเหมาะคือ อย่างน้อยประมาณ 3 ฟุต หรือ 1 ช่วงแขน
การควบคุมพฤติกรรมรุนแรง (violence control) ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมตนเองได้มีท่าที ที่จะต่อสู้หรือจะทําร้ายร่างกายผู้อื่นพยาบาลต้องแจ้งให้ผู้ปว่ยทราบว่าจําเป็นต้องควบคมุพฤติกรรมของผู้ป่วยโดยการ ย้ายผู้ป่วยไว้ในห้องแยก จับและผูกยึด
การประเมินและวางแผนการดูแลต่อเนื่อง ภายหลังการควบคุมพฤติกรรมของผู้ป่วยได้แล้ว ถ้า ผู้ป่วยยังมีอาการทางจิตรุนแรง และต้องควบคุมอาการในเวลาเร่งด่วน (rapid method)แพทย์จะให้ antipsychotic drugในกลุ่ม high potency สําหรับฉีดเข้ากล้ม ทุก ๆ 30-60 นาที่จนกว่าจะประเมินว่าผู้ป่วยอาการสงบลงจะหยดุ ยา ฉีดและให้เป็นชนิดรับประทานแทน
2) พฤติกรรมการฆ่าตัวตาย (suicide behavior)
การบําบัดช่วยเหลือ
การรักษาทางกายเป็นอันดับแรก (management of medical surgical consequences ofsuicide attempt) สําหรับผู้ป่วยที่พยายามฆ่าตัวตายมาก่อนเข้ารับการรักษา
การป้องกันและเฝ้าระวังการฆ่าตัวตายซ้ำ( suicide precautions) พยาบาลต้องพยายามไมใ่ ห้ ผู้ป่วยฆ่าตัวตายซ้ำขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งในห้องฉุกเฉินและ/หรือในหอผู้ป่วยใน โดยจัดที่พักให้มีความ ปลอดภัย ระวังวัสดุอุปกรณ์ท่ีผู้ป่วยสามารถใช้เพื่อทําร้ายตนเอง
การประเมินและวางแผนการดูแลต่อเนื่อง การประเมินสาเหตุของการฆ่าตัวตายและประเมิน ความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายซ้ำ จะต้องประเมินว่าสาเหตุ
สําคัญที่ทําให้ผู้ป่วยมีความคิดฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัว ตายเพราะเหตุใด
3) ภาวะสับสนเพ้อคลั่ง (delirium)
การบําบัดช่วยเหลือ
การบําบัดรักษาด้วยยา ที่นิยมใช้ antipsychotics drug
การบําบัดด้านสิ่งแวดล้อม
การประเมินและวางแผนการดูแลต่อเนื่อง
4) กลุ่มอาการหายใจถี่ (hyperventilation syndrome) การบําบัดช่วยเหลือ
ให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วย(reassurance)ว่าอาการที่เกิด ขึ้นน้ันไม่มีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
ช่วยให้ผู้ป่วยสงบและผ่อนคลาย
ช่วยลดอาการหายใจไม่อิ่มของผู้ป่วยให้ดีขึ้น สอนหายใจ
ควรส่งต่อจิตแพทย์ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะทางจิตเวชร่วมด้วย
5) อาการแพนิค (panic attack disorders) การบําบัดช่วยเหลือ
สร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อผู้ป่วย
ให้กําลังใจและประคับประคองจิตใจ
แยกผู้ป่วยออกมาจากสถานการณ์ที่ทําให้เกิดอาการ
ให้ยาตามแผนการรักษา
ให้ความรู้และการปฏิบัติตัวแก่ผู้ป่วย ทําหน้าที่เป็นที่ปรึกษาแก่ผู้ป่วยและญาติ
6) อาการพิษจากสารเสพติดและอาการขาดสาร (substance intoxication and withdrawal)
การบําบัดช่วยเหลือ
วัดและบันทึกสัญญาณชีพ (vital signs)
ตรวจสอบทางเดินหายใจ (clear airway)
เฝ้าระวังอันตรายจากพฤติกรรมรุนแรง
ให้การรักษาทางกาย เช่น ให้สารน้ํา เกลือแร่
การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะจิตเวชฉุกเฉิน
1) การจําแนกผู้ป่วย (triage) เป็นกระบวนการประเมินและคัดกรองภาวะสุขภาพแบบองค์รวมอย่าง รวดเร็ว จากการสังเกตพฤติกรรมและอาการผิดปกติ สัมภาษณ์อาการสําคัญ สาเหตุที่นํามาหน่วยฉุกเฉิน ประวัติการ เจ็บป่วยในปัจจุบัน ในอดีต ประวัติทางกฎหมาย และปัจจัยกระตุ้นที่ก่อให้เกิดอาการในครั้งน้ี
2) ให้การพยาบาลบําบัดดูแลระยะแรก (initial intervention) ตามความรุนแรงของปัญหาที่ประเมิน ได้เพื่อจัดการให้ผู้ป่วยปลอดภัยและอาการสงบลง (stabilize patient) โดยการช่วยเหลือด้านร่างกายให้พันขีด อันตรายก่อนเป็นอันดับแรกในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาทางกายร่วมด้วย ปกป้องชีวิตโดยการป้องกันการทําร้ายตนองและ ผู้อื่น ช่วยให้พฤติกรรมแปรปรวน
3) การประเมินและบําบัดต่อเนื่อง (continue with evaluation and intervention) เมื่อผู้ป่วย อาการสงบพ้นภาวะที่จะเป็นอันตรายต่อตนองและผู้อื่นพน้ ขีดอันตรายควบคุมตนเองได้มากขึ้นและให้ความร่วมมือ ในการตรวจรักษา หรือถ้าผู้ป่วยยังไม่ให้ความร่วมมือ อาจประเมินข้อมูลต่าง ๆ จากญาติใกลัชิดที่นําผู้ป่วยมาส่ง โรงพยาบาลซ่ึงการประเมินผู้ป่วยซ้ํานี้ควรมีความครอบคลุมทั้งด้านร่างกายจิตใจ และสังคมเพื่อการวินิจฉัยแยก โรคระบุโรคที่เป็นสาเหตุหรือปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการครั้งนี
นางสาวจุรีพันธ์ เตชะอัศวรักษ์ 180101042
นักศึกษาพยาบาลปีที่3