Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะจิตเวชฉุกเฉิน - Coggle Diagram
การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะจิตเวชฉุกเฉิน
ลักษณะอาการและอาการแสดง
3) ภาวะสับสนเพ้อคลั่ง (delirium)
4) กลุ่มอาการหายใจถี่ (hyperventilation syndrome)
2) พฤติกรรมการฆ่าตัวตาย (suicide behavior)
5) อาการแพนิค (panic attack disorders)
1) พฤติกรรมรุนแรง (violence behavior)
6) อาการพิษจากสารเสพติดและอาการขาดสาร (substance intoxication and withdrawal)
สาเหตุ
2) พฤติกรรมการฆ่าตัวตาย (suicide behavior)
โรคจิตเภท (schizophrenia)
ติดสุราหรือยาเสพติด (alcohol dependence or substance dependence)
โรคซึมเศร้า (major depressive disorder)
บุคลิกภาพผิดปกติ (personality disorder)
โรคทางจิตเนื่องจากการปรับตัว (adjustment disorder)
3) ภาวะสับสนเพ้อคลั่ง (delirium)
endocrinopathy
systemic lines
metabolic disorder
ยาที่เป็นสาเหตุของการเกิดอาการสับสนเพ้อคลั่ง
central nervous system disorder
1) พฤติกรรมรุนแรง (violence behavior)
พฤติกรรมรุนแรงที่มีสาเหตุจากโรคทางจิต (functional causes)
พฤติกรรมรุนแรงที่มีสาเหตุจากความผิดปกติทางกาย (organic causes)
4) กลุ่มอาการหายใจถี่ (hyperventilation syndrome)
ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด มีแนวโน้มว่าในวัยเด็กพ่อแม่มักจะเลี้ยงดูแบบปกป้องมากเกินไป (overprotection) มีบุคลิกภาพที่ทนต่อความเครียดได้น้อย และผู้ป่วยมักมีแนวโน้มจะเพ่งความสนใจไปที่อาการทางกายที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา
5) อาการแพนิค (panic attack disorders)
ปัจจัยทางจิตใจ
การมีจุดอ่อนทางชีวภาพแฝงอยู่
พันธุกรรม
การบำบัดรักษา
2) พฤติกรรมการฆ่าตัวตาย
การป้องกันและเฝ้าระวังการฆ่าตัวตายซ้ำ (suicide precautions)
การประเมินและวางแผนการดูแลต่อเนื่อง
การรักษาทางกายเป็นอันดับแรก (management of medical surgical consequences of suicide attempt)
3) ภาวะสับสนเพ้อคลั่ง
การบำบัดด้านสิ่งแวดล้อม
3) ควรให้ผู้ป่วยอยู่ในที่มีแสงสว่างอย่างเพียงพอ มีเสียงบ้างพอสมควร
4) เมื่อผู้ป่วยหายจากอาการแล้ว ควรอธิบายให้ผู้ปวยเข้าใจถึงพฤติกรรมแปลกๆว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และอาการดังกล่าวสามารถรักษาให้หายได้
2) การส่งเสริมการรับรู้สิ่งแวดล้อมที่ถูกต้อง (orientation)
5) อธิบายถึงภาวะ delirium ให้สมาชิกในครอบครัวทราบว่าภาวะนี้เป็นอย่างไรเพื่อลดความกังวลของสมาชิกในครอบครัว
1) การผูกยึด (restrain)
การประเมินและวางแผนการดูแลต่อเนื่อง
การบำบัดรักษาด้วยยา
1) พฤติกรรมรุนแรง
การควบคุมพฤติกรรมรุนแรง (violence control)
2) การผูกมัด (physical restraints)
3) การใช้ยาควบคุมอาการ (medication)
1) การแยกหรือจำกัดบริเวณ (seclusion)
การประเมินและวางแผนการดูแลต่อเนื่อง
การป้องกันการเกิดพฤติกรรมรุนแรง (violence precautions)
4) กลุ่มอาการหายใจถี่
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบว่าอาการและความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเกิดจากการหายใจเร็วกว่าปกติหรือหายใจถี่ เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดการเรียนรู้กลไกการเกิดอาการ มีความเข้าใจในอาการและเกิดความร่วมมือในการบำบัดรักษา
ช่วยให้ผู้ป่วยสงบและผ่อนคลาย ด้วยการจำกัดปัจจัยกระตุ้น ใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อเกิดอาการ สนับสนุนให้ผู้ป่วยเกิดการควบคุมตนเอง (self-control)
ให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วย (reassurance)
ช่วยลดอาการหายใจไม่อิ่มของผู้ป่วยให้ดีขึ้น
กรณีที่อาการหายใจไม่อิ่มของผู้ป่วยไม่ดีขึ้นภายใน 15-30 นาที แพทย์อาจพิจารณาให้ยาคลายกังวลรับประทาน หรือฉีด(ถ้ารับประทานไม่ได้)
กรณีผู้ป่วยมีความเครียดซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นของอาการหายใจไม่อิ่ม แพทย์อาจพิจารณาให้ยา benzodiazepine ขนาดต่ำ ๆ
กรณีผู้ป่วยมีความถี่และความรุนแรงของอาการหายใจไม่อิ่ม แพทย์อาจพิจารณาให้ยากลุ่ม selective serotonin reuptake inhibitor (SSRI)
สอนการผ่อนคลายด้วยวิธีต่าง ๆ (relaxation techniques) เช่น การคลายกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นทีละส่วน, การทำสมาธิ, การฝึกสติ และการฝึกคุมจิต
ให้ความรู้และการปฏิบัติตัวแก่ผู้ป่วยหรือทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาแก่ผู้ป่วยและญาติ
ควรส่งต่อจิตแพทย์ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะทางจิตเวชร่วมด้วยหรือรักษาตามมาตรฐานแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาการคงอยู่เป็น ๆ หาย ๆ
5) อาการแพนิค
แยกผู้ป่วยออกมาจากสถานการณ์ที่ทำให้เกิดอาการ โดยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปอยู่ที่สงบ
ให้ยาตามแผนการรักษา
ใช้หลัn therapeutic communication ให้กำลังใจและประคับประคองจิตใจ แสดงความใส่ใจสัมผัสร่างกายผู้ป่วยตามความเหมาะสม
ให้ความรู้และการปฏิบัติตัวแก่ผู้ป่วย ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาแก่ผู้ป่วยและญาติ แก้ไขสาเหตุความตึงเครียด
สร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อผู้ป่วย เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้พูดระบายความคิดและความรู้สึก ซักประวัต
6) อาการพิษจากสารเสพติดและอาการขาดสาร
ใช้ยา antidote
กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการชัก ผู้ป่วยจะได้รับยาแก้ชัก
ให้การรักษาทางกาย
กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการท้องเสียมาก ผู้ป่วยจะได้รับยาแก้ท้องเสียและให้การบำบัดดูแลอาการทางกายอื่นๆ
เฝ้าระวังอันตรายจากพฤติกรรมรุนแรง แอะอะ ก้าวร้าว เพ้อ หรือมีอาการประสาทหลอนผู้ป่วยอาจได้รับ antipsychotic drug และ/หรือ antianxiety drug
ให้การปรึกษาเพื่อประคับประคองผู้ป่วยในการปรับตัวกับปัญหาในปัจจุบัน
ตรวจสอบทางเดินหายใจ (clear airway) อาจต้องให้ออกซิเจนและใช้เครื่องช่วยหายใจเมื่อหมดสติหรือมีปัญหาระบบทางเดินหายใจและระวังการสำลัก
ส่งปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรักษาภาวะติดสารเสพติดและอาการทางจิต
วัดและบันทึกสัญญาณชีพ (vital signs) สัญญาณประสาท (neuro signs)
การพยาบาล
2) ให้การพยาบาลบำบัดดูแลระยะแรก (initial intervention)
การช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะรีบด่วน (urgent) ต้องให้การดูแลภายใน 30 นาที การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีโอกาสหรือมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
การช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะกึ่งรีบด่วน (semi-urgent) ให้การดูแลภายใน 60 นาที ผู้ปวยอยู่ในภาวะ เครียดไม่สุขสบาย (distress) หงุดหงิดง่ายแต่ไม่ก้าวร้าว ให้ความร่วมมือในการตรวจรักษา สามารถพูดหรือสื่อสารได้ชัดเจน มีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวลแต่ไม่มีความคิดฆ่าตัวตาย
การช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะฉุกเฉิน (emergency) ต้องให้การดูแลภายใน 10 นาที การช่วยเหลือ ผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
การช่วยเหลือผู้ป่วยภาวะไม่รีบด่วน (non-urgent) ให้การดูแลภายใน 120 นาที ผู้ป่วยอยู่ในภาวะเครียดหรือไม่สุขสบายเรื้อรั้ง (distress) มีประวัติโรคทางจิตเวชเรื้อรัง มีประวัติการเจ็บป่วยแน่ซัดแต่ไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นหรือมีปัญหาทางจิตสังคม
การช่วยเหลือผู้ป่วยทันทีทันใด (immediate) ผู้ป่วยที่ถูกประเมินว่าอยู่ในภาวะคุกคามชีวิต เป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น
3) การประเมินและบำบัดต่อเนื่อง (continue with evaluation and intervention)
การตรวจร่างกายซ้ำ
การตรวจสภาพจิตทั่วไป
การสัมภาษณ์
การวินิจฉัยและการวางแผนการบำบัด
1) การจำแนกผู้ป่วย (triage)
4) การจำหน่ายหรือส่งต่อผู้ป่วยไปยังหน่วยบำบัดอื่น (discharge or refer patient)