Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พุทธปรัชญา BUDDHIST PHILOSOPHY, นางสาวกชกร ข้อสกุล รหัส 62115271117…
พุทธปรัชญา
BUDDHIST PHILOSOPHY
ความหมาย
ความรู้อันประเสริฐที่พระพุทธเจ้าได้ ตรัสรู้แล้วหรือพุทธธรรม พุทธปรัชญาการศึกษามาจากคําว่า
Buddhishic Philosophy of Education ซึ่งได้แนวคิดมาจาก พระพุทธศาสนา (Buddhism) จากพระธรรมคําสอนของพระ สัมมาสัมพุทธจ้า และปรัชญาการศึกษาอื่นๆ การศึกษาในพทธ ปรัชญา คือ การศึกษาเพื่อให้เข้าใจความจริง เข้าใจความหมายของชีวิต ทั้งดํารงชีวิตให้สอดคล้องสัมพันธ์กับความจริง
ความเป็นมา
พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจําชาติ และได้หล่อหลอมเป็นชีวิตดําเนิน ชีวิตของคนไทยจึงเห็นควรให้พุทธปรัชญาการศึกษาเป็นปรัชญา การศึกษาที่มีพื้นฐานอยู่บนความเป็นไทย พระพุทธเจ้าชี้ให้เห็นถึง ความจริงหรือสัจธรรมในหลักไตรลักษณ์ ซึ่งได้แก่
อนิจจัง คือ ความเป็นของไม่เที่ยง
ทุกขัง คือ ความเป็นทุกข์
อนัตตา คือ ความเป็นของไม่ใช่ตน
โลกและชีวิตเป็นอนิจจังไม่มีอะไรแน่นอน มนุษย์จึงไม่ ควรติดอยู่กับวัตถุหรือมุ่งแสวงหาแต่ความสุขทางวัตถุ เพราะชีวิตแท้จริงแล้วเป็นทุกข์ เพราะประกอบด้วยสิ่งต่างๆอันเป็นของไม่เที่ยง คือ ขันธ์ 5 ได้แก่
รูป
สัญญา
เวทนา
สังขาร
วิญญาณ
หลักคำสอน
มนุษย์เป็นอนัตตา คือไม่มีตัวตนที่แท้จริงที่เห็นว่าเป็นตัวตน อยู่นี้ก็เพราะว่าองค์ประกอบทั้ง 5 มารวมกันอยู่ในกระแสแห่งการเกิดดับ ซึ่งเป็นไปตามหลักปฏิจสมุปบาท คือ ทุกสิ่ง ทุกอย่างอยู่ในกฎเหตุและผลหรือเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์
ความมุ่งหมาย
ตามแนวคิดของท่านพุทธทาสภิกขุ
จุดมุ่งหมายของการศึกษา
เพื่อดับทุกข์ทั้งปวงให้หมดสิ้น คือทุกข์ที่เกิดจากกิเลสเพราะการศึกษาในพุทธศาสนา หมายถึง การสามารถทำให้บุคคลเอาชนะโลกนี้ทั้งหมด (ไม่ต้องการลาภยศทางวัตถุ ใดๆ) เอาชนะโลกอื่นทั้งหมด (ไม่ต้องการไปเกิดในชาติอื่น) และทำให้อยู่เหนือโลกทั้ง ปวง (ดับกิเลสโดยสิ้นเชิงไม่เกิดในโลกไหนอีกต่อไป)
เพื่อส่งเสริมศีลธรรมทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการของมนุษย์ คือ สร้างความถูกต้องเพื่อ ความก้าวหน้าทั้งทางวัตถุและจิตใจ ต้องชี้ให้เห็นถึงความสุข 2 อย่างคือ ความสุขทาง กาย ซึ่งยิ่งเสพยิ่งต้องการมากและทำความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น กับความสุข ทางจิต ซึ่งยิ่งแสวงหาเท่าไรยิ่งทำความร่มเย็นให้มากเท่านั้น
เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม คือขจัดความเห็นแก่ตัวและร่วมมือกันเสริมสร้าง สันติสุขในชุมชนและในโลก โดยให้จุดมุ่งหมายทั้ง 3 ข้อนี้ ไปใช้ในการจัดการศึกษาใน โรงเรียน พร้อมทั้งยึดหลักพุทธศึกษา จริยศึกษา พลศึกษา ทัตถศึกษา
หน้าที่ของการศึกษาและหน้าที่ครู
หน้าที่ในการถ่ายทอดศิลปวิทยา ได้แก่ วิชาชีพตลอดจนมรดกทางวัฒนธรรม ทาง วิชาการ ซึ้งหมายถึงถ่ายทอดให้นักเรียนได้รู้จริง มีความใฝ่รู้ที่จะค้นคว้าให้รู้มากขึ้น มี การเพิ่มพูนหรือทำให้งามขึ้นและนำไปประกอบอาชีพได้ หรือสร้างความเป็นเลิศทั้ง ด้านสติปัญญาและเลิศในประโยชน์ของสังคมประเทศชาติ
หน้าที่ในการชี้แนะให้รู้จักการดำเนินชีวิตที่ดีงามถูกต้อง และการฝึกฝนพัฒนาตนให้ สมบูรณ์ เช่น การทำให้คนมีแรงจูงใจที่ถูกต้อง (ฉันทะ) ในการศึกษา การสร้าง จิตสำนึกในการศึกษาโรงเรียนวิถีพุทธ
โยนิโสมนสิการ
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ ปยุตฺโต) ให้ความหมายว่า การทำในใจโดยแยบคาย, กระทำไว้ ในใจโดยอุบายอันแยบคาย, การพิจารณาโดยแยบคาย คือการพิจารณาความจริงโดยสืบค้นหา เหตุผลไปตามลำดับจนถึงต้นเหตุ แยกแยะจนมองเห็นตัวสภาวะและความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย หรือตริตรองให้รู้จักสิ่งที่ดีที่ชั่ว ยังกุศลธรรมให้เกิดขึ้นโดยอุบายที่ชอบซึ้งจะมีเกิดอวิชชาปละตัณหา , ความรู้จักคิด, คิดถูกวิธี
ตามแนวพุทธ ปรัชญาของศาสตราจารย์สาโรช บัวศรี
ความมุ่งหมายเกี่ยวกับตัวผู้เรียน
การศึกษาจะต้องมุ่งพัฒนาโลภ โกรธ หลง ให้ลดลงและพัฒนาความรู้ ความจํา นิสัย และอื่นๆ ในทางที่เหมาะสม
ความมุ่งหมายเกี่ยวกับสังคม
การศึกษาต้องช่วยพัฒนาสังคมให้ร่มเย็นเป็นสุข เนื่องจากวังคมไทยเป็นสังคมที่ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาซึ่งถ้าเข้าใจพุทธปรัชญาใน ไตรลักษณ์ อิทธิบาท 4 แล้วก็จะเข้าใจสังคมได้ดีขึ้นและไม่ตกใจไปกับการ เปลี่ยนแปลงในสังคมอิทธิบาท 4 ประกอบด้วย
-ฉันทะ ความพอใจรักใครในสิ่งนั้น
-วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
-จิตตะความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
-วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น
ความมุ่งหมายเกี่ยวกับลักษณะของการเรียนรู้
การจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการแบ่งปัน
การจัดการศึกษาเพื่อส่งเสริมการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
การจัดการศึกษาเพื่อนสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล ซึ่งเป็นนโยบาย ประชาธิปไตย เพราะพุทธปรัชญาเป็นปรัชญาประชาธิปไตย เช่นพระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า บุคคลแต่ละคนไม่เหมือนกันเปรียบเสมือนดอกบัว 4 เหล่า
วิธีสอนแม่บทสำหรับโรงเรียน
วิธีสอนแม่บทสำหรับโรงเรียน ต้องใช้วิธีการแห่งปัญญา คือ สอนตามหลักอริยสัจสี่ ซึ่งตรงกับวิธีการแก้ปัญหาแบบวิทยาศาสตร์
การจัดการศึกษา
โรงเรียน
เตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนทุกคนเป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุขในทุกช่วงชีวิตทั้งใน ปัจจุบันและอนาคต
จัดสิ่งแวดล้อมและอาคารสถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกให้เอื้อและสอดคล้องต่อ การพัฒนาร่างกายและจิตใจของผู้เรียนทุกคน
ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักแบ่งปัน และการมีส่วนร่วมภายในสถานศึกษาและในสังคม ภายนอกสถานศึกษา
ส่งเสริมการเรียนรู้ ทักษะ และเจตคติกลุ่มสาระต่างๆ ทั้งเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม
ส่งเสริมความแตกต่างระหว่างบุคคลในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
หลักสูตร
เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีร่างกาย สุขภาพ พลานามัยที่แข็งแรง สมบูรณ์ สมส่วน คล่องแคล่วว่องไว มีพัฒนาการทางด้านร่างกายตามวัยและได้มาตรฐานสากล
เพื่อพัฒนาผู้เรียนในด้านความรู้สึกโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและมีพัฒนาการไปตามลำดับขั้น
เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีสติปัญญา ความรู้ และความสามารถ และการ เข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับตนเอง สังคมและโลก และอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขใน ปัจจุบันและอนาคต
เพื่อพัฒนาแรงขับและคุณสมบัติทางจิตใจของผู้เรียน ได้แก่ อารมณ์ เจตคติ คุณธรรม ศีลธรรม และจริยธรรม
เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้มีจิตสำนึกทั้งในทางกาย ทางวาจา และทางใจ (การคิด)
เนื้อหาของหลักสูตร
มีเนื้อหาวิชาความรู้ ความเข้าใจ และทักษะเกี่ยวกับการพัฒนาด้านร่างกาย ได้แก่ วิชาคหกรรมศาสตร์ วิชาพลานามัย วิชาสุขศึกษา เป็นต้น
ควรมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเสริมสร้างและฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรง เช่นวิชาพลศึกษา การกีฬา นันทนาการ เป็นต้น
ควรมีเนื้อหาด้านการพัฒนาความรู้สึกนึกคิด ได้แก่ วรรณคดี ภาษาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ธรรมชาติวิทยา ชีววิทยา และนิเวศวิทยา เป็นต้น
ควรมีเนื้อหาด้านการพัฒนาอารมณ์ เจตคติ คุณธรรม ศีลธรรม และจริยธรรม ได้แก่ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ศิลปะ ดนตรี เป็นต้น
ควรมีเนื้อหาด้านการพัฒนาความคิดและการใช้สมอง ได้แก่ วิชาวรรณคดี คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์สาขาต่างๆ คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีเป็นต้น
ควรมีเนื้อหาด้านการพัฒนา จิตสำนึกและการใช้เหตุผลทั้งทางกาย ทางวาจา และทางจิตใจ ได้แก่ วิชาศีลธรรม จริยธรรม และสุนทรียภาพ สังคมศึกษา สังคมวิทยา สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติศึกษา เป็นต้น
การเรียนการสอน
ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้เรียนเป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุข
ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยวิธีการแก้ปัญหาและการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทั้งวิธีการ เรียนเป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม
คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน
จัดสภาพภายในห้องเรียนและบริเวณสถานศึกษาและสภาพแวดล้อมภายนอกให้เอื้อ ต่อการเรียนรู้ และการเรียนด้วยตัวเอง ส่งเสริมการมีวินัยในตนเองและการมีสมาธิของ ผู้เรียนแต่ละคนและการเรียนเป็นกลุ่มในบางครั้งตามความเหมาะสม เพื่อส่งเสริมการ เป็นคนดีในหมู่คณะ รู้จักแบ่งปัน และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมซึ้งส่งผลต่อการเป็น พลเมืองดีของชาติ รู้จักเสียสละ แบ่งปัน การให้ และการมีส่วนร่วมในสังคม ประชาธิปไตยต่อไป
ให้ความสำคัญกับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษเป็นรายบุคคล และต้องส่งเสริมเด็ก เรียนเก่งให้เจริญงอกงามทั้งความรู้สึกและสติปัญญา
คิดหาวิธีสอน และกิจกรรมและประสบการณ์ที่หลากหลายทั้งในและนอกห้องเรียน และสอดคล้องกับสื่อและเนื้อหา ความรู้และทักษะของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้
ผู้สอน
เป็นผู้ให้วิทยาการ (สิปปทายก) ได้แก่ การให้ความรู้ทางวิชาการและการประกอบ อาชีพแก่ผู้เรียน รวมถึงต้องหมั่นค้นคว้าและหาความรู้
มีหน้าที่ชี้แนะแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง (กัลยาณมิตร) คือสอนให้รู้จักคิด มองความหมายของสิ่งต่างๆ อย่างถูกต้อง รู้ตักแสดงออกอย่างมีเหตุผล มีความ รับผิดชอบและรู้จักดำเนินชีวิตที่ดี
ผู้เรียน
เป็นผู้ที่มีความเคารพและศรัทธาต่อครู
เป็นผู้รับฟังคำแนะนำของครู
เป็นผู้ที่มีความพร้อมและมีวุฒิภาวะ รู้จักใช้เหตุผลและคุณธรรมในการตัดสินใจ
ความมุ่งหมายของการศึกษา
เพื่อพัฒนาร่างกายและจิตใจของผู้เรียนให้สมบูรณ์
เพื่อให้เข้าใจอุดมการณ์สังคมที่ผู้เรียนในฐานะเป็นพลเมืองดี
เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดของผู้เรียนไปสู่การคิดที่ถูกต้อง
เพื่อพัฒนาศีลธรรมและจริยธรรมของผู้เรียนให้มีความสัมพันธ์อย่างสงบระหว่าง สมาชิกของสังคมและโลก
เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ทักษะและเจตคติในกลุ่มสาระตามหลักสูตร และระดับชั้นเรียน ตามความต้องการของแต่ละบุคคล และความแตกต่างระหว่างบุคคล
นางสาวกชกร ข้อสกุล รหัส 62115271117 สาขาวิชานวัตกรรมและคอมพิวเตอร์ศึกษา