Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวช …
การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวช
โรคบุคลิกภาพผิดปกติที่พบบ่อย
ความหมายของโรคบุคลิกภาพผิดปกติ
โรคบุคลิกภาพผิดปกติ(personality disorder)
เป็นประสบการณ์ พฤติกรรมและการดําเนินชีวิตที่เบี่ยงเบนหรือแตกต่างไปจากบรรทัดฐานและความคาดหวังของสังคม รวมทั้งวัฒนธรรมที่บุคคลนั้นๆ อยู่ โดยบุคลิกภาพที่ผิดปกตินี้จะเริ่มปราฎในช่วงวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ตอนตัน แล้วดําเนินต่อไปจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่
มีพฤติกรรมที่ไม่มีความยืดหยุ่น ปรับตัวยาก มีปัญหาในเรื่องของกระบวนการคิด การแสดงออกทางอารมณ์การมีสัมพันธภาพกับบุคคล หรือการควบคุมตนเอง อันเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ หรือมีชีวิตที่เข้ากับสังคมไม่ได้บุคลิกภาพที่ผิดปกตินี้ไม่ได้
กลุ่ม B
มีบุคลิกภาพผิดปกติในลักษณะที่มีการแสดงออกทางอารมณ์ผิดปกติ หรือคาดเดาไม่ได้(dramatic, emotional, or erratic) เป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวยากในระดับที่มีความรุนแรงปานกลางและได้บ้างไม่ได้บ้าง ได้แก่ บุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม ก้ํากึ่ง ฮีสที่เรีย และ หลงตัว (antisocial, borderline, histrionic ,and narcissistic personality disorders)
กลุ่ม c
มีบุคลิกภาพผิดปกติในลักษณะที่มีความหวาดกลัวหรือวิตกกังวลอย่างสูง (anxious or fearful)เป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวยากในระดับที่มีความรุนแรงน้อยที่สุดและสามารถรักษาได้ ได้แก่ บุคลิกภาพผิดปกติแบบหลีกเลี่ยง พึ่งพา และย้ําคิดย้ําทํา (avoidant, dependent and obsessive-compulsive personality disorders)
กลุ่ม A
มีบุคลิกภาพผิดปกติในลักษณะที่มีพฤติกรรมประหลาด พิสดาร (odd or eccentricity) เป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวได้ยากในระดับที่มีความรุนแรงมากที่สุดและยากที่จะรักษาหายได้ ได้แก่ บุคลิกภาพผิดปกติแบบหวาดระแวง เก็บตัว และจิตเภท (paranoid, schizoid and personality disorders)
ลักษณะอาการและอาการแสดง
บุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม (antisocial personality disorders)
จะต้องมีอายุอย่างน้อย 18 ปี โดยจะมีลักษณะของการไม่สนใจใยดีถึงกฎเกณฑ์ความถูกต้องหรือ กระทำการที่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ซึ่งบ่งชี้ว่ามีความประพฤติเกเร (conduct disorder) ตั้งแต่อายุ 15 ปี โดยมีอาการแสดงออก อย่างน้อย 3 จาก 7 อาการ
1) ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือมาตรฐานของสังคม
2) หลอกลวง ซึ่งเห็นได้จากการพูดโกหกช้ําแล้วซ้ําอีก ใช้การตบตาหรือหลอกลวงหาผลประโยชน์จากผู้อื่น
3) หุนหันวู่วาม ไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะทําอะไรลงไป
4) หงุดหงิดและก้วร้าว มีเรื่องต่อสู้ใช้กําลัง หรือทําร้ายผู้อื่นบ่อยๆ
5) ไม่ใส่ใจถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
6) ขาดความรับผิดชอบอยู่เป็นประจํา ทํางานอยู่ไม่ได้นาน ไม่ชื่อสัตย์ทางการเงิน
7) ไม่รู้สึกสํานึกผิดหรือเสียใจต่อความผิดที่ได้กระทําลงไป มีท่าที่เฉยๆ หรืออ้างเหตุผลที่ทําไม่ดีทําร้ายร่างกาย หรือขโมยของผู้อื่น
บุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อก้ำกึ่ง (borderline personality disorders)
จะมีลักษณะของการขาดความมั่นคงแน่นอนในการที่จะมีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น การมอง ภาพลักษณ์ของตนเองและการควบคุมอารมณ์ รวมทั้งมีการแสดงออกแบบหุนหันวู่วาม ควบคุมตนเองไม่ได้ (impulsivity) เริ่มแสดงอาการในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นและจะแสดงออกให้เห็นชัดเจนเมื่อเผชิญกับปัญหาหรือสถานการณ์ ต่าง ๆ โดยมีอาการแสดงออกอย่างน้อย 5 จาก 9 อาการ
1) พยายามอย่างคนเสียสติที่จะหนีความเป็นจริงหรือหนีจากการถูกทอดทิ้ง
2) สัมพันภาพกับผู้อื่นมีลักษณะที่ไม่แน่นอนระหว่างดีสุดๆ และชั่วร้ายสุดๆ
3) สับสนในความเป็นตัวของตัวเอง การมองภาพลักษณ์ของตนเองหรือความรู้สึกที่มีต่อตนเองไม่แน่นอน
4) แสดงพฤติกรรมหุนหันวู่วามซึ่งส่งผลร้ายหรือทําลายตนเองอย่างน้อย 2 อย่าง ได้แก่ สําส่อนทางเพศ ใช้สารสพติต ขับรถประมาท ดื่มจัด
5) มีพฤติกรรม ท่าทาง หรือพยายามที่จะทําร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตายบ่อยๆ
6) มีอารมณ์ไม่สม่ําเสมอ ไม่คงที่เปลี่ยนแปลงง่าย
7) มีความรู้สึกเหงาหว้าเหว่เรื้อรัง
8) มีการแสดงออกของอารมณ์โกรธรุนแรงไม่เหมาะสม ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ ระเบิดอารมณ์รุนแรงได้ง่าย หรือทําร้ายร่างกาย
9) เมื่อมีความเครียด จะเกิดความหวาดระแวงหรือแสดงอาการแสดงเกี่ยวกับภาวะความจําการรับรู้เกี่ยวกับตนเองสูญเสียไป (dissociative symptoms)
บุคลิกภาพผิดปกติแบบพึ่งพา (dependent personality disorders)
จะมีลักษณะของการชอบพึ่งผู้อื่น ยอมตาม และขึ้นอยู่กับผู้อื่นแทบทุกเรื่อง ไม่กล้าตัดสินใจด้วย ตนเองและกลัวการถูกทอดทิ้ง อาการแสดงมักเริ่มในวัยผู้ใหญ่ตอนต้นและจะแสดงอาการออกให้เห็นชัดเจนเมื่อเผชิญ กับปัญหาหรือสถานการณ์ต่าง ๆ โดยมีอาการแสดงออกอย่างน้อย 5 จาก 8 อาการ
1) ไม่กล้าที่จะตัดสินใจด้วยตนเอง ต้องอาศัยคําแนะนํา และการให้กําลังใจจากผู้อื่น
2) ต้องการให้คนอื่นเข้ามารับผิดชอบเรื่องสําคัญๆ ในชีวิตให้ตน
3) รู้สึกยากที่จะแสดงความคิดเห็นคัดค้าน หรือไม่เห็นด้วยกับคนอื่น เพราะกลัวเขาจะไม่ยอมรับหรือไม่ช่วยเหลืออีกต่อไป
4) ไม่สามารถที่จะคิดริเริ่มกิจกรรมหรือโครงการใหม่ๆ และทําอะไรด้วยตนเองไม่ค่อยได้ ซึ่งเป็นเพราะขาดความสามารถหรือขาดความเชื่อมั่นในการตัดสินใจ มากกว่าขาดพลังหรือแรงจูงใจที่จะคิดที่จะทํา
5) ทําทุกอย่างที่จะให้ได้รับการช่วยเหลือเกื้อหนุนจากผู้อื่น ยอมแม้แต่ที่จะอาสาทําในสิ่งที่ไม่สุขสบาย
6) รู้สึกไม่สบายใจหรือหมดหนทางช่วยเหลือ เมื่อต้องอยู่คนเดียว เพราะกลัวว่าจะไม่มีความสามารถพอที่จะทําอะไรได้ด้วยตัวเอง
7) เมื่อคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดต้องมีอันจากไปหรือสัมพันธภาพต้องยุติลง จะรีบหาสัมพันธภาพใหม่ทันที
8) ครุ่นคิดแต่ในเรื่องที่จะถูกทอดทิ้งให้ต้องดูแลตนเอง
สาเหตุของโรคบุคลิกภาพผิดปกติ
ปัจจัยด้านชีวภาพ
พันธุกรรม (genetic) พันธุกรรมคือลักษณะที่ติดตัวบุคคลผู้นั้นมาตั้งแต่เกิด
ประสาทชีววิทยา (neurobiology)การเจ็บป้วยด้วยโรคทางสมอง หรือความผิดปกติในหน้าที่ ของสมองเช่น โรคลมชัก, การอักเสบของสมอง arteriosclerotic brain disease, senile dementia และ alcoholism
ปัจจัยทางจิตวิทยา
ทฤษฎีจิตวิเคราะห์ (psychoanalytic theory)
มีการติดขัดในขั้นของพัฒนาการ กล่าวคือ เด็กไม่สามารถที่จะเติบโตตามขั้นของ พัฒนาการที่ควรจะเป็นได้ หรือการมีปม (fixation) เกิดขึ้นในขั้นของพัฒนาการบางขั้นเช่น Oedipus complex จึง ทำให้เด็กไม่สามารถที่จะพัฒนาบุคลิกภาพได้เหมาะสมเมื่อเติบโตขึ้น
โครงสร้างทางจิต (psychic structure; id, ego, superego) บกพร่อง กล่าวคือ egoไม่ สามารถที่จะทำหน้าที่ประสานความต้องการของ id และ superego ได้ ทำให้กลไกปกป้องทางจิต (defense mechanism) ถูกนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาทางจิตใจ ซึ่งเมื่อใช้ในระยะเวลายาวนานก็ก่อให้เกิดปัญหาทางบุคลิกภาพได้
ทฤษฎีการเรียนรู้ (leaning theory)
อธิบายว่า บุคคลมีบุคลิกภาพที่ผิดปกติเพราะมีการ เรียนรู้ที่ผิดปกติมาตั้งแต่ช่วงต้นของชีวิต ดังนั้น เด็กจึงพัฒนาพฤติกรรมการแสดงออกที่ผิดปกติโดยการเลียนแบบหรือ ได้รับแรงเสริม (reinforcement) จากบุคคลที่มีความสำคัญในชีวิตของเขา เช่น เมื่อทำไม่ดีแล้วได้รับรางวัลทำให้เด็กเรียนรู้ว่าเมื่อทำพฤติกรรมเช่นนี้แล้วจะได้สิ่งที่ต้องการ เมื่อเหตุการณ์ เกิดขึ้นซ้ำๆ จะทำให้เด็กลายเป็นคนที่มีนิสัยเอาแต่ใจตน และแสดงอารมณ์รุนแรงเมื่อถูกขัดใจ เป็นต้น
ทฤษฎีทางจิตสังคม (psychosocial theory)
อธิบายว่า บุคคลมีบุคลิกภาพที่ผิดปกติเพราะมี ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับบุคคลสำคัญในแต่ละช่วงวัยของพัฒนาการไม่เหมาะสมซึ่งปฏิสัมพันธ์ทางสังคมนี้เป็นรากฐาน สำคัญของการพัฒทางบุคลิภาพ การอบรมเลี้ยงดูอย่างขาดความอบอุ่นในวัยทารก ซึ่งเป็นขั้นของพัฒนการของการสร้างความไว้วางใจ (trust/mistrust)อาจทำให้ทารกนั้นกลายเป็นผู้ใหญ่ซึ่งขาดความไว้วางใจบุคคลอื่นหรือ สิ่งแวดล้อมต่อไปได้
ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
ความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกไม่ดี
การที่พ่อแม่เคร่งครัดไม่ผ่อนปรนและขาดเหตุผลต่อเด็ก
การที่พ่อแม่หรือบุคคลที่มีอํานาจในครอบครัวมีบุคลิกภาพผิดปกติ เด็กอาจลอกเลียนลักษณะที่ผิดปกติเหล่านั้นได้
ความยากจนและการขาดที่พึ่ง
การบําบัดรักษาโรคบุคลิกภาพผิดปกติ
- จิตบำบัด (psychotherapy)
เป็นการรักษาทางด้านจิตใจ โดยช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความเข้าใจตนเอง เข้าใจปัญหา รู้ถึงความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น หาวิธีการที่จะปรับตัวให้เหมาะสมกับสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เผชิญอยู่
การรักษาด้วยยา (pharmacotherapy)
เป็นการรักษาตามอาการที่จำเป็นต้องควบคุม
การพยาบาลบุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติ
การประเมินสภาพ (assessment)
ใช้ทักษะการสังเกตอาการทางคลินิก (clinical observation) ร่วมกับการ
สัมภาษณ์ประสบการณ์ชีวิต (life experienceintervention) จากผู้ป่วยตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัญหาปัจจุบัน
พันธภาพทางสังคม (social relationships) จะทําให้ทราบถึงสัมพันธภาพในครอบครัว ที่ทํางาน เพื่อน ความแน่นแฟ้นของสัมพันธภาพ และความยากง่ายในการคบเพื่อน
ลักษณะเฉพาะ (character) อุปนิสัย เช่น บุคลิกภาพลักษณะเคร่งครัดหรือเถรตรง (strict orrigid) การขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ความไวต่อการรับรู้ (sensitive) ขี้สงสัยหรือความริษยา (suspicious or jealous)
อารมณ์ทั่วไป (habitual mood) ความคงทนของอารมณ์ การแสดงออกทางอารมณ์และสภาพอารมณ์ในขณะนี้ เช่น กลัว กังวล เบื่อหน่าย ซึมเศร้า เฉยชา โกรธ เป็นต้น
การเลี้ยงดูในวัยด็ก ประวัติการใช้ความรุนแรงในครอบครัว และเหตุการณ์วิกฤตในชีวิต
การจัดการแก้ไขปัญหาและการใช้กลไกป้องกันตนเองทางจิต เช่น การโทษตนเอง โทษผู้อื่น การเก็บกด การอ้างเหตุผล การแยกตัว เป็นต้น
เจตคติและมาตรฐาน (attitudes and standards) การซักถามถึงความเชื่อทางศาสนามาตรฐานศีลธรรม เจตคติที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพหรือความเจ็บปวย
การใช้เวลาว่าง (use of leisure) จะช่วยบอกถึงการชอบอยู่คนเดียวหรือชอบเข้าสังคม
การกระทําเป็นนิสัย (habits) ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา และการใช้สารเสพติด
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (nursing diagnosis)
ตัวอย่างการวินิจฉัยการพยาบาลบุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม และก้ำกึ่ง (antisocial, borderline personality disorders) มีดังนี้
เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเอง/ฆ่าตัวตายเนื่องจากรู้สึกไม่มีคุณค่า/สูญเสีย/ล้มเหลว/มีภาวะ ซึมเศร้า
เสี่ยงต่อการทำร้ายผู้อื่นด้วยวิธีรุนแรงเนื่องจากขาดความยับยั้งชั่งใจ/ความอดทนต่อความคับ ข้องใจต่ำ
ตัวอย่างการวินิจฉัยการพยาบาลบุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติแบบพึ่งพา (dependent personality disorders)
1.วิตกกังวลเนื่องจากกลัวการอยู่ตามลำพัง/ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ที่ตนเองเผชิญอยู่ได้
2.ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมบกพร่องมีพฤติกรรมแยกตัวเนื่องจากกลัวการถูกปฏิเสธ/กลัวถูก วิพากษ์วิจารณ์
3.การเผชิญปัญหาไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากขาดทักษะในการแก้ไขปัญหา/ขาดความเชื่อมั่นใน ตนเอง
4.ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เนื่องจากการรับรู้คุณค่าในตนเองต่ำ
5.การทำหน้าที่รับผิดชอบตามบทบาทที่ไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากมีพฤติกรรมและ/หรือ ความคิดซ้ำ ๆ
การวางแผนและการปฏิบัติทางการพยาบาล (planning and implementation)
บุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคมและแบบก้ำกึ่ง และพึ่งพา (antisocial, and borderline personality disorders
)
มีลักษณะของบุคลิกภาพที่ผิดปกติแบบนี้จะมีแสดงออกทางอารมณ์มากเกินปกติอารมณ์ปลี่ยน แปลงง่าย มักแสดงอำนาจเหนือผู้อื่น โดยมุ่งที่ประโยชน์ตนเองเป็นสำคัญ ขาดความยับยั้งชั่งใจ มีความสัมพันธ์แบบผิว เผินและไม่ยั่งยืน การพยาบาลของบุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติในกลุ่มนี้มีดังนี้
สร้างสัมพันธภาพกับบุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติด้วยความชัดเจน มุ่งเน้นสัมพันธภาพเพื่อการ บำบัดและตอบสนองความต้องการอย่างเหมาะสม
ให้บุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติได้พูตระบายความรู้สึก พยาบาลควรให้การยอมรับ เข้าใจ ความรู้สึก และการแสดงออก มุ่งเน้นลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ให้ความช่วยหลือและเฝ้าระวังพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย เช่น พฤติกรรมเสี่ยงทำ ร้ายตนเองและผู้อื่นหรือฆ่าตัวตาย
จัดสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย จำกัดสิ่งของเครื่องใช้ที่อาจนำมาใช้เป็นอาวุธในการทำ ร้ายผู้อื่นหรือตัวองได้
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
ส่งเสริมให้ผู้ป่วยเลือกวิธีการคลายเครียดที่เหมาะสมกับตนเอง
ส่งเสริมให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแลบุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกดิเพื่อเตรียมพร้อมในกร ดูแลเมื่อกลับไปอยู่ที่บ้าน
แนะนำให้ครอบครัวเข้าใจและให้กำลังใจผู้ป่วย
บุคลิกภาพผิดปกติแบบพึ่งพา (dependent personality disorders)
มีลักษณะของบุคลิกภาพที่ผิดปกติแบบนี้จะมีความวิตกกังวลหรือความกลัวเป็นพื้นฐาน เช่น กลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์ กลัวถูกปฏิเสธ ยืดมั่นในระเบียบแบบแผนที่ตนเชื่อไม่ยืดหยุ่น การพยาบาลที่สำคัญของ บุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติแบบนี้มีดังนี้
ให้ผู้ป่วยพูดระบายความรู้สึกก่อนและหลังการกระทำในสิ่งที่บุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติกลัว ที่จะทำ
สอนการปรับเปลี่ยนวิธีคิดที่มีผลต่อความวิตกกังวล การคิดเชิงบวก
ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น
ให้บุคคลที่บุคลิกภาพผิดปกติเลือกวิธีการคลายครียดที่เหมาะสมกับตนเองโดยพยาบาลเป็น ผู้ให้ข้อมูลและแนะนำเทคนิคการคลายเครียดต่าง ๆ ให้
ให้การเสริมแรงทางบวก เมื่อบุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติสามารถทำตามเป้าหมายระยะสั้นที่ กำหนดไว้ได้
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา ประเมินประสิทธิผลของยา และติดตามผลข้างเคียงจากยา
เปิดโอกาสให้ครอบครัวระบายความคิดและความรู้สึกในการดูแลบุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติ
ให้ความรู้เรื่องครอบครัวเกี่ยวกับโรค การบำบัดรักษา และการดูแล ส่งเสริมให้ครอบครัวมี ส่วนร่วมในการดูแล เพื่อเตรียมพร้มในการดูแลเมื่อผู้ป่วยกลับไปอยู่ที่บ้าน และแนะนำให้ครอบครัวเข้าใจและให้ กำลังใจบุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติ