Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 การพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาจิตสังคมบุคคลที่มีความวิตกกังวลและความเคร…
บทที่ 3 การพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาจิตสังคมบุคคลที่มีความวิตกกังวลและความเครียด
1. ความหมายของภาวะสูญเสียและเศร้าโศก
ภาวะเศร้าโศก (grief)
ป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์และจิตใจที่เกิดขึ้นภายหลังจากบุคคลเผชิญกับการสูญเสียหรือคาดว่าจะมีการสูญเสียเกิดขึ้น
การสูญเสีย (loss)
สัตว์เลี้ยง สิ่งของ อวัยวะ
ความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง
เป็นการที่บุคคลพลัดพรากจากบุคคล
เป็นการแสดงออกที่เจ็บปวดทั้งด้านร่างกาย จิตใจ
การพยาบาลบุคคลที่มีภาวะสูญเสีย เศร้าโศก
การวินิจฉัยทางการพยาบาล
เป้าหมายระยะสั้น
เพื่อลดภาวะซึมเศร้าหรืออาการแสดงที่เป็นภาวะเศร้าโศรกแบบผิดปกติให้กลับสู่ภาวะปกติ
เพื่อให้การรักษาพยาบาลเรื่องอาการและอาการแสดงทางกายให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ครอบครัวและแหล่งสนับสนุนช่วยเหลือทางสังคมของผู้ป่วยมีส่วน
เป้าหมายระยะยาว
เพื่อฝึกทักษะการยอมรับความจริงของชีวิตโดยเฉพาะในเรื่องการสูญเสีย
เพื่อฝึกการใช้วิธีในการเผชิญปัญหาที่สร้างสรรค์
ตัวอย่างการเขียนข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายซ้ำเนื่องจากมีภาวะซึมเศร้าจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากมีภาวะซึมเศร้าจากการสูญเสีย
ขาดทักษะในการเผชิญปัญหา เมื่อต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
มีความรู้สึกผิดและโทษตนเองว่าเป็นสาเหตุของการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
กิจกรรมการพยาบาล
ใช้เทคนิคการสื่อสารเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น
ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความรู้สึกค้างคาใจที่มีต่อผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วได้อย่างเหมาะสม จะช่วยทำให้อารมณ์เศร้าโศกลดลงได้
พยายามรับฟังอย่างเข้าใจ ยอมรับในพฤติกรรม และมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกต่อการสูญเสียนั้น
อยู่เป็นเพื่อนและเป็นกำลังใจผู้ป่วย
สร้างสัมพันธภาพแบบตัวต่อตัว ให้เกิดความไว้วางใจในตัวพยาบาล
ชี้ให้ผู้ป่วยเปรียบเทียบกับประสบการณ์การสูญเสียของตนเองกับผู้อื่นที่มีลักษณะรุนแรงกว่า เพื่อให้เกิดความรู้สึกบรรเทาความทุกข์ใจของตนเอง
ส่งเสริมกิจกรรมที่จะนำไปสู่การสร้างความหวัง และศรัทธาในชีวิตรวมถึงที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ เช่น พระ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้ป่วยจะใช้เป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจได้
จัดให้เข้ากลุ่มกิจกรรมบำบัดร่วมกับผู้ป่วยที่มีปัญหาคล้าย ๆ กันเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมรู้สึก
การประเมินภาวะสูญเสีย เศร้าโศก
ประเมินระดับความรุนแรงของอาการและอาการแสดงที่เป็นผลจากความสูญเสียแบบองค์รวมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
ประเมินระดับการให้คุณค่า และความหมายของสิ่งสูญเสียในมุมมองของผู้ป่วย
ประเมินลักษณะบุคลิกภาพของผู้ป่วย
ประสบการณ์การสูญเสียในอดีต รูปแบบที่ใช้จัดการการสูญเสียและภาวะเศร้าโศกของผู้ป่วย
ประเมินความพร้อมแหล่งสนับสนุนช่วยเหลือทางสังคมผู้ป่วยเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์สูญเสีย
ประเภทและลักษณะอาการและอาการแสดงของภาวะสูญเสีย เศร้าโศก
ปฏิกิริยาต่อการสูญเสีย
ระยะพัฒนาการตระหนักรู้ถึงการสูญเสีย (developing awareness)
ระยะพักฟื้น (restitution)
ระยะช็อค (shock and disbelief)
ความสามารถปรับตัวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
บุคลิกภาพ
ภาวะสุขภาพ
ประสบการณ์การปรับตัวต่อการสูญเสียที่ผ่านมา
แหล่งสนับสนุนทางสังคม
การให้ความหมายต่อสิ่งที่สูญเสีย
ภาวะสูญเสียสามารถ
การสูญเสียตามช่วงวัย (maturational loss)
การสูญเสียภาพลักษณ์ หรือ อัตมโนทัศน์ (loss of body image or some aspect of self)
การสูญเสียสิ่งของภายนอก (loss of external object)
การสูญเสียความรักหรือบุคคลสำคัญในชีวิต (loss of a love or a significant other)
ลักษณะอาการและอาการแสดงของภาวะเศร้าโศก (grief)
การเศร้าโศกแบบผิดปกติ (maladaptive grief)
delayed grief reaction เป็นปฏิกิริยาเศร้าโศกที่ล่าช้า
chronic grief reaction เป็นปฏิกิริยาความเศร้าโศกเรื้อรัง ยาวนาน
การเศร้าโศกแบบปกติ (normal grief)
ระยะเฉียบพลัน ระยะนี้เกิดขึ้นในช่วง 4 – 8 สัปดาห์แรก บุคคลจะช็อค ไม่เชื่อ และไม่ยอมรับการสูญเสียที่เกิดขึ้น มีอาการตื่นตะลึง ตัวชา และปฏิเสธ
ระยะเผชิญกับการสูญเสีย
อาการแสดงทางจิตใจที่พบได้บ่อย คือ มีความคิดหมกมุ่น อยู่กับสัญลักษณ์หรือตัวแทนของบุคคลที่สูญเสีย เช่น รูปถ่าย เสื้อผ้า หรือสิ่งของที่เป็นของบุคคลที่สูญเสีย
อาการแสดงทางกายที่พบได้บ่อย คือ มีความรู้สึกหายใจขัด ลำคอตีบตัน หมดแรง อ่อนเพลีย ตัวชา หน้ามืด คอแห้ง คลื่นไส้อาเจียน
การประเมินผลทางการพยาบาล
ผู้ป่วยมีภาวะเศร้าโศกลดลง สามารถดูแลตนเองได้มากขึ้น
ผู้ป่วยมีการตระหนักรู้ตนเองถึงระดับความรุนแรงของภาวะเศร้าโศกจากการสูญเสีย
ผู้ป่วยสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่นได้มากขึ้น และแสวงหาแหล่งสนับสนุนช่วยเหลือที่เหมาะสมได้
ผู้ป่วยสามารถสร้างเป้าหมายในชีวิต และปฏิบัติให้บรรลุผลตามเป้าหมายนั้นได้
ผู้ป่วยมีวิธีการเผชิญหน้าปัญหาที่เหมาะสมมากขึ้น