Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
METABOLISM OF NUCLEIC ACID เมแทบอลิซึมกรดนิวคลีอิก - Coggle Diagram
METABOLISM OF NUCLEIC ACID
เมแทบอลิซึมกรดนิวคลีอิก
การสลายเบสเพียวรีน
(Catabolism of Purine base)
ผลของการสลายเบสเพียวรีนในสิ่งมีชีวิตประเภทต่างๆ
(Catabolism of Purine base)
URIC ACID
Primates,birds,reptiles,insects
Allantoin
Other vertebrates
Allantoate
Teleost fishes
Urea
Amphibians, cartilaginous fishes
Ammonia
Marine invertebrates
ปฏิกิริยากู้คืนเพียวรีน
(Purine salvage)
กลไกของร่างกายในการลดปริมาณ
การสังเคราะห์ uric acid
เด็กที่ขาดเอนไซม์ HPRT จะเกิดความผิดปกติที่เรียกว่า Lesh-Nyhan syndrome
กรดยูริกที่มากเกินจะสะสมที่ไตและเป็นโรคเกาท์ มีความผิดปกติทางระบบ
ประสาท บกพร่องทางสติปัญญา ทำร้ายตนเองด้วยการกัดริมฝีปากและเล็บ
ALLOPURINOL
ยาที่ใช้เพื่อลดการสังเคราะห์ uric acid
การสลายเบสไพริมิดีน
(Catabolism of Pyrimidine base)
การสังเคราะห์ DNA (DNA replication)
การสังเคราะห์ DNA เป็นปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นได้ทั้งภายในเซลล์และภายนอกเซลล์ ซึ่งพอสรุปไดัดังนี้
เมื่อจะมีการสังเคราะห์ DNA เกิดขึ้น สายพอลินิวคลีโอไทด์ 2 สายของ DNA ต้นแบบจะแยกห่างออก
จากกัน โดยพันธะไฮโดรเจน ซึ่งยึดสายทั้งสองสลายตัว เพราะเป็นพันธะที่ไม่แข็งแรง
2.การแยกออกจากกันนี้ก็เพื่อเปิดช่องให้นิวคลีโอไทด์ที่เป็นวัตถุดิบได้เข้าไปจับคู่กับเบสของนิวคลีโอ
ไทด์ที่มีอยู่แล้วในสายเดิม โดย A คู่กับ T และ C คู่กับ G
3.นิวคลีโอไทด์ ที่เข้าไปใหม่นี้จะเชื่อมติดกัน โดยการทำงานของเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เชื่อมนิวคลีโอไท
ด์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะเริ่มจากปลาย 5’ ไปยังปลาย 3’
4.ดังนั้นจาก DNA ที่เป็นต้นแบบ 1 โมเลกุลจะได้ DNA จากการสังเคราะห์ 2 โมเลกุลโดยแต่ละโมเลกุลประกอบด้วยสายพอลินิวคลีโอไทด์เดิม 1 สาย และสายนิวคลีโอไทด์ ใหม่ 1 สาย ซึ่งมีลำดับนิวคลีโอไทด์เหมือนเดิมทุกประการ
5.DNA แต่ละโมเลกุลที่เกิดขึ้น จะประกอบด้วยพอลินิวคลีโอไทด์เดิม 1 สายและสายพอลินิวคลีโอไท
ด์ใหม่ 1 สาย กระบวนการสังเคราะห์ DNA นี้เรียกว่า ดีเอ็นเอ เรพลิเคชัน (DNA replication)
สารพันธุกรรมได้นั้นย่อมต้องมีสมบัติสำคัญ
ต้องสามารถเพิ่มจำนวนตัวเองได้โดยมีลักษณะเหมือนเดิมเพื่อให้สามารถถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากรุ่นพ่อแม่ไปยังรุ่นลูกได้
สามารถควบคุมให้เซลล์สังเคราะห์สารต่างๆเพื่อ
แสดงลักษณะทางพันธุกรรมให้ปรากฏ
ต้อง สามารถเปลี่ยนแปลงได้บ้าง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจก่อให้เกิดลักษณะพันธุกรรมที่ผิดแปลกไปจาก เดิมและเป็นช่องทางให้เกิดสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ใหม่ๆขึ้น