Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 การพยาบาลเด็กและวัยรุ่นที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวช โรคซนสมาธิสั้น,…
บทที่ 4 การพยาบาลเด็กและวัยรุ่นที่มีการเจ็บป่วยทางจิตเวช โรคซนสมาธิสั้น
ความหมาย
อาการซนไม่อยู่นิ่ง
การที่มีกิจกรมการเคลื่อนไหวมากกว่าปกติ หรือมีอาการกระวนกระวายกระสับกระส่ายอย่างมาก
อาการหุนหันพลันแล่น
การกระทำที่รีบร้อนที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยขาดการคิด ไตร่ตรองและมีโอกาสสูงที่จะเป็นอันตรายต่อตนเอง
การพยาบาล
1) การประเมินสภาพ (assessment)
การประเมินเมื่อเดก็อยู่ที่โรงเรียน
ลักษณะของการมปีฏิสัมพันธ์ต่อเพื่อน
ควรมีการประเมินว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไรบ้างขณะอยู่ในห้องเรียน
การประเมินที่โรงพยาบาล
การจำแนกและการสำรวจเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน
ประเมินตัวเด็กว่ามีพัฒนาการทุกด้านเหมาะสมตามวัยหรือไม่
ประเมินระยะเวลาที่เด็กเริ่มมีอาการของโรค รูปแบบของอาการต่างๆ ในปัจจุบัน
2) การวินิจฉัยทางการพยาบาล (nursing diagnosis)
เสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บ
ไมส่ามารถทำตามบทบาทหน้าที่ของตนได้อย่างมปีระสิทธิภาพ
มีความรู้สึกเห็นคุณค่าในตนเองต่ำเป็นระยะเวลานาน
วิธีการเผชิญปัญหาไม่มปีระสิทธิภาพ
การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายบกพร่อง
แบบแผนการนอนไม่เหมาะสม
ปฏิสัมพนัธ์ทางสงัคมบกพร่อง
ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมกบับทบาทของตน
วิธีการเผชิญปัญหาของครอบครัวไม่มีประสทิธิภาพ
3) การวางแผนและการปฏิบัติการพยาบาล (planning and implementation)
การสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัดกับพ่อแม่และเด็ก และคุณครู
ให้ความรู้ คำแนะนำแก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง และคุณครูเกี่ยวกับโรค
การดูแลเด็ก
กำหนดพฤติกรรมของเด็กที่ความคาดหวังร่วมกันระหว่างพ่อแม่ผู้ปกครอง คุณครู
ดูแลให้เด็กได้รับการรักษาด้วยยาร่วมกับการรักษาด้วยการปรับพฤติกรรมและการรักษาทางจิตสังคม
ติดตามและประเมินผลการตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา การรักษาด้วยการปรับ พฤติกรรมและการรักษาทางจิตสังคม อาการข้างเคียงอื่นๆ ที่เกิดขึ้น
4) การประเมินผล (evaluation)
ต้องมีการประเมินผลที่เกดิขึ้นว่าเป็นไป
ตามวัตถุประสงค์ที่ได้กำหนดไว้หรือไม่
พฤติกรรมต่างๆที่เป็นปัญหาลดลงหรือไม่
สาเหตุ
ปัจจัยทางชีวภาพ
พันธุกรรม
ฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน (monozygotic twins) ถ้าแฝดคนหนึ่งป่วยด้วยโรคซนสมาธิ สั้นโอกาสที่แฝดอีกคนหนึ่งจะป่วยด้วยโรคนี้มีสงูถึงรอ้ยละ 51
ฝาแฝดไข่คนละใบ (dizygotic twins) ถ้า แฝดอีกคนหนึ่งจะป่วยด้วยโรคซนสมาธิสั้นโอกาสที่แฝดอีกคนหนึ่งจะป่วยด้วยโรคนี้มีร้อยละ 33
พี่น้อง ท้องเดียวกัน ถ้ามีคนหนึ่งป่วยด้วยโรคซนสมาธิสั้นโอกาสที่พี่น้องคนอื่นจะป่วยด้วยโรคนี้จะสูงกว่าคนปกติ 5 เท่า
กายวิภาค สรีรวิทยา ของระบบประสาท
การที่สมองถูกทำลาย (brain damage) มีส่วนเกี่ยวข้องกับด้วยโรคซนสมาธิสั้น
สรีรวิทยของระบบประสาท จากการตรวจคลื่นสมอง(electroencephalogram: EEG) พบว่า มีการเพิ่มขึ้นของ beta band ซึ่งทำให้เด็กถูกกระตุ้นจากสิ่งเร้าได้ง่ายขึ้น
สารเคมีของระบบประสาท (neurochemical factors)
การทำงานของ dopamine ช่วยในการควบคุมพฤติกรรมการเคลื่อนไหวและแรงจูงใจใน การเรียนรู้
การที่เด็ก ADHD มีการหมุนเวียนกันของ dopamine และ norepinephrine มีระดับต่ำกว่าปกติ
มีการกระตุ้นให้มีการปล่อย catecholamine เพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยก่อนคลอด
หญิงตั้งครรภ์ 3เดือนแรก (first trimester) มีการติดเชื้อ มีการเสพสุรา ยาเสพติด และสูบบุหรี่ การคลอดก่อนกำหนด (prematurity)
เด็กขาด oxygen ระหว่างคลอด
ปัจจัยทางจิตสังคม
เด็กไม่ได้รับความอบอุ่นเป็นระยะเวลานานๆ (prolonged emotional deprivation)
เหตุการณ์ที่ทำให้เด็กรู้สึกเครียด (stressful psychic events)
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม
ความผิดปกติของระบบประสาท เช่น สมองอักเสบ (encephalitis) มีอาการชัก
มีการสูดหายใจอากาศที่มีมลภาวะเป็นพิษ
การรับประทานสารตะกั่ว ส่วนของพวกสีผสมอาหาร วัสดุที่ใช้ในการ แต่งกลิ่นแต่งสีหรือที่ใช้ในการถนอมอาหาร
ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง
อารมณ์ของเด็ก
มาตราฐานของสังคมใน เรื่องเกี่ยวกับความประพฤติและการกระทำ
ปัจจัยทางด้านพันธุกรรมที่ถ่ายทอดในครอบคร้ว
ลักษณะอาการและอาการแสดง
อาการเริ่มปรากฎก่อนอายุ 12 ขวบ
อาการมีเป็นเวลานานติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน
อาการขาดสมาธิ
เด็ก
มีอาการตั้งแต่ 6 อาการขึ้นไป
วัยรุ่น-ผู้ใหญ่
มีอาการอย่างน้อย 5 อาการขึ้นไป
มักมีปัญหาในการวางแผนเกี่ยวกับงานหรือการทำกิจกรรมต่างๆ
มักจะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งและไม่สามารถทำงานเกี่ยวกับการเรยีน งานบ้าน
มักจะหลีกเลี่ยง ไม่ชอบ หรือลังเลที่จะทำงานที่ต้องใช้ความคิด
มักจะดูเหมือนไม่สนใจฟังเวลาที่พูดด้วยโดยตรง
มักจะทำของที่จำเป็นสำหรับการเรียนหรือการทำงานหายอยู่บ่อยๆ
มักจะไม่มีสมาธิในการทำงานหรือการเล่น
มักจะถูกเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งเร้าภายนอกได้ง่าย
มักจะไม่สามารถจดจำรายละเอียด
มักจะลืมบ่อยๆ เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน
อาการซน ไม่อยู่นิ่ง
เด็ก
มีอาการตั้งแต่ 6 อาการขึ้นไป
วัยรุ่น-ผู้ใหญ่
มีอาการอย่างน้อย 5 อาการขึ้นไป
เมื่อนั่งอยู่กับที่มักจะมีอาการกระวนกระวาย
มักจะลุกจากที่นั่งบ่อยๆ ในสถานการณ์ที่ควรต้องนั่งอยู่กับที่
มักจะวิ่งไปทั่วหรือปีนป่ายสิ่งต่างๆ ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม
มักจะไม่สามารถเล่นหรือเข้าร่วมในกจิกรรมสันทนาการได้อย่างเงียบๆ
มักจะยุ่งวุ่นวาย เสมือนหนึ่งขบัเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์อยู่ตลอดเวลา
มักจะพูดมาก พูดไมห่ยุด
มักจะโพล่งตอบคำถามก่อนทจี่ะถามคำถามจบ
มักจะมีปัญหาในการรอคอยให้ถึงตาตนเอง
มักจะขัดจังหวะ หรือสอดแทรกผู้อื่น
การบำบัดรักษา
การรักษาทางยา
การรักษาด้วยยา psychostimulants
การรกัษาโดยกลุ่มยาต้านเศร้า (antidepressants) เช่น imipramine
การรักษาโดยกลุ่มยารักษาอาการทางจิต (antipsychotics) เช่น thioridazine (mellaril) haloperidol (haldol) risperidone (risperdal)
การรักษาโดยกลุ่มยา alpha-adrenergic agonist เช่น clonidine (catapres)
การรักษาโดยการปรับพฤติกรรมและการรักษาทางจิตสังคม
การฝึกอบรมพ่อแม่ในการดูแลเด็ก ADHD (parent management training)
การให้ความช่วยเหลือเด็กขณะอยู่ทโี่รงเรียน (school focused intervention)
การให้ความช่วยเหลือโดยมุ่งเน้นที่ตัวเด็กเป็นสำคัญ (child focused intervention)
นางสาวธาริณี ไหวพริบ
รหัส 180101120