Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case PIH Pregnancy Induced Hypertension, นศพต.ณัฐพร ศิลา เลขที่ 24 …
Case PIH
Pregnancy Induced Hypertension
คือ SBP > 140 mmHg
DSP > 90 mmHg โดยวัด 2 ครั้งห่างกัน 4 ชั่วโมง
ประเภท
BP สูงจากการตั้งครรภ์
pregnancy induced hypertension
ก่อนตั้งครรภ์ BP ปกติ
เกิดหลัง 20 Wks.
BP กลับมาปกติ 12 wks.หลังคลอด
ชนิด
1.Gestational HT
ไม่พบ protein ในปัสสาวะ
/Protein urea < 300 mg/24hr
Dipstick < 1+
2.Preeclampsia
HT ร่วมกับ มี Protein urea
Albumin 4+
Dipstick > 1+
UPRC > 0.03
มี 3 ระดับ
1.Mild preeclamsia
BP >= 140/90
Protein Urea >= 300 mg/24hr.
dipstick 1+
2.Severe preeclampsia
BP > 160/110 mmHg
Protein Urea >= 2 g/24hr.
มีอาการ ตาพร่ามัว ปวดหัว จุกลิ้นปี่ ปัสสาวะออก < 25 ml./hr.
Serum Cr. > 1.2 g/dL.
ALT /AST เพิ่มสูงขึ้น
พบ pulmonary edema
GA < 37 ให้expectant management
ประเมินอาการของมารดาและทารกเป็นระยะๆ
นับดูลูกดิ้นทุกวัน
ไม่จำเป็นต้องให้ยาลดความดันโลหิต
ไม่แนะนำให้ MgSO4 Universal เพื่อป้องกัน eclampsia
ตรวจนับเกร็ดเลือดและ enzyme ทุกสัปดาห์
ตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงติดตามการเจริญเติบโตของทารกทุก 2-4 สัปดาห์
และควรตรวจประเมินสุขภาพทารกในครรภ์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
GA > 37 ควรให้คลอด
PLT < 100,000
3.Eeclamsia(รุนแรงที่สุด)
ชักเกร็ง
เกิดได้ในระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด หลังคลอด
การป้องกัน
ให้รับประทานแอสไพรินขนาดต่ำ 60 ถึง 80 มิลลิกรัมต่อวันเริ่มในช่วงปลายไตรมาสแรกจะช่วยป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษได้เล็กน้อยโดยเฉพาะในสตรีที่มีความเสี่ยงสูง
มีประวัติ เป็น pleeclampsia มาแล้ว 2 ท้องหรือมากกว่า
ประวัติ early-onset preeclampsia ที่ต้องคลอดก่อนอายุครรภ์ 34 Wks.
BP สูงชนิดเรื้อรัง
Chronic hypertension
เกิดก่อนตั้งครรภ์ < 20 Wks.
ทำให้เกิด Superimpose preeclamsia Protein Urea >= 300 mg/24hr.
dipstick 1+
สาเหตุ
ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัด
ทฤษฎี two - stage diorder
ระดับ1
ระยะ 1 : เซลล์รก ไม่สามารถฝังตัวไม่ดีใน endometrium ทำให้ลล.รกไม่เชื่อมกับ ลล.มดลูก
ระยะ 1 : ลล.มดลูก อาจมีลักษณะ ตีบกว่าปกติและไม่สามารถแตกแขนง เข้าสู่รกได้
ระยะ 1 : ลล.มดลูก ตอบสนองต่อการตั้งครรภ์น้อย ทำให้เลือดไปเลี้ยงรกได้ไม่เพียงพอ
ระยะ2 แสดงอาการ
เกิดความไม่สมดุลของสารที่ยับยั้งการสร้างลล.+สารที่ส่งเสริมการสร้างหลอดเลือด ลล.ไม่สมบูรณ์ รกขาดเลือดไปเลี้ยง ผนังมดลูกเสื่อมมีการหดรัดตัวของลล. ทำให้เกิด HT
ผลกระทบ
มารดา
เลือดไหลเวียนไม่ดี เนื้อรกตาย ทารกโตช้า/เสียชีวิต
การแข็งตัวของเลือด DIC(disseminate intravascular coagulopathy)
จากการที่ลล.เสื่อม เกิดลิ่มเลือดทำให้เกร็ดเลือดและ plt. ต่ำ รุนแรงที่สุดอาจทำให้มารดาเสียชีวิตได้
สมอง : เลือดไปเลี้ยงไม่พอ
เกิดปวดศีรษะตาพร่ามัว ชัก
ตับ :
เกิด hemorhagic necrosis อาจเกิด HELLP syndrome
RBC แตก
เอนไซม์ตับเพิ่ม>2 เท่าของค่าปกติ
เกร็ดเลือดต่ำ <100,000/cm3
ปวดจุกแน่นลิ้นปี่
ไต : กรองลดลง พบ
โปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะ
ปัสสาวะออกน้อยกว่า 25 ml/hr
Cr > 1.2 g/dL
พบ Albumin รั่วออกมากับปัสสาวะ
ทารก
IUGR
Distress
รกลอกตัวก่อนกำหนด
Preterm
เสียชีวิตในครรภ์
การพยาบาล
Bed rest ให้ได้มากที่สุด
ตรวจ protein urea อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
วัด BP ทุก 4 hr.
ส่งเลือดและปัสสาวะส่งตรวจทุกวัน และอธิบายเหตุผล /ส่งอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
เตรียมการตรวจ เช่น Ultrasound/NST
แนะนำผู้ป่วยนับลูกดิ้น
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง
อายุ < 20 หรือ > 35
ตั้งครรภ์ครั้งแรก Primarygravida
มีประวัติ PIH มาก่อน
มีประวัติ HT ในครอบครัว
ตั้งครรภ์แฝด
ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
ทารกบวมน้ำ fetal hydrops
BMI > 30 kg/m2
การรักษา
Bed rest
ตรวจ Lab น้ำหนัก BP Protein Urea Hct platelet liver funtion test(AST, AST)
Ultrasound ดูทารกและ ปริมานน้ำคร่ำ
EFM
ประคับประคองจนกว่าจะ term ยกเว้น severe preeclampsia/Fetal distress
PPROM
(Preterm premature rupture of membrane
ภาวะถุงน้ำคร่ำรั่วก่อนการเจ็บครรภ์
ตั้งแต่ GA 24 - 36 wks.
วินิจฉัย
1.มดลูกหดรัดตัวสม่ำเสมอ 4ครั้ง ใน 20 นาที
หรือ 8 ครั้งใน 60 นาที
2.ปากมดลูกเปิด >= 1 cm
3.ปากมดลูกบางตัวลง >= 80%
การดูแลรักษา GA > 34 Wks.
NPO
ให้ IV เข็มใหญ่ให้เลือด
Moniter NST
เฝ้าระวัง BP และอาการของมารดา
ให้ยาปฏิชีวนะป้องกันติดเชื้อ G. B streptococci
ไม่ให้ยายับยั้งการหดรัดตัวของมดลูก
ไม่ให้ยาsteroid
ประเมิน progess of labor
การเฝ้าระวังทารกในครรภ์ระยะคลอด
ระบบการแปลผลแบ่งเป็น 3 Category
Category I : FHR tracing ปกติ ไม่จำเป็นต้องให้การดูแลรักษาเพิ่มเติม
พบ Early deceleration
Category II : FHR tracing เป็น Indeterminate
ควรประเมินหาสาเหตุ แก้ไข ประเมินซ้ำ
พบ Late decelerationcและเมื่อได้รับการ Resuscitation แล้วดีขึ้น ไม่Recurrent
พบ Variable decelerationและเมื่อได้รับการ Resuscitation แล้วดีขึ้น ไม่Recurrent
Category III : FHR tracing ผิดปกติ
Recurrent late deceleration
เกิดจากรกผิดปกติ เลือดส่งมาลูกไม่เพียงพอ
Recurrent Variable deceleration
Bradycardia คือ
FHS < 110 ครั้ง/นาที
นศพต.ณัฐพร ศิลา เลขที่ 24
ชั้นปีที่ 3 6139925992