Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะถุงน้ำคร่ำรั่วก่อนกำหนด Preterm Premature Rupture of Membranes …
ภาวะถุงน้ำคร่ำรั่วก่อนกำหนด
Preterm Premature Rupture of Membranes
(PPROM)
ข้อมูลผู้ป่วย
Chief complaint
เจ็บครรภ์คลอด 15 ชั่วโมง ก่อนมาโรงพยาบาล
Present illness
*17 ชั่วโมง ก่อนมาโรงพยาบาล มีน้ำเดิน เป็นมูกใส ไม่มีกลิ่น (22.00 น. 28/02/64) ลูกดิ้นดี
*15 ชั่วโมง ก่อนมาโรงพยาบาล เจ็บครรภ์คลอด (00.00 น. 01/03/64) ไม่มีจุกแน่นลิ้นปี่ ไม่มีตาพร่ามัว ไม่มีอาการปวดศีรษะ ไม่มีมือบวมหน้าบวม จึงไป รพ.หัวเฉียวฯ และมีปัญหาเรื่อง financial จึง refer มา รพ.ตำรวจ
Past history
*G1P0A0 GA 28+6 wks by U/S , first ANC at GA 7+2 wks , EDC by U/S 22/May/21 Serology Negative total ANC 5 ครั้ง ที่ รพ.ศิริราช LMP 09/08/63 total weight gain 67 -> 77.3 = 10.3 kg BMI 26.2
*ปฏิเสธโรคประจำตัว
*ปฏิเสธการแพ้ยา แพ้อาหาร
หญิงตั้งครรภ์ อายุ 34 ปี G1P0A0 GA 28+6 wks by U/S
Social history
*ปฏิเสธการใช้สารเสพติด ไม่สูบบุหรี่
*ไม่ดื่มสุรา
*ประกอบอาชีพแม่บ้าน
Family history
*ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว : ป้าเป็นเบาหวาน
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 1. เสี่ยงต่อการติดเชื้อในโพรงมดลูก เนื่องจากมีภาวะถุงน้ำคร่ำรั่วก่อนกำหนด
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. : -จาการซักประวัติ พบว่าหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 28+6 wks by U/S , มีน้ำเดิน 17 ชั่วโมงก่อนมา รพ.และมีอาการเจ็บครรภ์ 15 ชม.ก่อนมาโรงพยาบาล
-ระยะเวลาตั้งแต่น้ำเดินจนถึงคลอด รวมทั้งสิ้น 4 วัน 4 ชั่วโมง 41 นาที หรือ 100 ชั่วโมง 41 นาที
O.D. : -ทำ cough test positive
-Nitrazine test positive
-ลักษณะของน้ำคร่ำ สีใส ไม่มีกลิ่นเหม็น เปื้อนผ้าขวาง ประมาณ 10 ml (01/03/64)
-ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ 01/03/64
-WBC 15000 /uL
-Neutrophil 93.3%
-Lymphocyte 4%
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันการติดเชื้อในโพรงมดลูก
เกณฑ์การประเมินผล
V/S ปกติ โดยเฉพาะ BT 36.5-37.4 องศาเซลเซียส PR 60-100 bpm
น้ำคร่ำมีมีปกติ ไม่มีกลิ่นเหม็น
FHS regular 110-160 bpm
ไม่มีอาการกดเจ็บที่มดลูก
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อ และผล CBC เหม็นเลือดขาวอยู่ในเกณฑ์ปกติ
-WBC 5000-10000 /uL
-Neutrophil 60-70 %
-Lymphocyte 20-25 %
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ ทุก 4 ชั่วโมง
monitoring & record EFM FHR ตามแผนการรักษา
Observe ลักษณะ สี กลิ่นของน้ำคร่ำ ปริมาณเพื่อประเมินความรุนแรงของการติดเชื้อ และควรเปลี่ยนผ้าขวางผืนใหม่เมื่อมีน้ำคร่ำรั่วออกมามาก
หลีกเลี่ยงการตรวจทางช่องคลอด ถ้าจำเป็นต้องตรวจควรระมัดระวังเกี่ยวกับเทคนิค ปราศจากเชื้อเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ดูแลความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก แนะนำให้ใส่ผ้าอนามัยหรือผ้ารองคลอด และเปลี่ยนทุกครั้งภายหลังการขับถ่ายเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ติดตามความก้าวหน้าของการคลอดเป็นระยะ โดยการตรวจดูการหดรัดตัวของมดลูก ฟังอัตราการเต้นของหัวใจทารก ป้องกันการคลอดยาวนานเพื่อลดอัตราเสี่ยงของการติดเชื้อ
สอนผู้คลอดให้สังเกตการดิ้นของทารกในครรภ ถ้าผิดปกติให้รีบบอกเพื่อประเมินภาวะสุขภาพของทารก ในครรภ์
ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ Vg. swab C/S
ดูแลให้ได้รับยา ATB ตามแผนการรักษา คือ Azithomycin (250) 1 TAB po pc x 6 วัน + Ampicillin 2g IV q 6 hr ครบ 48 hr off ไปเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 64 (24.00น.) then Amoxicillin (500) 1x3 po pc x 5 วัน
การประเมินผล
V/S ปกติไม่มีไข้
น้ำคร่ำมีมีปกติ ไม่มีกลิ่นเหม็น ประมาณ 20 ml
FHS regular 140-160 ครั้ง/นาที
ไม่มีอาการกดเจ็บที่มดลูก
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 2. : เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด เนื่องจากมีภาวะถุงน้ำคร่ำรั่วก่อนกำหนด
ข้อมูลสนับสนุน
O.D. : -ถุงน้ำคร่ำรั่ว (membrane leakage) ก่อนอายุครรภ์ครบกำหนด
-อายุครรภ์ 28+6 wks by U/S
-PV = Os closed , ML Clear
-Contraction = -No contraction (01/03/64)
-Interval 3’45”, Duration 30”, Intensity ++, Position OL,FHS 154 bpm (04/03/64)
S.D. : - ผู้คลอดบอกว่า “เจ็บท้องเป็นพัก เหมือนปวดเบ่ง”
วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมการตั้งครรภ์ให้ดำเนินไปจนครบกำหนด หรือ 34 wks
เกณฑ์การประเมินผล
มดลูกไม่มีการหดรัดตัว
ไม่มีอาการเจ็บครรภ์คลอด
น้ำคร่ำหยุดไหล
ได้รับยาตามแผนการรักษา และไม่พบภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยา
กิจกรรมการพยาบาล
ดูแลให้ผู้คลอดนอนพักไม่ลุกเดินบ่อยถ้าไม่จำเป็น เพื่อป้องกันน้ำคร่ำไหลออกมากขึ้นและสายสะดือย้อย (prolapse cord)
ประเมิน Contraction ทุก 1 ชั่วโมง เพื่อประเมินความก้าวหน้าในการคลอด
อธิบายให้ผู้คลอดเข้าใจถึงภาวะที่เป็นอยู่พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวและสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นเช่นน้ำไหลออกทางช่องคลอดมากขึ้น อาการเจ็บครรภ์และการดิ้นของทารกในครรภ์
ถ้ามีน้ำคร่ำออกมากขึ้นและทารกในครรภ์อยู่ในภาวะขาดออกซิเจนต้องรายงานแพทย์ เพื่อรับการช่วยเหลือทันที
งดการตรวจทางทวารหนักและการตรวจทางช่องคลอดโดยไม่จำเป็นเพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายและเป็นการกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวมากขึ้น
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา Dexamethasone 6 mg IM q 12 hr ครบ 4 dose แล้ว off เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 64 (18.00 น.) , inhibit ยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอด คือ 5% D/W 500 ml + Bricanyl 5 amp IV drip rate 30 ,25,20, 10 ml/hr พร้อมทั้งประเมินอาการ ผลข้างเคียง ภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยายับยั้งการเจ็บครรภ์คลอดและรายงานแพทย์ และยา Ampicillin 2 g IV q 6 hr
ครบ 48 hr off then Ampicillin (500) 1
3 po. pc. * 5 day พร้องประเมินอาการผลข้างเคียง เช่น ปวดท้อง ถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน ลิ้นบวม ลิ้นดำ มีไข้ หนาวสั่น หายใจลำบาก
การประเมินผล
มดลูกไม่มีการหดรัดตัว
ไม่มีอาการเจ็บครรภ์คลอด
น้ำคร่ำ leak 20 ml
off ยา inhibit ยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอด เวลา 10.30 เพื่อปล่อยคลอด เนื่องจาก AFI
ลดลงจาก 8.8 เหลือ 6.2 cm. (03/03/64)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 3. : เกิดอาการจากผลข้างเคียงจากยาลดการหดรัดตัวของมดลูก Bricanyl
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันและแก้ไขความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นจากผลข้างเคียงของยา
ข้อมูลสนับสนุน
O.D. : -ได้รับยายับยั้งการคลอด 5% D/W 500 ml + Bricanyl 5 amp IV drip rate 30 ml/hr
-Glucose (FBS) = 138 mg/dL (02/03/64)
-Potassium K = 3.31 mmol/L (02/03/64)
-BP = 111/73 มิลลิเมตรปรอท (02/03/64)
-FHS อยู่ในช่วง 144-178 bpm
-อัตราการเต้นของหัวใจมารดา อยู่ในช่วง 108-134 bpm
S.D. : ผู้ป่วยบอกว่า “มีอาการมือสั่น ใจสั่น แต่พอทนได้”
เกณฑ์การประเมินผล
อัตราการเต้นของหัวใจทารกอยู่ระหว่าง 120-160 ครั้ง/นาที
ชีพจรมารดาอยู่ระหว่าง 100-120 ครั้ง/นาที
ความดันโลหิตอยู่ระหว่าง 110/70-120/80 มิลลิเมตรปรอท
กิจกรรมการพยาบาล
ตรวจนับสัญญาณชีพของผู้คลอด โดยเฉพาะความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจเกิน 140 ครั้งต่อนาที จะหยุดยาหรือลดจำนวนของยาลง ผู้คลอดมีชีพจรระหว่าง 100-120 ครั้ง/นาที
วัดความดันโลหิตถ้าความดันโลหิตลดลงต่ำกว่า 90/60 มิลลิเมตรปรอทจะหยุดยาหรือลดจำนวนหยดของยาลง ให้ผู้คลอดมีความดันโลหิตระหว่าง 110/70-120/80 มิลลิเมตรปรอท นับการหายใจ ถ้าผู้คลอดหายใจเร็ว มีอาการแน่น อึดอัด จะหยุดยา หรือลดจำนวนหยดของยา และให้ออกวิเจนประมาณ 3-5 ลิตรต่อนาที การหายใจผู้คลอดอยู่ระหว่าง 20-24 ครั้งต่อนาที
ฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ ทุก 1 ชั่วโมง เพื่อดูปฏิกิริยาของทารกในครรภ์ และเพื่อประเมินสภาพของทารกในครรภ์ เสียงหัวใจเด็กอยู่ระหว่าง 120-160 ครั้ง/นาที ถ้ามากกว่า 120 ครั้ง/นาที ให้รายงานแพทย์เพื่อลด rate ยาลง ถ้ามากกว่า 140 ครั้ง/นาที รายงานแพทย์และหยุดยาทันที
การทราบหลักการให้ยา จะทำให้สามารถเพิ่มจำนวนหยดของยาที่ผสมในน้ำเกลือได้ถูกต้อง เพื่อให้การรักษาได้ผลดี การเพิ่มจำนวนหยดของยาต้องทำร่วมกับการจับการหดรัดตัวของมดลูกด้วย ถ้ามดลูกยังมีการหดรัดตัวอยู่ ก็เพิ่มจำนวนหยดของยาได้ 2-3 ซีซี/ ชั่วโมง ทุก ๆ 15 นาที จำนวนหยดของยาครั้งสุดท้ายที่ให้ 45 ซีซี/ ชั่วโมง
ถ้าผู้คลอดมีอาการใจสั่น มือสั่น ต้องหยุดยาทันที และต้องเตรียมออกซิเจนไว้ให้พร้อมเมื่อมีอาการผิดปกติจะได้ให้ทันที
ดูแลปรับหยดของยาให้เหมาะสมและถูกต้อง
การประเมินผล
อัตราการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ 148 ครั้ง/นาที (04/03/64)
อัตราการเต้นของหัวใจมารดา 104 ครั้ง/นาที (04/03/64)
ความดันโลหิตอยู่ระหว่าง 130/85 มิลลิเมตรปรอท (04/03/64)
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 4. : ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อภาวะพร่องออกซิเจน เนื่องจากสายสะดือถูกเกิดทับจากภาวะน้ำคร่ำน้อย
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. : จาการซักประวัติ พบว่าหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 28+6 wks by U/S , มีน้ำเดิน 17 ชั่วโมงก่อนมา รพ.และมีอาการเจ็บครรภ์ 15 ชม.ก่อนมาโรงพยาบาล
O.D. : -AFI ลดลงจาก 8.8 cm เหลือ 6.2 cm
-ได้รับยายับยั้งการคลอด 5% D/W 500 ml + Bricanyl 5 amp IV drip rate 30 ml/hr
-ถุงน้ำคร่ำรั่ว (membrane leakage) ก่อนอายุครรภ์ครบกำหนด 17 ชั่วโมงก่อนมา รพ.
-FHS อยู่ในช่วง 144-178 bpm
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันการขาดออกซิเจนของทารกในครรภ์ และการคลอดดำเนินไปตามปกติ
เกณฑ์การประเมินผล
ทารกในครรภ์ไม่เกิดภาวะขาดออกซิเจน
อัตราการเต้นของหัวใจทารกอยู่ระหว่าง 120-160 bpm
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนในระยะของการคลอด และความก้าวหน้าของการคลอดดำเนินไปตามปกติ
กิจกรรมการพยาบาล
ประเมินสภาวะของทารกในครรภ์โดยการฟังเสียงหัวใจทารก รวมทั้งสังเกตการดิ้นของทารกในครรภ์
ประเมินลักษณะน้ำคร่ำที่ไหลออกทางช่องคลอด สังเกตการมีขี้เทาปนในน้ำคร่ำ ถ้าพบมีขี้เทาดูแลให้ออกซิเจน 5 ลิตร/นาที และจัดให้หญิงตั้งครรภ์นอนตะแคงซ้าย คะเนปริมาณน้ำคร่ำโดยการสังเกตจำนวนผ้าอนามัยที่ซับน้ำคร่ำ วัดรอบหน้าท้องและระดับความสูงของยอดมดลูก
อธิบายความสำคัญของการนอนพักผ่อนบนเตียง ไม่ควรลุกเดินและไม่นอนศีรษะสูง เพื่อป้องกันน้ำคร่ำไหลออกมากขึ้น
ระมัดระวังการเกิดสายสะดือพลัดต่ำ โดยเฉพาะในรายทารกมีท่าผิดปกติ หรือส่วนนำยังไม่เคลื่อนลงสู่ช่องเชิงกราน (station ตั้งแต่ -1 ขึ้นไป) โดยให้หญิงตั้งครรภ์นอนพักตลอดเวลาในท่านอนตะแคงซ้าย ห้ามลุกเดิน ดูแลให้ปัสสาวะบนเตียง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำคร่ำรั่วออกมากขึ้น และป้องกันสายสะดือพลัดต่ำและสายสะดือถูกกดจากที่น้ำคร่ำเหลือน้อยลง
เตรียมอุปกรณ์ช่วยฟื้นคืนชีพทารกให้พร้อม เพื่อช่วยเหลือทารกหลังคลอดทันทีที่พบว่าทารก
หายใจล้มเหลว
รายงานกุมารแพทย์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วยเหลือทารกแรกเกิด ถ้าพบว่าทารกแรกคลอดมีภาวะ RDS
การประเมินผล
FHS regular
ลูกดิ้นดี
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนในระยะของการคลอด และความก้าวหน้าของการคลอดดำเนินไปตามปกติ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 5. : ผู้คลอดมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของทารกในครรภ์ เนื่องจากมีภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์
ข้อมูลสนับสนุน
S.D. : ผู้คลอดชักถามเกี่ยวกับอาการของทารกในครรภ์ และถามว่าเมื่อไรจะคลอด
ลูกจะออกมาปกติหรือไม่
O.D. : สีหน้าเคร่งเครียดเมื่อถามถึงอาการของทารกในครรภ์
วัตถุประสงค์
เพื่อให้ผู้คลอดรู้สึกวิตกกังวลลดลง
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้คลอดมีสีหน้าสดชื่นขึ้น
ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตนในระยะคลอด เช่น การเบ่งคลอด
กิจกรรมการพยาบาล
อธิบายถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ภายหลังถุงน้ำคร่ำแตก และแผนการรักพยาบาลที่จะได้รับ
เปิดโอกาสให้ผู้คลอดซักถามและระบายความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องที่วิตกกังวล รับฟังด้วยความสนใจ และตอบข้อซักถามด้วยความเต็มใจ พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่ผู้คลอดในการเผชิญปัญหาต่างๆ
แนะนำการปฏิบัติตนในระยะคลอด เช่น การบรรเทาอาการเจ็บปวดโดยใช้เทคนิคการหายใจ การเบ่งคลอดที่ถูกวิธี
ดูแลความสะอาดร่างกาย ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ และเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อเปียกชื้น เพื่อความสุขสบายทำให้สามารถพักผ่อนได้
อธิบายให้ทราบเกี่ยวกับภาวะสุขภาพของทารกในครรภ์และการดำเนินการคลอดเป็นระยะๆ
การประเมินผล
ผู้คลอดมีสีหน้าสดชื่นขึ้น
ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตนในระยะคลอด เช่น การเบ่งคลอด
นิยามความหมาย
PROM
(Premature rupture of membranes)
ภาวะที่ถุงน้ำคร่ำรั่ว หรือแตกเองก่อนมีการเจ็บครรภ์คลอด
แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
PPROM
(Preterm premature rupture of membranes)
ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภัจริง ตั้งแต่อายุครรภ์ 24-37 wk
GA < 34 wk
หญิงตั้งครรภ์อายุ 34 ปี G1P0 อายุครรภ์ 28+6 wk by U/S มีน้ำเดิน ( amniotic fluid leakage) เวลา 22.00 น. (28 ก.พ. 64) และมีอาการเจ็บครรภ์ (pain) เวลา 24.00 น. (28 ก.พ. 64)
GA >= 34 wk
TPROM
(Term premature rupture of membranes)
ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์จริง อายุครรภ์ครบกำหนด (มากกว่าหรือเท่ากับ 37 wk)
Prolonged ROM
ภาวะถุงน้ำคร่ำแตกที่มี latency period คือ ระยะเวลาตั้งแต่ถุงน้ำคร่ำแตก จนถึงเริ่มเจ็บครรภ์คลอดนานเกิน 24 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันพิจารณาจากระยะเวลาที่ถุงน้ำคร่ำแตกนานกว่า 18-24 ชั่ว โมง โดยมีหรือไม่มีอาการเจ็บครรภ์ก็ได้
Preterm
การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด (Preterm labor)
ภาวะที่มดลูกบีบตัวอย่างสม่ำเสมอ (Regular uterine contraction) ทำให้ปากมดลูกเปิด (Cervical change) ก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์
การคลอดก่อนกำหนด (Preterm birth)
ทารกที่คลอดอายุครรภ์ 20 -37 สัปดาห์
โดยแยกย่อยออกเป็น
Late (หลัง 34 สัปดาห์)
moderate (32-34 สัปดาห์)
very (28-32สัปดาห์)
extremely (ก่อน 28 สัปดาห์)
Spontaneous preterm birth
การคลอดก่อนกำหนด ที่ไม่มีข้อบ่งชี้(maternal and fetal condition) อันได้แก่ preterm labor, preterm spontaneous rupture of membranes และ cervical insufficiency
สาเหตุ
ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง อาจมีปัจจัยหลายๆ อย่างร่วมกันทำให้เกิดภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์ เช่น การอ่อนแอของเยื่อหุ้มถุงน้ำคร่ำ มีแรงเฉือนจากการมีการหดรัดตัวของมดลูก เป็นต้น
การติดเชื้อในโพรงมดลูก มีประวัติการคลอดก่อนกำหนดมาก่อน โดยเฉพาะการมีประวัติถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดในครรภ์ก่อนที่คลอดก่อนกำหนด
มดลูกมีความตึงตัวมากกว่าปกติ เช่น ครรภ์แฝด หรือครรภ์แฝดน้ำ
ภาวะติดเชื้อโรคที่ช่องทางคลอด เช่น ติดเชื้อ หนองในที่คอมดลูก
ผู้ป่วยเคยผ่าตัดทำ conization ของคอมดลูก
สตรีตั้งครรภ์ที่เศรษฐานะต่ำ
สตรีที่สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์
สตรีที่เคยได้รับการเย็บผูกคอมดลูกแบบฉุกเฉิน
ภาวะแทรกซ้อน
Chorioamnionitis อาจเป็นสาเหตุหรือเป็นผลลัพธ์จากการมีถุงน้ำคร่ำแตกก็ได้ มักเกิดในช่วงแรกๆที่มีน้ำเดิน โดย 1 ใน 2 ของผู้ป่วยจะเกิด Chorioamnionitis
Placental abruption พบได้บ่อยในรายที่อายุครรภ์น้อยๆ และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด preterm PROM
Fetal death มักเกิดจากรกลอกตัวก่อนกำหนด
สายสะดือย้อย (Cord prolapse)
การติดเชื้อในโพรงมดลูก
Cesarean delivery อัตราการผ่าตัดคลอดมักสูงขึ้น เนื่องจากทารกอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายจากการพบอัตราการเต้นของหัวใจทารกผิดปกติ การมี Chorioamnionitis และการที่มักพบว่าทารกอยู่ในท่าที่ผิดปกติ
การติดเชื้อในโพรงมดลูก (Postpartum endometritis) พบได้ในกลุ่มที่เป็น midtrimester Preterm PROM
แนวทางการรักษา
PPROM GA < 37 wk
GA < 34 wk
ทำ Vg. swab c/s เมื่อวันที่ 1 มี.ค. 64 รอผลออกวันที่ 4 มี.ค. 64
ได้ Dexamethasone 6 mg IM q 12 hr ครบ 4 dose แล้ว offไปเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 64 (18.00 น.)
ได้รับยา inhibit ยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอด คือ 5%D/W 500 ml + Bricany (Terbuline sulfate)
5 amp IV drip rate 30 ,25,20, 10 m/hr แล้ว off ไปเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 64 (10.30 น.) เพื่อปล่อยคลอด เนื่องจาก AFI ลดลงจาก 8.8 เหลือ 6.2 cm.
ได้รับ ATB คือ Azithomycin (250) 1 TAB po pc x 6 วัน + Ampicilin 2g IV q 6 hr ครบ 48 hr off ไปเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 64 (24.00 น.) then Amoxicillin (500) 1x3 po pc x 5 วัน
GA >= 34 wk
Cx. swab C/S
ให้ Dexamethasone 1 course then delivery
Term PROM GA >= 37 wk
NL with induction of labor
C/S if abnormal indicaton
Fetal distress due to oligohydramnios
Prolonged ROM ถุงน้ำคร่ำแตกนานกว่า 18 ชม.
GBS Prophylaxis : Group B Streptococcus Prophylaxis เกี่ยวกับการติดเชื้อ ให้ยา ATB คือ Ampicilin 2 g IV q 6 hr
prolonged ROM ถุงน้ำคร่ำแตกนานกว่า 18-24 ชั่วโมง
ให้ยา ATB คือ Ampicillin 2 g IV then 1 g IV q 4 hr
การวินิจฉัย
ประวัติ เช่น ให้ประวัติว่ามีน้ำใสๆ ไหลจากช่องคลอดเป็นปริมาณมาก ซึ่งต้องแยกจากสาเหตุอื่นๆ ที่อาจจะพบได้ เช่น ปัสสาวะไหล ตกขาวปริมาณมาก เป็นต้น
การตรวจร่างกาย โดยการใส่ dry sterilized speculum เข้าไปในช่องคลอด จะเห็นน้ำคร่ำขังอยู่ที่ posterior fornix หรือไหลออกมาจากปากมดลูกชัดเจน โดยเฉพาะเวลาให้ผู้ป่วยเบ่งหรือไอ (cough test)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
Fern test
เก็บตัวอย่างจาก posterior fornix ป้ายบน ลงบนแผ่น slide ทิ้งให้แห้ง นำไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์จะพบผลึกรูป fern จากการที่น้ำคร่ำมี electrolyte โดยเฉพาะ NaCl
Nitrazine paper test
เนื่องจากน้ำคร่ำมี pH อยู่ในช่วง 7.1 - 7.3 ขณะที่สารคัดหลั่งจากช่องคลอดมี pH อยู่ในช่วง 4.5 - 5.5 ดังนั้นเมื่อทดสอบด้วยกระดาษ nitrazine จะเกิดการเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงิน
Nile blue test
เมื่อทารกอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ขึ้นไปจะตรวจพบเซลล์จากต่อมไขมันของทารกได้ในน้ำคร่ำ เมื่อนำไปย้อมด้วย nile blue sulphate เซลล์เหล่านี้จะติดสีแสด Indigocarmine
ในกรณีที่ตรวจภายในแล้วไม่พบน้ำคร่ำในช่องคลอดแต่ยังมีข้อสงสัยว่าน้ำคร่ำอาจจะแตกจริง ทดสอบ โดยการฉีดสี indigocarmine 1 cc ละลายใน NSS 9 cc ฉีดผ่านผนังหน้าท้องเข้าไปในถุงน้ำคร่ำ แล้วให้สังเกตสีน้ำเงินของ indigocarmine ที่จะไหลผ่านเข้าไปในช่องคลอดหากมีถุงน้ำคร่ำแตกจริง
Ultrasonography
การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงจะมีประโยชน์ในกรณีที่ตรวจพบว่ามีน้ำคร่ำน้อย (oligohydramnios) โดยที่ตรวจไม่พบความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะของทารกและทารกไม่มีภาวะเจริญเติบโตช้าในครรภ์ สันนิษฐานได้ว่าน่าจะมีภาวะถุงน้ำคร่ำแตกจริง