Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ANC (สูติ Abnormal) - Coggle Diagram

- - - - ตรวจคัดกรองเบาหวาน
        
        BMI 24.98 กิโลกรัมต่อตารางเมตร (BMI เกินมาตรฐาน) น้ำหนักเพิ่ม 13.5 kg. ตลอดการตั้งครรภ์
        
        ตรวจคัดกรองความเสี่ยงของการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ โดยการให้มารดารับประทาน BS 50 g. เมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรก
        หากค่า <140 mg/dL ให้มาตรวจคัดกรองอีกครั้งเมื่อ GA 24-28 wks. แต่ถ้าหาก BS >140 mg/dL ให้นัดตรวจ OGTT อีก 1 wks. หากพบค่าผิดปกติ 2 ค่า อาจวินิจฉัยว่าเป็น GDM
        
        GA 26 wks ตรวจ BS 50 g ได้ผล 133 (ปกติ)
      - Down’s syndrome
        
        MyNIF ตรวจคัดกรอง (28 ก.ย. 63)
        
        โครโมโซม 21, 18, 13 ความเสี่ยงต่ำ
        โครโมโซมเพศ XX
        
        มักตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ >35 ปี
        
        Invasive
        1.เจาะน้ำคร่ำ (AMNIOCENTESIS) มักทำใน GA 16-18 wks. นั่งพักหลังทำ งดกิจกรรมหนัก ฟังผลใน 2-3 สัปดาห์
        2.เจาะชิ้นเนื้อรก CVS (Chorionic villous sampling) มักทำใน GA 10-13 wks
        3.เจาะเลือดจากสายสะดือ (Cordocentesis) มักทำใน GA > 18 wks
        
        Non-invasive คือ การเจาะเลือดมารดาเพื่อหาระดับฮอร์โมน
      - ตรวจ NST
        
        ผล Reactive
        
        แนะนำเกี่ยวกับการคุมกำเนิด
        
        ไม่มีฮอร์โมน
        
        ถุงยางอนามัย เป็นวีธีคุมกำเนิดที่สามารถหาซื้อได้ง่ายและช่วยป้องกันโรคติดต่อทาง
        เพศสัมพันธ์ได้ด้วย
        
        ห่วงคุมกำเนิด เป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง คุมกำเนิดได้ 3-5 ปี ไม่มีผลข้างเคียงจากฮอร์โมน ประจำเดือนจึงมาสม่ำเสมอ
        
        การทำหมันหญิง เป็นการคุมกำเนิดถาวร จึงเหมาะสำหรับสตรีที่มีบุตรเพียงพอแล้ว สามารถทำได้ขณะผ่าตัดคลอดบุตรหรือหลังคลอดบุตรทางช่องคลอด 24-48 ชั่วโมง
        
        มีฮอร์โมน
        
        วิธีคุมกำเนิดที่ใช้ควรเป็นชนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนชนิดเดียว เนื่องจากไม่มีผลต่อ ปริมาณหรือคุณภาพของน้ำนม สามารถเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 6 สัปดาห์หลังคลอด
        
        ยาฉีดคุมกำเนิด
        
        ยาฝังคุมกำเนิด มีประสิทธิภาพคุมกำเนิดสูง สามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี กลับมาตกไข่ได้เร็วกว่ายาฉีดคุมกำเนิด
        
        ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตเจนชนิดเดียว เป็นยาที่ สามารถหาซื้อได้ง่าย การกินยาชนิดนี้ควรกินให้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ ถ้าลืมกินยามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ง่าย เนื่องจากฮอร์โมนมีขนาดต่ำ
        
        ส่วนการคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ที่มีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ชนิดฮอร์โมนรวม ยาฉีด
        คุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม แผ่นแปะคุมกำเนิด และวงแหวน
        คุมกำเนิด ควรเริ่มใช้หลังคลอดบุตร 6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจทำให้ปริมาณน้ำนมลดลง
      - ผลกระทบ
        
        ต่อมารดา
        
        เสี่ยงแท้งบุตร
        เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
        พบความผิดปกติของรก อาจเกิดรกเกาะต่ำ, รกลอกตัวก่อนกำหนด
        
        ต่อทารก
        
        เกิดความผิดปกติของโครโมโซม
        
        ทารกน้ำหนักน้อย <2500 กรัม
        
        IUGR หรืออาจเสียชีวิตในครรภ์
        
        อาจมีความผิดปกติของโครโมโซม หรือยีน
  - - - C/S dou to Placenta previa
        (พ.ศ. 2547) เพศชาย
        
        Placenta Previa
        
        รกเกาะต่ำ เป็นภาวะที่รกปิดขวางหรือคลุมปากมดลูกเพียงบางส่วนหรือปกคลุมทั้งหมด ซึ่งปกติรกจะอยู่ด้านบนของมดลูกและห่างจากปากมดลูก
        
        ปัญหาที่ตามมาคือ เมื่อมีการยืดขยายของปากมดลูก
        เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับคลอดนั้น ก็จะทำให้รกลอกตัวออก ทำให้มีเลือดออก
        
        มารดา อาจตกเลือดหลังคลอด / ภาวะลิ้มเลือดอุดตัน
        
        ทารก อาจขาดออกซิเจน
        
        โดยปกติแล้วรกของทารกมักเกาะตัวอยู่ส่วนบนของมดลูก
        ใกล้กับรูเปิดของท่อนำไข่ แบ่งได้ 4 ประเภท
        
        Low-Lying placenta รกจะอยู่บริเวณด้านล่างใกล้กับขอบของปากมดลูก จะเกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นถึงช่วงกลางของการตั้งครรภ์ แต่ยังคลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
        
        Marginal placenta previa รกจะอยู่ที่บริเวณส่วนล่างของมดลูก และจะดันถูกปากมดลูก อาจทำให้เสียเลือดมากขณะคลอด มีโอกาสคลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ หรืออาจต้องผ่าคลอด
        
        Partial placenta previa รกจะปิดขวางหรือคลุมที่บริเวณปากมดลูกบางส่วน มักจะต้องผ่าคลอด
        
        Total placenta previa รกจะปิดหรือคลุมที่บริเวณปากมดลูกทั้งหมด เป็นสาเหตุให้คลอดทางช่องคลอดตามปกติไม่ได้ จึงต้องผ่าคลอด
        
        อาการ
        
        มีเลือดออกโดยไม่มีอาการเจ็บครรภ์ แต่อาจพบอาการเจ็บครรภ์ร่วมด้วย
        (กรณีเข้าสู่ระยะเจ็บครรภ์คลอด)
        
        มักเกิดเป็นครั้งแรกในไตรมาสที่สาม หรือตั้งแต่ 28 สัปดาห์ไปแล้ว ส่วนใหญ่เลือดออกครั้งแรก
        จะออกไม่มาก และสามารถหยุดเอง ถ้าไม่ได้รับสิ่งกระตุ้น เช่น การตรวจภายใน การมีเพศสัมพันธ์
        
        ปริมาณและความรุนแรง จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ เมื่อเกิดเลือดออกครั้งแรก มักจะมีเลือดออกซ้ำและปริมาณมากขึ้น ทำให้มารดาและทารกอยู่ในภาวะอันตรายได้
        
        ปัจจัยส่งเสริม
        
        มารดา อายุมากกว่า 40 ปี
        
        ประวัติเคยเป็นในครรภ์ก่อน
        
        พบได้ในครรภ์ที่ 5 ขึ้นไป (ร้อยละ 5)
        
        การผ่าท้องทำคลอดในครรภ์ก่อน (พบได้ร้อยละ 10 ในรายที่ผ่าตัดคลอดเกิน 4 ครั้ง)
        
        มีประวัติเคยขูดมดลูกมาก่อน
        
        รกแผ่กว้างผิดปกติ เช่น Placenta membranacea และรกในครรภ์แฝด
        
        การวินิจฉัย
        
        Ultrasound *แม่นยำสุด
        
        การรักษา
        
        ผ่าตัดคลอด ดีที่สุด
        
        หากอายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนด ทารกแข็งแรง และเลือดออกไม่มาก
        แพทย์รักษาโดยการให้นอนพักในโรงพยาบาล และผ่าท้องคลอดเมื่อครบกำหนด
  - - - Hypertension
        
        PIH (Pregnancy Induced Hypertension)
        
        ความดัน มากกว่าหรือเท่ากับ 140/90 mmHg
        
        เป็นหลังอายุครรภ์ > 20 wks. & กลับมาปกติใน 12 wks. หลังคลอด
        
        แบ่งเป็น
        
        Gestational hypertension
        
        ความดันสูง + ไม่มี Proteinuria
        
        Pre-eclampsia
        
        ความดันสูง + มี Proteinuria
        
        แบ่งเป็น
        
        Mild preeclampsia
        
        1 more item...
        
        Severse preeclampsia
        
        2 more items...
        
        การพยาบาล
        
        Admit 1-2 วัน / Bed rest ให้มากที่สุด
        นอนพัก ตรวจ Lab เช่น Proteinuria, ความดัน, ALT,AST
        U/S ดูขนาดทารก ปริมาณน้ำคร่ำ
        NST
        ประคับประคองจนกว่าจะตั้งครรภ์ครบกำหนด
        ยกเว้น Severse preeclampsia
        
        Eclampsia
        
        มีอาการชักเกร็ง
        จัดท่านอนตะแคง ให้ออกซิเจน ยาระงับชัก
        
        ประเมิน HELLE Syndrom
        
        H : Hemolytic anemia (เม็ดเลือดแดงแตก)
        
        1 more item...
        
        EL : Elevated liver Enzymes
        
        1 more item...
        
        LP : Low platelet
        
        1 more item...
        
        กลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ผิดปกติไปของตับ
        เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
        
        สาเหตุ
        
        สาเหตุเกิดจากรก สร้างสาร endothelin ทำให้เส้นเลือดหดเกร็ง (Vasospasm) และผนังเส้นเลือดถูกทำลาย
        
        Chronic Hypertension
        
        ความดันสูง ก่อนอายุครรภ์ 20 wks. หรือความดันสูงหลังคลอด 12 wks.
        
        มักนำไปสู่ Superimpose Preeclampsia (ความดันโลหิตสูงชนิดเรื้อรังมาก่อนแล้ว มี Proteinuriaมากกว่าหรือเท่ากับ 300 mg./hr)
        
        ผลกระทบ
        
        ต่อมารดา
        
        1.หัวใจและหลอดเลือด : ไหลเวียนเลือดไม่ดี เลือดเข้าสู่รกน้อยลง = เกิดเนื้อตายของรก ทำให้ทารกเติบโตช้า,ตายในครรภ์
        2.DIC (disseminated intravascular coagulopathy) ภาวะผิดปกติของระบบเลือดจากการมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด มีการใช้สารที่ช่วยในการเเข็งตัวของเลือดไปมาก ทำให้มีเลือดออกได้ง่าย
        3.สมอง จากเล่อดไปเลี้ยงไม่พอ = ปวดหัว ตาพร่ามัว ชัก
        4.ตับ เลือดไปเลี้ยงตับไม่ดี ระดับเอมไซม์ตับเพิ่ม
        5.ไต เลือดไปเลี้ยงไตลดลง = ประสิทธิภาพการกรองลดลง
        มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
        
        ต่อลูก
        
        IUGR
        ทารกขาดออกซิเจน
        รกลอกตัวก่อนกำหนด ( Placenta abruption )
        Preterm
- - - - พบ Stradea gravidarum สีเงิน (ท้องหลัง)
    - - ท่าที่1 Fundal grip
        
        High fungus 3/4 เหนือระดับสะดือ
      - ท่าที่2 Umbilical grip
        
        ท่า ROA
      - ท่าที่3 Pawlik grip
        
        Vertex presentation
      - ท่าที่4 Bilateral inquinal grip
        
        Head float
  - - - U/S พบ cyst 3.3x4.1x5.0 cm.
      - เจาะ CA 125, CA 19-9
      - ได้รับยา Folic , Iodin, Baby ASA
      - ความดัน 132/86 *รับประทานยาลดความดันเป็นประจำ
      - พาสามีมาตรวจเลือด
    - - น้ำหนัก 72.0 kg. BP 127/82
      - อาการทั่วไปปกติดี
      - U/S ผล Cyte 3.8x4.3 cm.
      - มีแพลนทำ NIifty
        
        เวลาที่เหมาะสม 16-18 wks.
    - - BP 135/73 mmHg
      - ไม่ค่อยอยากอาหาร กังวลเรื่องก้อนที่รังไข่
      - ทำ Nifty
      - นน 71.1 kg.
    - - ได้รับ dT3
      - ได้รับยา ASA (81) 1x1 oral pc
        Nataral 1x1 oral pc
        Calcium 1x1 oral pc
      - ผล MyNifty ได้ XX, Low risk
      - Cyte 3.74x3.7 cm.
      - นน 71.6 kg.
    - - BP 112/84 mmHg
      - ผู้ป่วย ปฏิเสธ U/S ที่ MFM เนื่องจาก ผล myNIPS ได้ Low risk
      - ANC ปกติ
      - นน 73.9 kg
    - - BP 117/63 mmHg
      - นน 74.2 kg
      - Albumin Neg
        Sugar Neg
    - - ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่
      - IFV
      - BP 121/74 mmHg
    - - นน 77 Kg
      - ตรวจ BS 50 g ผล 133
        (ปกติ)
      - BP 104/63 mmHg
    - - นน 80.2 kg
      - U/S ครั้งที่2 ผล AFI 10.5 cm.
        EFW 1650 gm
      - BP 137/84 mmHg
    - - นน 81.5 kg
      - BP 140/80, 134/78
      - ผล Hct 32.8%
      - NTS ผล Reacttive
  - - - UA 1.016
        Blood Neg
        Ketone Neg
        Glucose Neg
        Albumin Neg
        pH 6.5
        Bile Neg
        RBC, WBC Not found
    - - PCR for Alpha Thalassemia = Neg
        (สามี)
- - - - การระวังการแท้ง
        (GA < 28 wks.)
        
        จากมารดาอายุมาก
        *ระวังมากเป็นพิเศษ
        
        แนะนำ ให้มาฝากครรภ์ตามนัด
        พักผ่อนให้เพียงพอ
        ออกกำลังกายได้เบาๆ เช่น เดินเบาๆ
        สังเกตอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดมากบริเวณท้องน้อย
      - แนะนำเกี่ยวกับการคลื่นไส้อาเจียน
        
        มีผลจาก HCG เพิ่มมากสุดตอน GA 8-10 wks.
        
        มารดามีอาการไม่อยากอาหาร
        
        แนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ
        รับประทานอาหารครบ 5 หมู่
        รับประทานอาหารน้อยแต่บ่อยครั้ง
        เลี่ยงอาหารประเภททอด (ย่อยยาก)
        แนะนำให้จิบน้ำขิง ป้องกันอาการคลื่นไส้
        รับประทานจนมปังกรอบ
    - - ส่งเสริมพัฒนาการ
        
        พัฒนาการด้านการรับรู้
        17-20 wks *นั่งเก้าอี้โยก
        
        ทารกเริ่มได้ยินเสียง
        21-24 wks *พูดคุยกับทารก รู้เสียง เรียกชื่อลูก
        ใช้โทนเสียงเดิม คำเดิมๆ
        
        ทารกเริ่มรับรู้แสง
        25-28 wks *ส่องไฟที่หน้าท้อง นาน 1-2 นาที
        หมุนเก้าอี้ซ้ายขวา
        32 wks ส่องไฟเขียว-แดง
      - สอนนับลูกดิ้น
        
        ควรดิ้นอย่างน้อย 10 ครั้ง/วัน
        นับหลังรับประทานอาหาร
        สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ลูกดิ้นน้อยลง
      - น้ำหนักเพิ่มมากขณะตั้งครรภ์ (13 kg.)
        
        แนะนำให้ควบคุมอาหาร เน้นรับประทานผักใบเขียว
        มาตรวจตามนัด เพื่อมาดูระดับน้ำตาล
        
        GA 26 wks ตรวจ BS 50 g ผล 133
        (ปกติ)
    - - อาการเจ็บครรภ์จริง
        
        มดลูกหดรัดตัวทุก 5 นาที
        ปวดร้าวจาก หลังไปหน้าขา
        พักแล้วไม่หายปวด
      - เสี่ยง Preterm
        
        จากการได้รับแรงกระทบกระเทือน
        งดมีเพศสัมพัธ์
        ระวังการติดเชื้อในร่างกาย (ดูแลความสะอาด)
        พักผ่อนให้เพียงพอ
        เลี่ยงการทำงานหนัก
      - เสี่ยง Placenta previa
        
        สังเกตอาการเลือดออก บริเวณช่องคลอด
        มา U/S ดูความผิดปกติ
      - สังเกตอาการที่อาจแสดงถึงภาวะ Preeclampsia
        
        อาการปวดหัว ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
        บวมกดบุ๋ม
- - - - ข้อมูลสนับสนุน
        O.D : มารดาอายุ 41 ปี (Elderly pregnancy)
      - วัตถุประสงค์
        เพื่อค้นหาความเสี่ยงในการเกิด Down’s Syndrom
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        FHS อยู่ในระหว่าง 110-160 ครั้ง/นาที
        
        ผลการตรวจ Amniocentesis ไม่พบความผิดปกติของโครโมโซม
        
        มารดามีความรู้เกี่ยวกับการตรวจคัดกรอง Down’s syndrome
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        ให้คำแนะนำแก่มารดาเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองอาการ Down’s syndrome เช่น
        
        การเจาะน้ำคร่ำ (Amniocentesis) เพื่อดูความผิดปกติของโครโมโซม เมื่อ GA 16-18 wks.
        
        การตรวจ Nifty เพื่อ Scanning ดูความผิดปกติของทารกในครรภ์
        
        การเจาะชิ้นเนื้อรกไปตรวจ หาความผิดปกติ
        
        ประเมินสภาพทารกในครรภ์ โดยการฟัง FHS และทำการตรวจ NST เมื่อ GA > 28 wks หรือทำการ U/S ดูสภาพทารกในครรภ์
        
        สอนมารดานับลูกดิ้นในท้อง เพื่อประเมินดูสภาพทารกในครรภ์ ดังนี้ ควรดิ้นอย่างน้อย 10 ครั้ง/วัน หลังรับประทานอาหาร สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ทารกดิ้นน้อยลง
      - การประเมินผล
        
        FHS 158 ครั้ง/นาที
        
        มารดาทำ Nifty ได้ผล Low risk ไม่พบความผิดปกติ
        
        มารดามีความรู้เกี่ยวกับการตรวจคัดกรอง Down’s Syndrom
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        O.D. : มารดาเป็น Chronic hypertension
      - วัตถุประสงค์
        เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะ Preeclampsia
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        ความดันโลหิต <160/110 mmHg
        มารดาไม่มีอาการปวดหัว ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
        
        มารดาสามารถบอกอาการผิดปกติที่ควรมาโรงพยาบาลได้ เช่น อาการปวดหัว ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
        
        ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ดังนี้
        
        ค่าเม็ดเลือดแดง 4.03-5.55 10^6/uL
        
        ค่าเอนไซม์ตับ AST, ALT > 70 U/L
        
        ค่าเกล็ดเลือด >100,000 uL
        
        ไม่พบโปรตีนในปัสสาวะ
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิต ไม่ควรเกิน 160/110 mmHg และตรวจติดตามโปรตีนในปัสสาวะ โดยติดตามจากการตรวจปัสสาวะ เพื่อประเมินดูภาวะครรภ์เป็นพิษ
        
        แนะนำมารดาเกี่ยวกับการสังเกตอาการผิดปกติ ที่อาจเเสดงถึงภาวะครรภ์เป็นพิษ คือ อาการปวดหัว ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
        
        ติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ โดยการ U/S และการตรวจ NST เพื่อประเมินสภาพทารกในครรภ์
        
        แนะนำมารดาเกี่ยวกับการนับลูกดิ้น โดยแนะนำให้นับหลังรับประทานอาหาร ควรดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง/วัน
        
        ควรงดกิจกรรมหนัก ไม่ลุกเดินบ่อย
        
        ตรวจทางห้องปฏิบัติการ นั่นคือ เม็ดเลือดแดง เอนไซม์ตับ เกร็ดเลือด ควรอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อประเมินภาวะ HELLE Syndrome
      - การประเมินผล
        
        ความดันโลหิตของมารดา 134/78 mmHg (GA 33 wks.)
        ไม่มีอาการปวดหัว ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
        
        มารดาสามารถบอกอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ได้
        
        ไม่มี Repeat Lab และไม่พบโปรตีนในปัสสาวะ
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        มารดาอายุ 41 ปี (Elderly pregancy)
      - วัตถุประสงค์
        เพื่อค้นหาความเสี่ยงในการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
      - เกณฑ์การประเมิน
        1.ระดับน้ำตาล BS < 140 mg/dL
        2.มารดาไม่มีภาวะคลอดก่อนกำหนด
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        ตรวจคัดกรองความเสี่ยงของการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ โดยการให้มารดารับประทาน BS 50 g. เมื่อมาฝากครรภ์ครั้งแรก
        หากค่า <140 mg/dL ให้มาตรวจคัดกรองอีกครั้งเมื่อ GA 24-28 wks. แต่ถ้าหาก BS >140 mg/dL ให้นัดตรวจ OGTT อีก 1 wks. หากพบค่าผิดปกติ 2 ค่า อาจวินิจฉัยว่าเป็น GDM
        
        แนะนำให้มารดาเลี่ยงของทอด มัน ที่มีน้ำตาลมาก ควรเน้นอาหารจำพวกโปรตีน เช่น เนื้อ นม ไข่ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิด GDM
        
        แนะนำให้มารดานับลูกดิ้น เพื่อประเมินสภาพทารกในครรภ์ หากพบทารกไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อยลง ควรรีบมาพบแพทย์
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        มารดาตรวจคัดกรองเมื่อ GA 26 wks ได้ค่า BS 133 mg/dL (ปกติ)
        
        มารดาไม่มีภาวะคลอดก่อนกำหนด
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        มารดาอายุ 41 ปี
        มารดาอายุครรภ์ 33 wks.
        มารดาเป็น Chronic hypertension
        มารดาตรวจพบก้อนเนื้อ ขนาด 3.8x4.3 cm.
      - วัตถุประสงค์
        เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการแท้ง
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        ความดันโลหิต <160/110 mmHg
        
        ไม่มีอาการน้ำเดิน หรือเลือดออกทางช่องคลอด
        
        FHS ทารกอยู่ในเกณฑ์ 110-160 ครั้ง/นาที
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        แนะนำมารดาเกี่ยวกับการรักษาความสะอาด โดยเฉพาะบริเวณช่องคลอด หลังเข้าห้องน้ำควรเช็ดให้แห้ง เพื่อป้องกันการอับชื้น ซึ่งอาจส่งผลทำให้มารดาแท้งได้
        
        ให้ความรู้มารดาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ขณะตั้งครรภ์ โดยควรงดในไตรมาสแรก เพื่อป้องกันการแท้ง, ไตรมาสสาม เพื่อป้องการคลอดก่อนกำหนด และในไตรมาสที่สาม สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้แต่ควรมีด้วยความนุ่มนวล
        
        แนะนำให้มารดาสังเกตอาการผิดปกติที่ควรมากพบแพทย์ นั่นคือ มีเลือดออกบริเวณช่องคลอด
        
        แนะนำให้มารดางดทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแท้ง เช่น การกระโดด การเดินขึ้นลงบันได ควรทำด้วยความระมัดระวัง
        
        แนะนำให้มารดานับลูกดิ้น เพื่อประเมินสภาพทารกในครรภ์ หากพบทารกไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อยลง ควรรีบมาพบแพทย์
      - การประเมินผล
        
        ความดันโลหิตของมารดา 134/78 mmHg (GA 33 wks.)
        
        ไม่มีอาการน้ำเดิน หรือเลือดออกทางช่องคลอด
        
        FHS ทารกอยู่ในเกณฑ์ 110-160 ครั้ง/นาที
  - - - ข้อมูลสนับสนุน
        O.D : มารดาอายุ 41 ปี (Elderly pregnancy)
      - วัตถุประสงค์
        เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะ Preeclampsia
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        ความดันโลหิต <160/110 mmHg
        มารดาไม่มีอาการปวดหัว ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
        
        มารดาสามารถบอกอาการผิดปกติที่ควรมาโรงพยาบาลได้ เช่น อาการปวดหัว ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
        
        ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ดังนี้
        
        ค่าเม็ดเลือดแดง 4.03-5.55 10^6/uL
        
        ค่าเอนไซม์ตับ AST, ALT > 70 U/L
        
        ค่าเกล็ดเลือด >100,000 uL
        
        ไม่พบโปรตีนในปัสสาวะ
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะความดันโลหิต ไม่ควรเกิน 160/110 mmHg และตรวจติดตามโปรตีนในปัสสาวะ โดยติดตามจากการตรวจปัสสาวะ เพื่อประเมินดูภาวะครรภ์เป็นพิษ
        
        แนะนำมารดาเกี่ยวกับการสังเกตอาการผิดปกติ ที่อาจเเสดงถึงภาวะครรภ์เป็นพิษ คือ อาการปวดหัว ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
        
        ติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ โดยการ U/S และการตรวจ NST เพื่อประเมินสภาพทารกในครรภ์
        
        แนะนำมารดาเกี่ยวกับการนับลูกดิ้น โดยแนะนำให้นับหลังรับประทานอาหาร ควรดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง/วัน
        
        ควรงดกิจกรรมหนัก ไม่ลุกเดินบ่อย
        
        ตรวจทางห้องปฏิบัติการ นั่นคือ เม็ดเลือดแดง เอนไซม์ตับ เกร็ดเลือด ควรอยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อประเมินภาวะ HELLE Syndrome
      - การประเมินผล
        
        ความดันโลหิตของมารดา 134/78 mmHg (GA 33 wks.) ไม่มีอาการปวดหัว ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่
        
        มารดาสามารถบอกอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์ได้
        
        ไม่มี Repeat Lab และไม่พบโปรตีนในปัสสาวะ
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        
        มารดาเป็น Elderly pregnancy
      - วัตถุประสงค์
        เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        ทารกดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง/วัน
        
        มารดาบิดา มีความรู้ในการส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์
        
        มารดาสามารถบอกเกี่ยวกับการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ และการส่งเสริมพัฒนาการทารกได้ถูกต้อง
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        บอกความสำคัญของการส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์แก่บิดามารดา เพื่อให้เกิดความตระหนักในการส่งเสริมพัฒนาการ
        
        ให้ความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาการ ดังนี้
        
        พัฒนาการด้านการรับรู้ = 17-20 wks *นั่งเก้าอี้โยก
        
        พัฒนาการด้านการได้ยินเสียง = 21-24 wks *พูดคุยกับลูก
        
        ทารกเริ่มรับรู้แสง = 25-28 wks *ส่องไฟที่หน้าท้อง
        
        แนะนำมารดาเกี่ยวกับการนับลูกดิ้น โดยแนะนำให้นับหลังรับประทานอาหาร ควรดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง/วัน
        
        สอบถามเกี่ยวกับความเข้าใจของมารดาในการส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์
      - การประเมินผล
        
        ทารกดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง/วัน
        
        มารดาบิดา มีความรู้ในการส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์
        
        มารดาสามารถบอกเกี่ยวกับการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ และการส่งเสริมพัฒนาการทารกได้ถูกต้อง
    - - ข้อมูลสนับสนุน
        มารดาอยู่ในช่วงการตั้งครรภ์
      - วัตถุประสงค์
        เพื่อส่งเสริมความสุขสบายให้แก่มารดา
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        มารดาไม่มีอาการจุกแน่นหน้าท้อง
        
        มารดาสามารถเดินเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องแคล่ว ปลอดภัย
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        แนะนำให้มารดานอนหัวสูง หากมีอาการจุกแน่นหน้าอก เกิดจากการที่มดลูกขยายกดทับกระบังลม
        
        มารดาอาจมีปัสสาวะบ่อย ให้คำแนะนำมารดาว่าไม่ควรกลั้นปัสสาวะ หลีกเลี่ยงการถ่ายปัสสาวะในท่ายองๆ หากมีปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน เลี่ยงการดื่มน้ำก่อนนอน
        
        มารดาอาจมีอาการปวดหลัง ให้คำแนะนำโดยการให้ทำกายบริหารสำหรับคนตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        มารดาไม่มีอาการจุกแน่นหน้าท้อง
        
        มารดาสามารถเดินเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องแคล่ว
  - - - ข้อมูลสนับสนุน
        มารดามีบุตรคนแรกเมื่อ 17 ปีที่แล้ว
      - วัตถุประสงค์
        เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอดแก่มารดา
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        มารดาสามารถเตรียมตัวในการคลอดบุตรได้อย่างเหมาะสม เช่น การตั้งชื่อลูก การเตรียมอุปกรณ์
        
        มารดามีความรู้ความเข้าใจในการเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด
      - กิจกรรมการพยาบาล
        
        พูดคุยกับมารดาเพื่อสร้างความไว้วางใจ ให้โอกาสมารดาได้ระบายความกังวลใจ
        
        รับฟังมารดาด้วยความสนใจ สบตา ใส่ใจในเรื่องที่มารดาเล่า เป็นการเเสดงออกของความใส่ใจ
        
        ให้ความรู้แก่มารดาเกี่ยวกับความสำคัญ สาเหตุของการผ่าคลอด และการเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าคลอดแก่มารดา
      - เกณฑ์การประเมิน
        
        มารดาสามารถเตรียมตัวในการคลอดบุตรได้อย่างเหมาะสม เช่น การตั้งชื่อลูก การเตรียมอุปกรณ์
        
        มารดามีความรู้ความเข้าใจในการเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด