Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การคิดเชิงออกเเบบ, สุภารัช รักหาญ - Coggle Diagram
การคิดเชิงออกเเบบ
1.การทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง (Empathize)
1.การสังเกตสิ่งรอบตัวของผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นกิริยาท่าทาง หรือของใช้ส่วนตัว สภาะเเวดล้อมทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน เพื่อที่จะทำความเข้าใจ
2.การสัมภาษณ์ ซึ่งมีเทคนิคในการสัมภาษณ์ที่จะได้ข้อมูลอย่างลึกซึ้ง
ก่อนสัมภาษณ์
-กำหนดทีมสัมภาษณ์3 คน ต่อผู้ที่ให้สัมภาษณ์1คน
-การเตรียมคำถามปลายเปิดที่กี่ยวกับปัญหา ความจำเป็น
การสัมภาษณ์
3.การหาเเนวทางเเก้ไข (Ideate) คือขั้นตอนการค้นหาความคิดใหม่ๆ ที่จะสามารถตอบโจทย์ปัญหาเเละความต้องการของผู้ใช้งานได้มากที่สุด
3.จัดกลุ่มของความคิดใหม่ๆ ทั้งหมดที่ได้มา เเละจัดกลุ่มความคิดที่เป็นเรื่องเดียว
4
.คัดเลือกไอเดีย โดยตัดที่ใช้ไม่ได้ออก เป็นการทำให้เหลือทางเลือกที่ดีที่สุด
2.ให้ทุกคนในกลุ่มสามารถเสนอไอเดียได้อย่างอิสระ โดยไม่มีการตัดสินว่าไอเดียไหนดีหรือไม่ดี
5.นำไอเดียหรือทางเลือกที่ได้มาพิจารณาร่วมดันอีกครั้งว่ามีอะไรเพิ่มเติมอีกครั้งอีกหรือไม่
1.ต้องกำหนดเวลาในการระดมสมอง เพื่อไม่ให้เกิดการใช้เวลานาน จนทำไห้ออกนอกเรื่องไกลเกินไป
2.การระบบบุปัญหาเเละกรอบของปัญหา (Define)
คือ การระบุปัญหาหรือประเด้นหลังจากที่ทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายด้วยกระบวนการข้างต้น จากนั้นจะนำข้อมูลของผู้ผู้ใช้งานทุกคนมาจัดกลุ่มของปัญหา เเละระบุปัญหา
4.การสร้างต้นเเบบ (Prototype) คือ การสร้างเเบบจำลองเพื่อใช้สื่อสารกับผู้ใช้ว่าไอเดียที่ได้คิดค้นขึ้นนั้นจะสามารถตอบโจทย์ปัญหา
2.การสื่อสารด้วยภาพบนกระดาษ (Paaper Drawing) การสร้างต้นเเบบผ่านการวาดภาพบนกระดาา ทำได้ทั้งเเบบวาดภาพที่มีรายละเอียดของชิ้นงานน้อย
3.การเเสดงละครจำลองสถานการณ์ (Role-Play) เป็นการจำลองสถานการณ์โดยการเเสดงการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณืของผู้ใช้งาน
1.เเบบจำลอง3มิติ (Mock-Up) เป็นการสื่อสารไอเดียโดยการสร้างเเบบจำลอง3มิติ ที่จับต้องได้จริงเเละ สามารถทำให้ผู้ใช้งานเห็นภาพของผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน
4.การสร้างบทบทภาพ (Storyboard) เป็นเเบบร่างนำเสนอคามคิดซึ่งใช้ในการทำภาพยนตร์หรือละคร โดยระบุเป็นภาพที่มีการกระทำในเเต่ละฉากอย่างต่อเนื่อง
5.การทดสอบ (Test) เป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการคิดเชิงที่จะสร้างความมั่นใจ
3.ความสวยงาน (Aesthetics) เป็นการประเมินถึงความดึงดูดทางด้านรูปลักษณะณ์ของผลิตภัณฑ์บริการ
4.การใช้งาน (Usability) เป็นการประเมินถึงความยากง่ายในการใช้งานโดยผู้ใช้งาน
2.ราคาต้นทุน (Cost) เป็นการประเมินจากต้นทุนในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการ
5.การบำรุงรักษา (Maintenance) เป็นการประเมินถึงความทนทานเเละค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง
1.การทำงาน (Functionality) เป็นการประเมินประสิทธิภาพในความสมารถของผลิตภัณฑ์หรือบริการ
สุภารัช รักหาญ