Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล - Coggle Diagram
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ไตรมาสที่ 1
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 1 : พร่องความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์ เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในการตั้งครรภ์มาก่อน
-
-
-
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินสุขภาพและดูแลให้ได้รับคําแนะนําขั้นตอนการบริการที่หน่วยฝากครรภ์ ตรวจร่างกายตรวจครรภ์ และคํานวณอายุครรภ์เพื่อคัดกรองภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคหรือพาหะของ Thalassemia
2.ประเมินความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตน การดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อวางแผนการให้ความรู้หญิง ตั้งครรภ์และส่งเสริมความก้าวหน้าของทารกในครรภ์
-
-
5.แนะนําให้ดื่มน้ําอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วหรือ 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและช่วยให้ ระบบขับถ่ายดีขึ้นเนื่องจากขณะตั้งครรภ์จะมีภาวะท้องอืด ถ่ายอุจจาระน้อยครั้ง
-
-
8.ในไตรมาสแรกควรงดการมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากทําให้เสี่ยงต่อการแท้ง และในไตรมาสที่ 3 อาจทําให้เกิด การคลอดก่อนกําหนดได้
9.แนะนําให้มารดาออกกําลังกายเบาๆ เช่น การยืดเส้นและโยคะ เพื่อลดความเกร็งของเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ และเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย
-
11.แนะนําให้หญิงตั้งครรภ์นับลูกดิ้นทุกวัน โดยการนับหลังรับประทานอาหาร เช้า กลางวัน เย็น เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ลูกต้องดิ้นอย่างน้อย 3 ครั้ง รวมกัน 3 มื้อต้องดิ้นไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง จึงถือว่าปกติ และหากมีอาการ ผิดปกติ เช่น ลูกไม่ดิ้น หรือลูกดิ้นน้อยลง ให้รีบมาพบแพทย์
- แนะนําเกี่ยวกับอาการสําคัญที่ต้องรีบมาโรงพยาบาล
- เจ็บครรภ์จริง คือ เจ็บครรภ์ทุกๆ10-15นาที เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ปวดบริเวณหลังร้าวไปที่หน้า ท้องส่วนบนแล้วร้าวลงขา อาการเจ็บครรภ์ไม่หาย แม้มีเทคนิคผ่อนคลาย มีมูกเลือด
- มีน้ําเดิน ลักษณะเป็นน้ําใสๆ ไหลออกทางช่องคลอด ไม่สามารถกลั้นได้เหมือนปัสสาวะ
- ลูกดิ้นน้อยลง หรือไม่ดิ้น
- อาการผิดปกติอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่ คลื่นไส้อาเจียน มีไข้ ปัสสาวะแสบ
ขัด ให้รีบมาพบแพทย์
-
14.เน้นย้ำให้มารดามาฝากครรภ์ให้ครบตามกําหนด เพื่อติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์และเฝ้าระวัง ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได
การประเมินผล
- หญิงตั้งครรภ์สามารถอธิบายและบอกวิธีในการดูแลตนเองได้ถูกต้อง
- ผลทางห้องปฏิบัติการ (ในวันที่ 1/12/63)
Hb = 11.7 g/dL
Hct : 34.7%
MCV : 64.7 fL
ไตรมาสที่ 2
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 1 สตรีตั้งครรภ์มีภาวะความดันโลหิตสูง
เนื่องจากเป็นความดันโลหิตสูงเนื่องจากการตั้งครรภ์
-
-
-
กิจกรรมการพยาบาล
-
1.การประเมินปัจจัยเสี่ยง หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับการประเมินความเสี่ยงทุกครั้งที่มาฝากครรภ์ ซึ่งประกอบด้วย การประเมินประวัติสูติกรรมในอดีต ประวัติการตั้งครรภ์ปัจจุบัน ประวัติการเจ็บป่วย และระดับดัชนีมวลกาย ก่อนการตั้งครรภ์เพื่อคัดกรองความเสี่ยงต่างๆ และควรประเมินภาวะความดันโลหิตสูงที่จาเพาะกับการ ตั้งครรภ์ (Pregnancy-induced hypertension; PIH) ร่วมกับมีความผิดปกติของร่ายกายในหลายระบบ (multisystem involvement) โดยทั่วไปมักเกิดหลังอายุครรภ์ (Gestational age; GA) 20 สัปดาห์ ร่วมกับ ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ (Proteinuria) การเพิ่มขึ้นของน้าหนักระหว่างตั้งครรภ์และลักษณะการเลือก รับประทานอาหารขณะตั้งครรภ
2.การให้คำแนะนำแก่หญิงตั้งครรภ์เพื่อป้องกันการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ซึ่งประกอบไปด้วย การพักผ่อน และการรับประทานอาหาร
2.1 การพักผ่อน หญิงตั้งครรภ์ควรมีการนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงในตอนกลางคืน และ 30 นาที – 1 ชั่วโมงในช่วงกลางวัน โดยส่งเสริมให้นอนพักผ่อนในท่าตะแคงเนื่องจากจะช่วยลดการ กดทับของหลอดเลือดใหญ่ ทาให้การไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้น โดยเฉพาะเลือดที่ไหลเวียนไปที่ รก ทารกในครรภ์จึงได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น
2.2 การรับประทานอาหาร โดยปกติดัชนีมวลกายปกติควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ อาหารที่จำเป็นสาหรับหญิงตั้งครรภ์เพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ได้แก่ แคลเซียมและใยอาหาร จึงควรรับประทานนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบ เขียว เช่น ผักคะน้า ผักกาด ใบยอ ใบตั้งโอ๋ เนื่องจากอาหารเหล่านี้ล้วนมีปริมาณแคลเซียมในระดับสูง ส่วนอาหารที่มีปริมาณใยอาหารสูง ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อว ข้าวโพดสุก ถั่วต่างๆ ฟักทอง ฝรั่ง และแอปเปิ้ล
4.การให้คำแนะนำแก่หญิงตั้งครรภ์เพื่อลดความรุนแรงของภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ซึ่งประกอบด้วย การนับการดิ้นของทารกในครรภ์ การสังเกตอาการ และการมาฝากครรภ์
การประเมินผล
- สตรีตั้งครรภ์ ไม่ปวดศีรษะ
BP 107/ 67 mmHg วันที่ 21/12/63
BP 120/ 76 mmHg วันที่ 18/01/64
-
-
-
-
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 2 สตรีตั้งครรภ์ขาดความรู้เก่ียวกับโรค Hb E disease และ โรค beta thalassemia การถ่ายทอดทางพันธุกรรมสู่ ทารกผลกระทบต่อทารกและมารดาในการวางแผนในการตั้งครรภ์ต่อไป การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคธาลัสซีเมีย เนื่องจากไม่เคยรับทราบข้อมูลมาก่อน
-
-
S.D. = สตรีต้ังครรภ์ซักถามเกี่ยวกับความรู้ โรค Hb E และ beta thalassemia การถ่ายทอดทางพันธุกรรมผลกระทบต่อทารก
ไตรมาสที่ 3
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 1 ไม่สุขสบายเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายในไตรมาสที่ 3
(ปวดหลัง ตะคริว ปัสสาวะบ่อย นอนหลับไม่สนิท ท้องผูก)
-
-
-
กิจกรรมการพยาบาล
1.ปวดหลัง(Backache) เกิดจากกล้ามเนื้อหลังถูกดึงรั้งจนเกิด muscle strain เป็นลักษณะ lordosis ร่วมกับ มีฮอร์โมน estrogen และ relaxin ทาให้ข้อต่อต่างๆคลายตัว กล้ามเนื้อและเอ็นถูกดึงรั้งโดยน้าหนักของมดลูก รวมทั้งการที่มดลูกขยายใหญ่มากทาให้ต้องแอ่นหลังเพื่อปรับสมดุลของร่างกาย จึงเกิดอาการปวดหลัง
- ตะคริวที่ขา (leg cramp) เป็นการเกร็งของกล้ามเนื้อที่ขาและหน่องหรือก้น อาจเกิดจากน้าหนักของมดลูก ไปกดทับประสาทที่มาเลี้ยงส่วนล่างของร่างกาย ทาให้เลือดไหลเวียนไม่ดีหรือการที่กล้ามเนื้อแล fascia ยืด ขยายมาก รวมทั้งความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย หรือการมีท่าทางที่ไม่ถูกต้อง และอาจเกิดจากการเสียสมดุล ของแคลเซียมและฟอสฟอรัส
- ปัสสาวะบ่อย (Nocturia) เนื่องจากไตรมาสที่ 3 มดลูกจะโตเมื่อนอน ตัวมดลูกจะไปกดทับที่ inferior vena cava และหลอดเลือดดำใหญ่ ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตมากขึ้นจึงมีการกรองปัสสาวะเพิ่มขึ้น
- นอนไม่หลับ (Insommia) เนื่องจากมดลูกโตทำให้นอนลำบาก ไม่สุขสบายเวลานอน และทารกในครรภ์มักดิ้นแรงทำให้มารดารู้สึกไม่สุขสบายหรือเจ็บได้ และเมื่ออายุครรภ์ใกล้ครบกำหนดทำให้มารดาวิตกกังวล เกี่ยวกับการคลอดจนนอนไม่หลับ
-
-