Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของตา หู คอและจมูก - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของตา หู คอและจมูก
เนื้องอกที่หู
ประเมินภาวะสุขภาพ
ซักประวัติ
การได้ยินลดลง มีเสียงดังในหู
ชาบริเวณใบหน้า
เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
ตรวจร่างกาย
ทรงตัวไม่ได้
ปากเบี้ยว หน้าเบี้ยว
corneal reflex ลดลง
สูญเสียการได้ยินชนิดประสาทนําเสียงบกพร่อง
การรักษา
follow up ในผู้สูงอายุ
ผ่าตัดแต่มีผลกระทบต่อแขนงของเส้นประสาทคู่ที่ 8 ทําให้สูญเสียการได้ยินถาวรได้ รวมทั้งทําให้เกิด cerebrospinal fluid leak, meningitis และ cerebral edema ซึ่งเป็นอันตรายถึงตายได้
ฉายรังสี
Otosclerosis
ประเมินภาวะสุขภาพ
ซักประวัติ
การได้ยินลดลง การได้ยินจะดีขึ้นเมื่อมีเสียงดังมากๆ
ตรวจร่างกาย
ใช้ส้อมเสียงตรวจการได้ยินแบบ Rinne test พบการนําเสียงทางกระดูกดีกว่า การนําเสียงทางอากาศ
Rinne test ใช้ทดสอบการนําเสียงผ่านอากาศและการนําเสียงผ่านกระดูก โดยการเคาะส้อมเสียงแล้วนําส้อมเสียงมาวางลงบนบริเวณกระดูกหลังหู ให้ผู้ป่วยฟังเสียงที่เกิดขึ้น แล้วนําส้อมเสียงมาวางไว้ที่หน้าหูห่างครึ่งนิ้ว แล้วเปรียบเทียบการได้ยินที่เกิดขึ้น ถ้าได้ยินบริเวณหลังหูได้ดีกว่า หน้าหูแสดงว่าการนําเสียงผ่านกระดูกดีกว่าการนําเสียงทางอากาศ
ตรวจพิเศษ
ใช้เครื่องมือตรวจการฟัง (Audiometer) พบการ เปลี่ยนแปลงของกราฟการนําเสียงผ่านอากาศ ในขณะที่กราฟแสดงการนํา เสียงผ่านกระดูกปกติ
การรักษา
ผ่าตัดตกแต่งกระดูกหู (Stapedectomy) ในรายที่ไม่ได้ทําผ่าตัดจะใช้ เครื่องช่วยฟัง
การพยาบาล
• อธิบายเกี่ยวกับการดําเนินของโรค การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องก่อนและหลังผ่าตัด
• ก่อนผ่าตัด ผู้ป่วยจะถูกโกนขนรอบใบหูและฟอกสบู่ ใช้ไม้พันสําลี จุ่มนํ้ายาฆ่าเชื้อเช็ด
• หลังผ่าตัดผู้ป่วยควรนอนตะแคงทับแผลผ่าตัด เมื่อไม่มีอาการเวียนศีรษะ ไม่มีเลือดออก ให้ผู้ป่วยลุกนั่งได้ และให้ลุกเดินได้ในวันต่อมา
สังเกตภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด คือ brain abscess, meningitis หรือ facial paralysis เช่น คลื่นไส้ อาเจียน คอแข็ง ซึม มีไข้ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ รายงานแพทย์เพื่อให้ ยาปฏิชีวนะ
• สองวันแรกหลังผ่าตัดควรให้อาหารอ่อน ต่อไปจึงให้อาหารธรรมดา
ให้ผู้ป่วยเคี้ยวอาหารด้านตรง ข้ามกับหูข้างที่ผ่าตัด
• รักษาความสะอาดปากและฟัน ไม่ให้นํ้าเข้าหู ห้ามก้มมากๆ
ห้ามขึ้นเครื่องบิน งดกิจกรรมที่ออก แรงมากๆ 2 สัปดาห
ความผิดปกติในการได้ยิน
เกิดจากโรคของหูชั้นในหรือจากการผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 8ทําให้หูตึง สูญเสียการได้ยินจากหูชั้นใน อาจเป็นแต่กําเนิดตั้งแต่อยู่ในครรภ์
หูชั้นในอักเสบ การได้รับความกระทบกระเทือนซึ่งมีผลทําลาย auditory nerve จากการประกอบอาชีพซึ่งได้รับเสียงดังมากๆ อยู่เสมอ
การเปลี่ยนแปลงของ auditory nerve ในผู้สูงอาย
ประเมินภาวะสุขภาพ
ซักประวัติ
การได้ยินค่อยๆ ลดลง และจะมีอาการมากขึ้นเรื่อยๆ การได้ยินจะดีขึ้นเมื่ออยู่ในที่มีเสียงดังมากๆ
หูอื้อ เวียนศีรษะ แต่จะไม่มีอาการปวด
ความผิดปกติของการได้ยินในระยะแรกจะเป็นข้างใดข้างหนึ่ง
ต่อมาอาจเป็นทั้งสองข้าง
ตรวจร่างกาย
เยื่อแก้วหูปกติ อาจพบมีการบวมแดงของหูชั้นกลางและเยื่อแก้วหู
การนําเสียงทางกระดูกดีกว่าการนําเสียงทางอากาศ
ตรวจพิเศษ: พบการเปลี่ยนแปลงของกราฟการนําเสียงผ่านอากาศ ในขณะที่กราฟแสดงการนําเสียงผ่านกระดูกปกต
การพยาบาล
แนะนําการใช้เครื่องช่วยฟัง
ใช้การฟังเสียงร่วมกับการใช้สายตา ดูริมฝี ปาก
ขี้หูอุดตัน
ประเมินภาวะสุขภาพผู้ป่
ตรวจร่างกาย: พบขี้หูอุดตัน
ตรวจพิเศษ: ผลการตรวจ Audiogram พบการได้ยินลดลง
ซักประวัติ: หูอื้อ ปวดหู คันในช่องหู ประวัติเยื่อแก้วหูทะลุ
มีการติดเชื้อของช่องหูช้ันนอก
การรักษา
นําขี้หูออกโดยการล้าง ใช้เครื่องดูด โดยใส่นํ้ายา glycerin หรือ
พวก mineral oil, hydrogen peroxide อุ่นๆ 2-3 หยดเข้าไปใน
ช่องหู 30 นาทีเพื่อให้ขี้หูอ่อนตัว โดยหยอดประมาณวันละ 2-3 ครั้ง หลายๆ วันก่อนล้างหู ใช้เครื่องดูดที่มีแรงดันตํ่ามากๆ เพื่อป้องกันเยื่อแก้วหูทะลุ ใน ผู้ป่วยเบาหวานต้องใช้นํ้ายาที่สะอาดปราศจากเชื้อ
ถ้ามีขี้หูอุดตันไม่มากสามารถใช้เครื่องมือช่วยในการนําออก
การพยาบาล
• ใช้คําพูดที่ชัดเจน ไม่ควรตะโกน
สอนวิธีล้างหูและหยอดยา ทําความสะอาดหู ไม่ทําให้ช่องหูถลอกเป็นแผลจากการแคะขี้หู เช็ดทํา ความสะอาดเพื่อป้องกันการทําลายผิวหนังในช่องหู
ตรวจการได้ยิน ตรวจเยื่อแก้วหู เพื่อดูภาวะการ ฟังเสียงที่บกพร่องไป เพราะการได้ยินอาจลดลงได้โดยเป็นผลมาจากการอุดตันของช่องหู