Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยทมี่ีปัญหาของ ระบบทางเดินปัสสาวะ ระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง …
การพยาบาลผู้ป่วยทมี่ีปัญหาของ ระบบทางเดินปัสสาวะ ระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง
หน้าที่ของไต
ปรับความสมดุลของน้ำ เกลือแร่ความเปน็กรดด่าง
สร้างฮอร์โมน
ขับของเสียออกจากรา่งกาย (BUN,Cr,Uric acid)
การติดเชอื้ของกระเพาะปัสสาวะ (cystitis)
สาเหตุ
การคาสายสวนปัสสาวะ
การฉายรังสี (radiation)
การมีก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
การมีเพศสัมพันธุ์ ซึ่งเป็นถ่ายทอดเชื้อโรคสู่เพศ ตรงข้าม (exposure)
พยาธสิรรีวิทยา
เนื้อเยื่อจะบวมแดงทั่วไปหรือเป็นหย่อมๆบางแห่งอาจมี เลือดออก
หากไม่ได้รับการรักษาจะกลายเป็นการอักเสบเรื้อรัง มีการลุกลามไปกล้ามเนื้อรอบๆ กระเพาะปัสสาวะ อักเสบด้านนอก มีพังผืดเกิดขึ้น ท าให้กระเพาะ ปัสสาวะหดเล็กลง
เมื่อมีการติดเชื้อเกิดขึ้น จะมีการอักเสบของกระเพาะ ปัสสาวะชั้นmucosa และ submucosa เท่านั้น
ภาวะแทรกซอ้น
กรวยไตอักเสบ
นิ่วในกระเพาะปสัสาวะ
ต่อมลูกหมากอกัเสบ
อาการและอาการแสดง
ปัสสาวะขุ่น หรือสีโคล่าหรือสีแดง
ปัสสาวะบ่อยและบางครั้งกลั้นปัสสาวะไม่ได้
เจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะ (burning)
มีอาการไข้สูง อ่อนล้า
มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
การประเมินภาวะสุขภาพ
การตรวจรา่งกาย กดเจ็บท้องน้อย ในผู้ชายอาจ พบต่อมลูกหมากโต
การตรวจทางหอ้งปฎบิตัิการ พบ WBC ,RBC ท าการเพาะเชื้อพบแบคทีเรียจ านวนมาก
การซกัประวัติ ถ่ายปัสสาวะขัด และปวดแสบปวด ร้อน ขณะถ่ายรู้สึกปวดท้องน้อย
การพยาบาล
ให้ยาแกป้วด (analgesic)
หลีกเลี่ยงการสวนปัสสาวะ
ให้ความรใู้นเรอื่งการปฏิบตัตินเพอื่ปอ้งกนัการ ติดเชื้อ
ดูแลใหไ้ดร้บัสารนา้ อยา่งเพียงพอ ให้ดื่มนา้ มากๆ
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ Urinary Tract Infection (UTI)
การตดิเชื้อในระบบทางเดนิปสัสาวะแบบไม่ซบัซอ้น (uncomplicated UTI) คือ การติดเชื้อในผู้ป่วยที่มีสุขภาพ แข็งแรงโดยมีหน้าที่หรือโครงสร้างของระบบทางเดินปัสสาวะ ปกติ
การติดเชื้อระบบทางเดนิปสัสาวะแบบซับซ้อน (complicated UTI) คือการติดเชื้อ ในผู้ป่วยที่อ่อนแอ หรือ มีโครงสร้างและหน้าที่ของระบบทางเดินปัสสาวะผิดปกติ ได้แก่ ผู้ชาย เด็ก สตรีตั้งครรภ์ มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน
อุบัติการณแ์ละระบาดวทิยา
ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบพบบ่อยมากใน ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเนื่องจากท่อปัสสาวะผู้หญิง สั้นกว่าผู้ชาย
ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและผู้ป่วยที่เคยมี การอักเสบสามารถเกิดการติดเชื้อได้อีก
พยาธิสรรีวทิยา
•เมื่อมีการติดเชื้อขึ้นในระบบทางเดินปัสสาวะ เชื้อจะเข้าไปในบริเวณท่อไตซึ่งจะกระตุ้นท่อ ไตให้บีบตัว เชื้อบางชนิด เช่น E.coli จะหลั่ง endotoxin ซึ่งมีผลต่อ αadrenergic nerve ในกล้ามเนื้อเรียบ ท าให้การท างานของท่อไตลดลงและมีการ ขยายตัวของท่อไต
เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินปัสสาวะ
เชอื้โรคกระจายตัวมาทางกระแสเลอืด (hematogenous route)
เชอื้โรคกระจายมาทางกระแสนา้ เหลอืง (lymphatic route)
การติดเชื้อยอ้นกลบัขึ้นไปจากท่อปสัสาวะ (ascending infection)
อาการและอาการแสดงของ UTI
แบ่งอาการออกตามต าแหน่งที่มีการติดเชื้อเป็น upper และ lower tract UTI
ขึ้นกับต าแหน่งของการติดเชื้อเป็นส าคัญ
Upper UTI •มีอาการเจ็บชายโครง ร่วมกับมีไข้หรือไม่กไ็ด้ •ในกลุ่มอาการรุนแรงอาจมีอาการ sepsis จนกระทั่งถึงช็อกได้
Lower UTI •ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะบ่อย แสบขัด หรือมีปัสสาวะเป็นเลือด
ภาวะแทรกซอ้น
จะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ถ้าได้รับการรักษา ทันทีและเหมาะสม แต่ถ้ารักษาล่าช้าจะมีความรุนแรงของโรคมากขึ้น
ปัจจัยเสยี่งที่ท าใหเ้กดิ UTI มากยงิ่ขึ้น
นิ่วหรอืการอดุกน้ัทางเดินปัสสาวะ ท าให้เชื้อเจริญเติบโตง่ายและ ความ ดันที่สูง
Vesico-ureteral reflux (VUR) เมื่อมีการติดเชื้อจะท าให้ reflux เป็นรุนแรงขึ้น VUR
Incomplete emptying of bladder ปัสสาวะที่ค้างจะเป็นตัวเพาะ เชื้อโรคที่ดี
เบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานมักเป็น UTI ได้บ่อยกว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน 3-4 เท่า
แนวทางการรกัษา
การให้สารน้ำอย่างเพียงพอ
การตรวจติดตามผลการตรวจปัสสาวะซ้ าเพื่อประเมินว่ายาที่ไห้ได้ผล หรือไม่
ยาแก้ปวด ยาลดไข้
การพยาบาล
อาการปัสสาวะแสบขดัจะเป็นมากขน้ึในขณะถา่ยปสัสาวะใกล้จะสดุ
ดูแลใหผู้้ป่วยได้ดื่มนา้ และรบัประทานอาหารพอเพยีง
Uro : Non infection : lithiasis, CA bladder, neurogenic bladder
การอุดกั้นของระบบทางเดินปสัสาวะ
Partial obstruction อุดกนั้เพยีงบางส่วน น้ าปัสสาวะไหลผ่านไปไดบ้า้ง
Complete obstruction อุดกั้นอยา่ง สมบูรณ
จำแนกตามต าแหนง่ทเี่กิดการอดุกนั้ทางเดินปัสสาวะ ส่วนบน การอดุกนั้ทางเดนิปัสสาวะ ส่วนล่าง หมายถงึ อุดกนั้ตงั้แต่ คอ กระเพาะปัสสาวะ
พยาธิสรีรวิทยา
การอดุกนั้ในระยะแรก กล้ามเนื้อจะบีบตัวแรงขึ้น เพื่อผลักดันให้ปัสสาวะไหลผ่านได้ตามปกติ กล้ามเนื้อจะโตและหนาขึ้น ระยะนี้เป็นการ ท างานทดแทน โดยไม่เสียหน้าที่ เรียกว่า Compensatory hypertrophy
ถ้าการท างานทดแทนเสยีไป กล้ามเนื้อจะอ่อนแอ โป่งพองและบางลง เรียกว่า Decompensatory ซึ่งจะส่งผลของการอุดกั้น เหนือต าแหน่งนั้นขึ้นไป สุดท้ายจะมีผลต่อหน้าที่ ของไต
หลักการรกัษา
ระบายน้ าปสัสาวะเหนือตา แหน่งที่มกีารอุดกนั้ เพื่อลดการ คั่งค้างของน้ าปัสสาวะ และแก้ไขภาวะอุดกั้น
ขจัดการตดิเชื้อ เมื่อแก้ไขสาเหตุ การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ แล้ว ต้องขจัดปัญหาการติดเชื้อโดยใช้ยาปฏิชีวนะที่ตรงกับ เชื้อนั้นๆ
แก้ไขปญัหาปสัสาวะคงั่เฉยีบพลนั โดยที่แก้ไขที่สาเหตุนั้นๆ
นิ่วระบบทางเดินปสัสาวะ
การรวมตัวจับ เป็นก้อนผลึกของสารที่ละลายอยู่ในน้ าปัสสาวะกับสาร คอลลอยด์ ซึ่งเป็นโปรตีนที่ละลายอยู่ในน้ าปัสสาวะ
สาเหตุ
สาเหตคุวามผดิปกติที่เกย่ีวกบัภายในตัวผู้ป่วยเอง เช่น พันธุกรรม อายุและเพศ ความผิดปกตใินการท างานของต่อม พาราไทรอยด์ ซึ่งหลั่งฮอรโ์มนที่ควบคุม
ความเขม้ขน้ของนา้ ปัสสาวะ เช่น ผู้ป่วยดื่มน้ าน้อยกว่าปกติ
มีการตบีแคบของระบบทางเดินปสัสาวะ ซึ่งอาจมีมาแต่ก าเนิด
การอกัเสบติดเชอื้ในระบบทางเดินปสัสาวะ
สิ่งแปลกปลอมที่หลดุเขา้ไปในทางเดินปสัสาวะ เช่น สายสวนปัสสาวะ
ยาบางอยา่ง เช่น ยาลดกรดที่กินเป็นเวลานานท าให้ ปัสสาวะมีฤทธิ์เป็นด่าง จะเกิดนิ่วฟอสเฟตได้ง่าย
สภาพภมูศิาสตร ์เช่น ภาคเหนือ และภาคอิสาน สภาพอากาศและฤดูกาล สภาพโภชนาการ การกินอาหารพวกเครื่องในสัตว์ ยอดผัก สาหร่าย จะท าให้เกิดกรดยูริคสูง
สาเหตุเกยี่วกบัลกัษณะของนา้ ปสัสาวะ ปกติน้ าปัสสาวะมีส่วนประกอบของ เกลือ ฟอสเฟตหรอื คาร์บอเนตของแคลเซยี่ม แมกนเีซยีม หรือแอมโมเนีย
น้ าปัสสาวะ Urine
แคลเซียมฟอสเฟต (calcium phosphate) พบในผู้ป่วยที่รับประทานอาหาร จ าพวกแคลเซียมมากเกินไป
แมกนเีซยีม แอมโมเนยีมฟอสเฟต (magnesium ammonium phosphate) มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
แคลเซียมออกซาเลท (calcium oxalate) พบได้ในผู้ป่วยที่รับประทานผักใบ เขียว ยอดผัก
พยาธสิรรีวิทยา
การระคายเคืองเฉพาะที่ ก้อนนิ่วเมื่อเกิดขึ้นที่ไต จะท าให้มีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะที่ของ เนื้อไต จากการศึกษาทางพยาธิสรีรวิทยาพบว่า การอักเสบท าลายเยื่อบุผิว
การติดเชื้อที่เกดิขนึ้รว่มกบันวิ่ในระบบทางเดินปสัสาวะ มีหนองเกิดขึ้นเป็นหย่อมๆเนื้อไต จะซีดและมีขนาดเล็กลง มีผลท าให้ เกิดการท าลายเนอื้เยอื่ไตอยา่งรวดเรว็
การท าหน้าที่ของไตลดลง เมื่อมีการอุดกั้นที่ไต หรือ ท่อไต อาจจะอุดกั้นบางส่วนหรือ ทั้งหมดท าให้ไตขับถ่ายของเสียลดลง (Decrease excretory function)
นิ่วในไต (renal calculi, RC)
มักพบในผู้ใหญ่ นิ่วที่เกิดขึ้นนั้นหากยังมีขนาดเล็ก ประมาณ 4 – 5 มม. จะเคลื่อนที่ตามแรงบีบตัวไล่ปัสสาวะจากไตผ่านท่อไต
ถ้านิ่วกอ้นใหญห่รอืเป็นแบบชนิดกงิ่ (staghorn calculus)
จะไม่มีการเคลื่อนท ี่ มีรูปร่างคล้ายลกัษณะของ กรวยไต
นิ่วชนิดนี้จะไม่เกิดการอุดตนัในทันท ี
Staghorn calculus
อาการและอาการแสดง
ถ้ามีการอดุกนั้เพิ่มขน้ึเรอื่ย ๆ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมาก จนดิ้น (colicky pain) ปวดที่สีขา้งหรอืด้านหลังอาจปวดรา้วลงมาที่อวยัวะสบืพนัธุ์หรอืหนา้ขา ปัสสาวะเป็นเลือด
นิ่วในหลอดไต (ureteric calculi, UC)
บริเวณที่ท่อไตพาดผ่านเส้นเลอืดไอลิแอค (pelvic brim)
รูเปิดของท่อไตเขา้สู่กระเพาะปัสสาวะ (ureterovesical junction)
ตรงรอยตอ่ของกรวยไตกบัท่อไต (ureteropelvic junction)
นิ่วในกระเพาะปสัสาวะ (vesical calculi, VC)
ส่วนมากเกดิการอดุกนั้ทคี่อปสัสาวะ (bladder neck) มักเกิดการคงั่คา้งของปสัสาวะรว่มกบัการตดิเชอื้
อาการและอาการแสดง
ปัสสาวะสีเหลืองเข้มปสัสาวะเป็นเลอืด ปัสสาวะขนุ่ มี แบคทเีรยี หนองและตกตะกอนแขวนลอย (Crystals)
การตรวจวนิิจฉัย
ตรวจพบระดบัแมกนีเซียมฟอสเฟต สูงกว่าปกติ
ตรวจหาพาราไทรอยดฮ์อรโ์มน อาจสูงกว่าปกติ ในผู้ป่วยที่มี ภาวะของต่อม พาราไทรอยด์ท างานมากกว่าปกติ
KUB (Kidney, Ureters, Bladder) ดูว่านิ่วอยู่ บริเวณใด
IVP (Intraveneous pyelography) เป็นการตรวจโดย ฉีดสารทึบรังสีเข้าเส้นเลือดด าแล้วถ่ายภาพรังสีเป็นระยะๆ
การรกัษา
การผ่าตัด
การผ่าตัดกรวยไตเอานิ่วในไตออก (pyelolithotomy) โดยผ่าเปิดบริเวณสีข้างเข้าไปที่ กรวยไต (renal pelvis)
การผา่ตัดเข้าไปที่ไตโดยเปิดเขา้ทางสขีา้งเขา้ไปที่ ไต ผ่าไตตามยาวเป็น 2 ซีก เท่ากนัและคบี นิ่วออก
การผ่าตัดไตออกเมอื่มกีารอดุตนัอยนู่านจนไต ข้างนนั้ใชก้ารไมไ่ดแ้ล้ว อาจเป็นแบบตัดไตออก บางสว่น
การผ่าตัดเปิดเขา้ไปทางสขีา้งหรอืหนา้ท้อง ส่วนล่างไปถงึหลอดไตเปิดหลอดไตเอานวิ่ใน หลอดไตออก
การผ่าเหนอืหัวเหนา่เขา้ไปในกระเพาะปสัสาวะ แล้วเอานิ่วออก
การสอดกลอ้งเข้าไปในกระเพาะปสัสาวะ(litholapaxy) ในรายที่นิ่วใหญ่ไม่เกิน 4 ซม. ไม่แข็งมาก
ภาวะแทรกซอ้นหลังการผ่าตดั
การตกเลือด
การอุดกั้นทางเดนิปัสสาวะจากเศษนวิ่
มีรูทะลุเข้าไปในทางเดินปัสสาวะ
มีการฉีกขาดหรืออักเสบของทางเดินปัสสาวะ
การตดิเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
หลักการดูแลที่ส าคญั
การเตรียมผู้ปว่ยทงั้ทางด้านรา่งกายและจิตใจ
อธิบายและใหข้อ้มูลเกยี่วกบัการรกัษา pre-post op
ดูแลให้ผู้ปว่ยไดร้บัการระบายปสัสาวะทางสายยางตา่ง ๆ
ดูแลและป้องกนัภาวะตกเลือดหลังผ่าตัด
บันทึกจา นวนสารนา้ ที่ได้รบัและที่ขบัออกจากรา่งกายในแต่ละวัน
การลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัดและอาการปวดจากการมีปัสสาวะคงั่คา้ง
การเจาะผ่านผิวหนังเข้าสู่ไตเปิดแผลเล็ก ๆ บริเวณสขีา้ง ใส่ท่อเลก็ ๆ ที่ติดกล้องส่องผ่านเขา้ไปเพื่อขบนวิ่ให้แตก
percutaneous nephrolithotripsy, PCNL
การสลายนิ่ว อาศัยคลื่นเสียงความถสีู่งวงิ่ผา่นน้ า เล็งเขา้ที่ นิ่วคลนื่จะกระทบนวิ่แตกละเอียด และเศษนิ่วหลดุออกมาทาง ปัสสาวะ (extracorporeal shock wave lithotripsy, ESWL)
ก้อนนิ่วถกูทา ให้แตกเป็นเศษเล็ก ๆ โดยการใชเ้ลเซอร์ (laser therapy)
extracorporeal shock wave lithotripsy, (ESWL)
หลักการพยาบาลผู้ปว่ยที่ได้รับการสลายนิ่ว (ESWL)
ข้อจ ากดัในการสลายนวิ่...
นิ่วไม่ควรมีขนาดโตเกินไป โดยรวมแล้วนิ่วในไตไม่ควรโตเกิน 2.5 ซ. ม. นิ่วในท่อไตไม่ควรโตเกิน 1-1.5 ซ.ม.
ข้อห้ามในการสลายนิ่ว
ผู้ป่วยที่ก าลังตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดแดงในช่องท้องโป่งพอง
ประโยชนข์องเครื่องสลายนิ่ว
ใช้สลายนิ่วขนาดไม่เกิน 2 เซนตเิมตร
อาการภายหลังทา การสลายนิ่ว
สลายนวิ่แลว้นวิ่ทแ่ีตกเป็นกอ้นเลก็ๆ จะออกมาปนกบัน ้าปสัสาวะซงึ่อาจมี เลือดปนออกมาด้วย ปัสสาวะจะเป็นลักษณะนี้อยปู่ระมาณ 2-3 วัน หลังท า
การรกัษาด้านอายรุศาสตร์
กระเจี๊ยบแดงหรือหญ้าหนวดแมว
หลักการดแูลผู้ปว่ย
งดอาหารที่ส่งเสรมิใหเ้กดินิ่ว ซึ่งขึ้นกับชนิดของนิ่ว
นอกจากนอี้าจใชห้ญา้หนวดแมว หรือกระเจยี๊บแดง เพราะมีฤทธเิ์ป็นด่าง
แนะน าถึงวธิกีารใช้ยาบางประเภท เพื่อขับปัสสาวะและลดระดับสารก่อนิ่วในปัสสาวะ เช่น
เมื่อกลับไปอยู่บ้านแนะน าผู้ป่วยไม่ควรท างานหนักหรือยกของหนัก อย่างน้อย 6 สัปดาห์
มะเร็งกระเพาะปสัสาวะ (Bladder cancer)
3 ชนิดตามชนดิของเซลล์
Squamous Cell Carcinoma (SCC) เกิดจากเซลล์รูปสี่เหลี่ยม
Adenocarcinoma เกิดจากเซลล์ที่เป็นต่อมเกิดจากการระคายเคืองหรือติดเชื้อ เรื้อรังที่กระเพาะปัสสาวะเช่นกัน
Transitional Cell Cancer (TCC) พบบ่อยที่สุดเกิดจากเซลล์เยื่อบุชั้นในสุด
สาเหตุ
ปัจจัยเสยี่ง คือ การสูบบุหรี่, เป็นนิ่วเรื้อรัง, สัมผัสสารเคมี นานๆ, กินเนื้อปิ้งย่าง, อาหารไขมันสูง,
ชายผิวขาวสูงอายุ, ติดเชอื้พยาธบิางชนิด
อาการและอาการแสดง
ในระยะแรก มักไม่มีอาการแสดง อาการที่พบได้ในผู้ป่วย โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ปัสสาวะเปน็เลอืด ผู้ป่วยส่วนใหญ่ประมาณ 75-90% บางครั้งอาจมอีาการคลา้ยกระเพาะปสัสาวะอกัเสบ (พบได้ ประมาณ 20%) คือ ปัสสาวะบ่อย แสบ หรือขัดเนื่องจาก เลือดที่ออกมาจับเป็นลิ่ม
ในระยะลกุลาม คล าต่อมนา้ เหลอืงได้ที่ขาหนีบหรอืเหนอืไหปลาร้า เมื่อ โรคแพรก่ระจายไปที่ต่อมน้ าเหลอืง, มีอาการไอ หายใจ ล าบาก เมื่อโรคแพร่กระจายไปที่ปอด, มีอาการปวด กระดูก
การตรวจวนิิจฉยัมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
การซักประวตัิและการตรวจร่างกาย ซึ่งอาจพบอาการปัสสาวะเป็นเลือด
การตรวจเลอืดซบีซีี (CBC) การตรวจทางห้องปฏิบตัิการ ซึ่งอาจพบว่าผู้ป่วยมีภาวะซีด หรือภาวะโลหิตจางได้
การตรวจปสัสาวะ (Urinalysis)
การตรวจไตและทางเดนิปสัสาวะโดยการฉดีส ี(Intravenous pyelogram – IVP)
การรกัษาโดยการผ่าตัด
การผ่าตัดโดยการสอ่งกลอ้งผ่านทางท่อปัสสาวะเพอื่ตดัชนิ้เนอื้งอกของ กระเพาะปัสสาวะออกเป็นชนิ้เล็ก ๆ (Transurethral resection of bladder tumor – TURBT)
การผ่าตัดกระเพาะปสัสาวะออกบางสว่น (Partial cystectomy หรือ Segmental cystectomy)
การผ่าตัดกระเพาะปสัสาวะออก ทั้งหมด (Radical cystectomy)
การผ่าตัดท าทางเดินปสัสาวะใหม่ (Urinary diversion) ภายหลังการผ่าตัดกระเพาะปัสสสาวะ ออก ซึ่งแพทย์สามารถท าได้ 3 วิธีหลัก ๆ Ileal conduit
การผ่าตดัทา ทางเดินปัสสาวะใหม่ (Urinary diversion) Neobladder เป็นการ ผ่าตัดท ากระเพาะปัสสาวะ ขึ้นมาใหม่โดยใช้บางส่วน ของลา ไส้เลก็มาเยบ็ติดเป็น กระเปาะเชื่อมต่อกบัทอ่ ปัสสาวะ แล้วนา ท่อไตทั้ง 2 ข้างมาเยบ็ต่อเขา้ กระเพาะปัสสาวะใหม ่
Ileal conduit
การดูแล
การดูแลผปู้ว่ยหลงัผา่ตัดเปลยี่นช่องทางขับถา่ยปสัสาวะ (Lewis et al., 2011; Cleveland Clinic, 2009)
การสังเกตสแีละลกัษณะของน ้าปสัสาวะ ปกติปัสสาวะจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ใน ระยะแรกหลังผ่าตัดน ้าปัสสาวะที่ขับออกมาอาจมีเมือกปนลักษณะสีขาวขุ่นไม่มี กลิ่น
การรับประทานอาหารและน้ำ รับประทานอาหารที่สง่เสรมิให้ปสัสาวะเปน็กรด เช่น น ้ากระเจยี๊บแดง ควรรบัประทานอาหารที่มี โซเดียม และโปแตสเซยีมสงู
การดูแลผปู้ว่ยผา่ตัดกระเพาะปสัสาวะใหมโ่ดยวธิ ี neobladder ฝึกการคลาย กล้ามเนอื้หูรดู (sphincter) และเกรง็กลา้มเนอื้หน้าทอ้ง ช่วย
การรักษาโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
รังสีรักษา
เคมีบ าบัด
ระยะที่ 0-1 การรกัษาอาจท าโดย การผ่าตัดโดยการส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะ (Transurethral resection) และใช้ยาเคมีบ าบัดใส่เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ
ระยะที่ 2-3 การรกัษาอาจทา โดย การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออกทั้งหมด การให้ยาเคมีบ าบัดหลายชนิดร่วมกัน (Combination chemotherapy)
ระยะที่ 4 ถ้ามะเร็งยังไมแ่พรก่ระจายไปยงัส่วนอนื่ ๆ ของรา่งกาย การรักษา อาจท าโดย การให้ยาเคมีบ าบัดเป็นหลัก การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออกทั้งหมดแล้วตามด้วยการให้ยาเคมีบ าบัด
ระยะที่ 4 ส่วนในรายที่มะเรง็แพรก่ระจายไปยังสว่นอนื่ ๆ ของรา่งกายแล้ว เช่น ปอด ตับ หรือกระดูก การรักษา มีทั้งการให้ยาเคมีบ าบัดเพียงอย่างเดียวหรือร่วมกับการรักษาเฉพาะที่ (การผ่าตัดหรือการฉายรังสี)
การพยาบาลก่อนผ่าตัด :
การเตรียมความสะอาดของลา ไส้ โดยให้อาหารที่มีกากน้อย (low residualdiet) ก่อนท าผ่าตัด ประมาณ 1 วัน
Cystostomy เป็นกระบวนการทาง ศัลยกรรมเพื่อเปิดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ หรืออาจจะเรียกให้ละเอียดว่า suprapubic cystostomy หรือ suprapubic catheterization
การดูแลทางจติใจ ท าทางระบายใหม่ให้ ปัสสาวะไหลออกมาทางหนา้ทอ้งหรอืตอ่กระเพาะปัสสาวะใหม่เขา้กบั ท่อปัสสาวะ (cutaneous ureterostomy, ileobladder )
การสวนล้างกระเพาะปัสสาวะตอ่เนื่องตลอดเวลา (continuous bladder irrigation)
ข้อบ่งชี้
ผู้ป่วยที่ผ่าตัดในทางเดินปัสสาวะเช่น ผ่าตัดต่อมลูกหมาก เนื้องอกใน กระเพาะปัสสาวะ นิ่วในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งผู้ป่วยมักมีปัสสาวะเป็นเลือด อาจจะท าให้เกิดลิ่มเลือดไปอุดกั้นกระเพาะปัสสาวะไม่ให้ไหล หรือไหลไม่ สะดวก
ผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบติดเชื้อมาก เกิดกระเพาะปัสสาวะขุ่นเป็นตะกอน ขาวหรือเป็นหนอง
หลักการสวนลา้งกระเพาะปสัสาวะ
ให้รีดดึงสายสวนปสัสาวะ ถ้ายังไมไ่หลลองใช้กระบอกสวนลา้ง(Syringe irrigate) ที่ปลอดเชื้อดูดเบาๆ ถ้ายังไมไ่ด้ผลอาจจะต้องดันยาเข้าไปแรงๆ อีกครั้งให้สงิ่อดุ ตันหลุด หรือลมิ่เลอืดแตกแลว้ลองดูดออกถา้ไมไ่ดผ้ลให้รายงานแพทย
การพยาบาลผู้ป่วยกระเพาะปสัสาวะพกิาร เนื่องจากประสาทได้รบัอันตราย
เป็นความผิดปกตใินการทา งานของ กระเพาะปสัสาวะ อันเนื่องจากโรคและความผิดปกตขิอง ประสาทที่มาเลี้ยงกระเพาะปสัสาวะ
ชนิดของกระเพาะปัสสาวะพกิาร
Sensory paralytic bladder
Motor paralytic bladder
Uninhibitory neurogenic bladder
Autonomous paralytic bladder
Relax paralytic bladder
การฝึกกระเพาะปัสสาวะ
การจัดน้ำดื่ม
การจดัท่าทางใหผู้้ป่วย
การจัดเวลาใหฝ้ึกถา่ยปัสสาวะ เช่น ผู้ป่วยมักมี ปัสสาวะไหลออกมาเองในเวลา 10.30
การกระตุ้นใหผู้้ป่วยรสู้กึอยากถา่ยปัสสาวะ
การช่วยเหลอืให้ผปู้ว่ยถา่ยปสัสาวะด้วยเทคนคิต่างๆเปน็เวลา และให้มปีสัสาวะเหลอื ค้างเพียงจา นวนเลก็นอ้ย โดยไม่ต้องมที่อระบายปสัสาวะ
กรวยไตอักเสบ (pyelonephritis : PLN)
การอักเสบของกรวยไต (renal pelvis) อาจเกิดขึ้นข้างเดียวหรือสองข้างอาจเกิดหนองเป็นหย่อม ๆ บริเวณเนื้อไต หลอดไต
สาเหตุมักเกิดจาก bacteria gram – negative และเริ่มมาจาก lower tract. แบคทีเรีย เช่น E.Coli, เครบเซล ล่า
กรวยไตอักเสบเฉยีบพลัน ( acute pyelonephritis)
มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดสีข้าง บริเวณ costovertebral agel (flank) และบรเิวณ หัวเหนา่
กรวยไตอกัเสบเรอื้รงั (Chronic pyelonephritis)
มักเกดิจากการไหลยอ้นกลบัของปัสสาวะจากกระเพาะ ปัสสาวะสู่ทอ่ไต
พยาธิสรรีวิทยา
เมื่อมีการอักเสบไตจะขยายใหญ่ขึ้น เกิดมีการคั่งของเลือดและบวม มี การติดเชื้ออยา่งรนุแรงเป็นหย่อมๆ กรวยไตจะบวม และมีลักษณะแดงจัด ผิวไต จะมีลักษณะขรุขระ จากการเกดิแผลเป็นและมีผังผดื (fibrosis)
ภาวะแทรกซอ้น
ความดันโลหติสงู
ภาวะยูรเีมีย (Uremia) การติดเชื้อมีการอักเสบเป็นๆหายๆ
อาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน บางครั้งอาจมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
อาการและอาการแสดง
ระคายเคืองของกระเพาะปัสสาวะ อาจมีไข้ต่ า ๆ เป็น ๆ หาย ๆ ปวดบริเวณไตทั้งสองข้าง เมื่อเป็นนานๆ พบมี ความดันโลหิตสูง(hypertension)
การรกัษา Acute pyelonephritis
ยาปฏิชีวนะควรให้ยาตาม bacteria sensitive
การให้ยาจ าพวกต้านการหดเกรง็ของกระเพาะปัสสาวะ
ให้รับประทานอาหารมีประโยชน์
การรักษา chronic pyelonephritis
การให้ยาปฏชิวีนะ เช่น ซัลโฟนาไมด์ (sulfonamides) หรือ ไนโตรโฟแรนโตอิน (nitrofurantoin)
หากการทา ลายเนื้อไต (renal parenchyma) มีความ ผิดปกตมิาก อาจจ าเป็นต้องผ่าตัด
การพยาบาล
ผู้ป่วยมกัมไีขสู้ง หนาวสั่น ควรดูแลให้เกิดความสุขสบาย ช่วยเช็ดตัวลดไข้ ด้วย
การนวดหลงั ล าตัว (back massages) จะช่วยให้ ผู้ป่วยสุขสบาย
ประเมนิสญัญาณช
ให้คา แนะนา ในการดูแลสขุภาพของตนเอง (self – care) ในเรื่องสุข บัญญัติ การรับประทานอาหาร การขับถ่ายอาจต้องให้ perineal care
ดื่มน้ าให้มากอย่างน้อยวันละประมาณ 3000 ml/day
ไตอักเสบเฉยีบพลนั (Acute GlomeruloNephritis)
สาเหตุ
โรคนี้มักเกิดตามหลังการติดเชื้อแบคทีเรีย กลุ่ม Betastreptococcus group A
กิจกรรมการพยาบาล
หายใจหอบเนื่องจากมภีาวะน้ าเกิน ดูแลให้ออกซิเจน
.มีอาการบวมกดบุ๋ม lab Albumin ต่ า ให้ 20% albumin
มีไข้ ให้ยาลดไข้ เช็ดตัวลดไข้
ดูให้งดอาหารเค็ม Na, K สูง เนื่องจากไตมีการอักเสบ
ปัสสาวะออกน้อย ดูแลให้ยาขับปัสสาวะ
ดูแลให้ยา ATB ตามแผนการรักษา
อาการและอาการแสดง ปัสสาวะเป็นเลือด ความดนัโลหติสูง พบๆได้ร้อยละ 60-70 อาการบวม ปัสสาวะนอ้ย (Oliguria) และปัสสาวะผิดปกติ เลือดผิดปกติ มียูเรยี ไนโตรเจนในเลือดสูง และ โปรตีนในเลือด อาการไขสู้ง หัวใจโต น้ าในชอ่งเยอื่หมุ้ปอด