Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 13 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของ ระบบทางเดินปัสสาวะ…
บทที่ 13 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของ
ระบบทางเดินปัสสาวะ ระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง
ไตบาดเจ็บเฉียบพลันacute renal failure : ARF)(acute kidney injury : AKI)
หมายถึง ภาวะที่ไตมี การสูญเสียการท างานอย่างรวดเร็วในเวลาเป็นชั่วโมงหรือในเวลาไม่กี่วันทำให้ไตไม่สามารถขจัดของเสียออก
เกณฑ์การวินิจฉัย
เกณฑ์ด้านอัตราการกรองของเสียของไต (GFR criteria)
เกณฑ์ Acute Kidney Injury Network (AKIN)
สาเหตุของไตบาดเจ็บเฉียบพลันไตบาดเจ็บเฉียบพลันจำแนกตามพยาธิสภาพได้ 3 ระดับ
Prerenal acute renal failureปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงไตหรือการกับซาบของเนื้อเยื่ปริมาณสารน้ าในร่างกายน้อยกว่าปกติ (hypovolemia)ไต
(renal perfusion) ลดลงความดันต่ำ (hypotension)าวะหัวใจวายเลือดคั่ง (congestive heart failure)
และโรคตับแข็ง (cirrhosis)
Post renal acute renal failureการอุดตันทางเดินปัสสาวะ (obstructive
uropathy)เช่น นิ่ว ก้อนเนื้องอก ต่อมลูกหมากโต
อาจจะมีการอุดตันบางส่วนหรืออุดตันทั้งหมด
3.Intrinsic acute failureหมายถึง โรคที่เกิดจาก
เนื้อไตเองโรคที่เกิดจากทิวบุล (ATN) มีสาเหตุจาก
เลือดมาเลี้ยงไตน้อยลง (ischemicATN)2. เกิดจากสารเคมีหรือยาที่มีผลต่อไตโดยตรง
พยาธิสภาพไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
(acute renal failure)
เมื่อไตมีเลือดไปเลี้ยงน้อยลงจนมีการกระตุ้นระบบ
Angiotensin ท าให้มีการหลั่งแอลโดสเตอโรน (Aldersterone)
ซึ่งเพิ่มการดูดกลับของน้ าที่หลอดไตส่วนปลายมากขึ้น ร่วมกับมีการ
หลั่ง ADH ท าให้มีการดูดกลับของน้ าที่หลอดไตส่วนปลายและท่อไตรวม
มากขึ้น ท าให้ปัสสาวะลดลง ร่างกายเสียสมดุลน้ า เกลือแร่ กรด
ด่าง และมีการคั่งของยูเรียครีเอตินีน
สามารถแบ่งการดำเนินของพยาธิสภาพได้ 4 ระยะดังนี้1. ระยะเริ่มแรก (initial phase) 2. ระยะที่มีการท าลายของเนื้อไต (maintainance)3. ระยะที่มีปัสสาวะออกมาก (Diuretic
phase)4. ระยะที่ไตเริ่มฟื้นตัว (recovery phase)
การตรวจร่างกายตามระบบ
ผิวหนัง ตรวจดูสีผิว
มีผื่นคัน เพราะผู้ป่วยที่มีการคั่งของ
ยูเรีย ครีเอทีนิน และของเสียอื่น ๆ มักจะมี
อาการคันตามล าตัวหรือมีอาการบวม
ทรวงอกและทางเดินหายใจ กลิ่นลมหายใจ
จะมีกลิ่นยูเรีย
หัวใจและหลอดเลือด
อาจพบความดันโลหิต
ต่ าในระยะแรกต่อมาจะมีความดันโลหิตสูง
ร่วมกับภาวะ arrhythmia
ทางเดินอาหาร
อาจพบปากอักเสบ
รับประทานอาหารได้น้อยคลื่นไส้อาเจียน
ท้องอืด อุจจาระร่วงหรือถ่ายอุจจาระเป็น
เลือดสด ๆ
ทางเดินปัสสาวะ
อาจตรวจพบจ านวนปัสสาวะ
ใน 24 ชม. พบว่าน้อยกว่า 400 มล
ระบบประสาท
สับสนซึม ชัก
หรือหมดสติได้
การรวบรวมผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจปัสสาวะ sp–qr. สูงมากกว่า
1.025
การตรวจเลือดมักพบ Na, K สูงมากในเลือด ร่วมกับค่า
BUN, Cr. สูงขึ้น
การตรวจทางรังสีวิทยากรณีที่มีปัญหาการอุด
กั้นทางเดินปัสสาวะ
ผลกระทบของไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
• ท าให้การขับ Na ,K กรดและน้ าลดลง
• มีภาวะ K ในเลือดสูง
ภาวะแทรกซ้อนทางสมอง (ซึม ชัก)
• ภาวะเลือดออกง่าย
• เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (pericarditis)
• ภาวะติดเชื้อง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ
การป้องกันภาวะไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
การประเมินหาปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วย
การให้สารน้ า เพื่อแก้ไขภาวะ pre-renal
การใช้ยาป้องกันยากลุ่ม Dopamine กระตุ้นการไหลเวียนของ
เลือด
การรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะไตบาดเจ็บเฉียบพลันจากสาเหตุ
ก่อนไต
พยาบาล ต้องประเมิน
สภาพการรับรู้ การรู้สติของผู้ป่วย สัญญาณชีพ
ตรวจและบันทึกระบบหัวใจ หลอดเลือด
การรักษาภาวะไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
การรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
จากสาเหตุที่ไต
การรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะไตบาดเจ็บเฉียบพลันจาก
สาเหตุที่ไต
• การรักษาแบบประคับประคอง (Conservative
treatment)
สารน้ าและสารอิเลคโตรลัยท์ (Fluid and Elyte)
1.1 ในระยะที่มีปัสสาวะออกมาน้อยท าให้มีภาวะ K ในเลือดสูงขึ้น
ภาวะความเป็นกรด (Metabolic acidosis)
โซเดียมไบคาร์บอเนต ( NaHCO3) เมื่อ
ตรวจพบ HCO3 ในเลือดต่ ากว่า 10 mEq/ml แต่
ถ้าร่างกายมีภาวะความเป็นกรดรุนแรง หรือแก้ไขด้วยยา
ดังกล่าวไม่ได้ แพทย์อาจจะพิจารณาท า Dialysis
ภาวะฟอสเฟตสูง (Hyperphosphatemia)
อาหาร (Diet)
ผู้ป่วยในภาวะนี้จ าเป็นต้องได้รับพลังงานจากอาหารจำนวนปกติ
ผู้ป่วยระยะนี้ควรได้รับพลังงานจากอาหาร
จ ากัดหรือหลีกเลี่ยงอาหารที่มี โปแตสเซียมสูง (K)
การรักษาด้วยการทำไดอะลัยสิส (Dialysis)
ข้ออวินิจฉัยการพยาบาลในผู้ป่วยไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
ภาวะความไม่สมดุลของน้ า และโซเดียม เนื่องจากไตเสื่อมหน้าที่
ภาวะโปแตสเซียมในเลือดสูง และภาวะความเป็นกรด เนื่องจากไตเสื่อมหน้าที่
ภาวะขาดสารอาหาร เนื่องจากมีการสลายตัวของโปรตีน และผลของการเบื่ออาหารคลื่นไส้และอาเจียน (จากภาวะยูรีเมีย)
ภาวะติดเชื้อ เนื่องจากร่างกายมีความต้านทานต่ำ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลในผู้ป่วยไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
ที่ได้รับการรักษาด้วย การล้างช่องท้องอย่างถาวร (CAPD)
• วิตกกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อในระหว่างท า CAPD
เนื่องจากความรู้เพื่อป้องกันการติดเชื้อยังไม่เพียงพอ
• ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ / เสี่ยงต่อภาวะทุโภชนาการเนื่องจากขาดความรู้ที่ถูกต้องในการบริโภคอาหารในระหว่างการรักษาด้วยวิธีล้างช่องท้องอย่างถาวร
ไตเรื้อรัง
(chronic kidney disease)
ไตเรื้อรัง (chronic kidney disease)ป็นภาวะที่ตมีความผิดปกติ มีการสูญเสียหน่วยไต
ผลของการเสื่อมหน้าที่ของไตท าให้มีการคั่งของของเสีย
** ผลการตรวจเลือดพบ ครีเอตินิน (creatinin) มากกว่า3 มก./ดล. เป็นเวลานานกว่า 3 เดือน
ผู้ป่วยที่มีภาวะไตผิดปกตินานติดต่อกันเกิน 3 เดือน
1.1 ตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจปัสสาวะอย่างน้อย 2 ครั้ง
1.2 ตรวจพบความผิดปกติทางรังสีวิทยา
1.3 ตรวจพบความผิดปกติทางโครงสร้างหรือพยาธิสภาพจากผลการเจาะเนื้อเยื่อไต
ผู้ป่วยที่มีGFR น้อยกว่า 60 มล./นาที/1.73 ตารางเมตร ติดต่อกัน
เกิน 3 เดือน
สาเหตุ
กลุ่มอาการเนฟโฟติคกลายเป็นหลอดเลือดฝอยไตอักเสบเรื้อรัง
กรวยไตอักเสบเรื้อรัง
โรคหลอดเลือด
มีความผิดปกติของไตแต่กำเนิด
การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
โรคที่มีผลทั่วระบบ
พยาธิสรีรวิทยาของไตเรื้อรัง
ตามปกติไตมีความสามารถที่จะรักษาภาวะสมดุลภายในร่างกาย
อาการและอาการแสดงของไตเรื้อรังจะปรากฎเมื่อหน้าที่ของไตเสียไป
มากกว่าร้อยกว่า 75 – 80
ขั้นตอนของไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 4 ระยะ
การทำงานของไตลดลง (Early stage ordiminished renal reserve)
2.ไตเสื่อมสมรรถภาพ (renal insufficiency)
ไตวาย (renal failure)
ไตวายระยะสุดท้ายหรือยูรีเมีย (uremia)
อาการและอาการแสดง
•อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายกว่าปกต
•อาการอื่นที่อาจพบร่วม คือ ซึม ลง มึนงง
•นอนไม่หลับหรือหลับแล้วฝันร้ายบ่อยๆ
การเปลี่ยนแปลงของการขับถ่ายปัสสาวะ
มีอาการแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ
ปัสสาวะมีเลือดปน
มีการบวมของใบหน้า ท้องและหลังเท้า
มีอาการปวดบั่นเอวหรือด้านหลัง
มีความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้มาจากสาเหตุอื่นๆ
โรคไตระยะสุดท้ายEnd State Renal Disease (ESRD )
โรคไตระยะสุดท้ายมายถึง โรคไตวายเรื้อรังอย่างถาวร ที่มีการสูญ เสีย
หน้าที่การท างานของไตลดลงมากที่สุด
ลักษณะทางคลินิก CKD (Clinical manifestations)
ความผิดปกติในภาวะสมดุลของสารเคม
ความเปลี่ยนแปลงในการท าหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ
ผลกระทบของภาวะไตเรื้อรังระยะสุดท้าย
• ระบบหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง
ภาวะหัวใจล้มเหลว ความดันโลหิตสูง ภาวะน้ าและโซเดียมในร่างกายสูงมากเกินไปภาวะโลหิตจาง
ภาวะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ มีไข้ต่ำ ๆ ตรวจพบระดับยูเรียในเลือดมากกว่า 100 mg %
ระบบทางเดินหายใจ ท่วมปอด ปอดอักเสบ
ระบบประสาท ระบบประสาทส่วนกลาง
ระบบประสาทส่วนปลาย
ระบบทางเดินอาหาร
หลักการการรักษา
1.การรักษาเฉพาะเจาะจงตามชนิดของโรคไตเรื้อรัง
2.ประเมินและรักษาโรคหรือภาวะอย่างอื่นที่พบร่วมด้วย
3.ชะลอการเสื่อมของไต
4.ป้องกันและรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด
การรักษาไตเรื้อรัง
เพื่อดำรงคงไว้ซึ่งหน้าที่ของไต
รักษาตามอาการของผู้ป่วย
ป้องกันไม่ได้เกิดภาวะแทรกซ้อน
กับระบบต่าง ๆ ของร่างกาย
การรักษาแบบประคับประคอง
อาหาร (diet intervention)ความจ าเป็นที่ต้องควบคุม
อาหารและจำกัดสารอาหาร
ขณะฟอกเลือดร่างกายจะสูญเสียสารอาหารโปรตีนผู้ป่วยควรเลือกรับโปรตีนให้เพียงพอโดยกินไข่ขาววันละ 2 ฟอง หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์แปรรูป
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกระป๋อง
จำกัดเกลือ
การจำกัดน้ำ (fluid restriction)
ยา (Medication therapy)
การบำบัดทดแทนไต(renal replacement therapy; RRT)
1.การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis)
2.การล้างไตทางหน้าท้อง (peritoneal dialysis)
3.การผ่าตัดปลูกถ่ายไต (kidney transplantation)
continuous ambulatoryperitoneal dialysis (CAPD)
CAPD หมายถึงการล้างไตวิธีหนึ่ง ที่อาศัยผนังเยื่อบุ
ช่องท้อง (peritoneum)ท าหน้าที่คล้ายเมมเบรนของตัวกรองฟอกเลือดแยกระหว่างส่วนของเลือด (blood compartment)กับส่วนของน้ำยาไต(dialysis compartment)
• วัตถุประสงค์
ให้คงระดับของของเหลว เกลือแร่และขจัดสาร (solute removal)
ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับไตต่อไป
ท าให้ไตฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
4.สร้างที่ว่างในร่างกายผู้ป่วยส าหรับให้สารน้ าในโภชนบ าบัด หรือให้ยา
ต่างๆ
ข้อบ่งชี้ในการทำการล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง
Uremic symptomsด้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
Fluid overload ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา
E’lyte imbalance K> 7.0 mEq/
ข้อห้ามในการทำการล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง
มีภาวะที่ขัดขวางการไหลของน้ ายาล้างไต
2.ผู้ป่วยที่มีIleostomy, Nephrostomy,Ileal
conduit
ผู้ป่วยที่มีภาวะปวดเรื้อรัง Degenerative disc
disease
4.มีการติดเชื้อที่ผิวหนังทางหน้าท้องทางช่องท้อง
ภาวะแทรกซ้อนจากการท าการล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง
ภาวะติดเชื้อ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ
ภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สายล้างไตทางช่องท้องปวดท้องช่วงที่ปล่อยน้ำยาเข้าปวดท้องในช่วงที่น้ำยาไหลออกมีการรั่วของน้ ายาบริเวณปากแผล (leakage)
ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆe,lyte imbalance น้ าเกิน ความดันต่ า
สูญเสียโปรตีนทางน้ ายาล้างไต
การพยาบาล
การฝังท่อล้างไต
การฝังท่อโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดผนังช่องท้อง
การฝังท่อโดยการผ่าตัด (Surgical)
การดูแลสาย (Tenckhoff)
หลังจากใส่สาย CAPD ควรปิดแผลด้วยก๊อสแห้งหลายชั้น
2.ไม่ต้องเปลี่ยนแผลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ยกเว้นมีเลือดซึม
เปลี่ยนแผลโดยวิธีปราศจากเชื้อ ใช้ก๊อสแห้งธรรมดาปิด
ห้ามอาบน้ำเพื่อไม่ให้แผลถูกน้ าจนกว่าแผลจะหายดี
ยึดตรึงสายด้วยเทปไว้กับส่วนของร่างกาย
หลีกเลี่ยงการยกของหนักขึ้นบันได
การพยาบาลก่อนทำ CAPD
• การพยาบาลผู้ป่วยที่ทำการขจัดของเสียออกทางเยื่อบุช่องท้อง
การเตรียมทางด้านจิตใจโดยอธิบายถึงจุดประสงค์ของการท าและตอบข้อซักถาม
การเตรียมทางด้านร่างกาย
เตรียมน้ ายาไดอะลัยส์และอุปกรณ์ในการทำ
ประเมินการล้างมือของผู้ป่วย (กรณีผู้ป่วยท าเอง)
การพยาบาลขณะทำ CAPD
จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนหงายศีรษะสูง
ยึดหลักเทคนิคปราศจากเชื้อในการเปลี่ยนขวดแต่ละรอบ
3.สังเกตลักษณะของน้ำยาไดอะลัยส์ที่ออกจากช่องที่ออกจากช่องท้องผู้ป่วยทุกครั้ง
จดบันทึกเวลาและจ านวนน้ ายาไดอะลัยส์เข้าและออก
ชั่งน้ำหนักผู้ป่วยก่อนท าและขณะท าทุกวัน
เจาะเลือดตรวจหา E’ lyte , Urea, Cr ทุก 12 ชั่วโมง
วัดสัญญาณชีพอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง
ดูแลกิจวัตรประจำวันแก่ผู้ป่วยและทำความสะอาดร่างกาย
สังเกตอาการและอาการแสดงของปัญหา
และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
หากน้ำยาไม่ค่อยไหล
ให้ค่อยๆขยับเปลี่ยนท่า
บันทึกแล้วรายงานแพทย์
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)หมายถึง การที่เอาเลือดออกจากร่างกาย
ข้อบ่งชี้ในการทำ HD
• มีระดับ Cr > 12 mg/dl
• BUN >100 mg/d
• ภาวะน้ำเกินน้ำท่วมปอดไม่ตอบสนองต่อ diuretic drug
• ภาวะเลือดออกผิดปกติจาก ภาวะยูรีเมียท าให้การท างานของ
เกร็ดเลือดบกพร่อง
• มีอาการคลื่นไส้อาเจียนตลอดเวลา
การเตรียมทวารหลอดเลือดสำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ทวารหลอดเลือดชนิดชั่วคราว(temporary vascular access) ใช้ในระยะเวลา ≤ 1-3 สัปดาห์ ส าหรับผู้ป่วยARF ใส่ได้ทันทีเมื่อต้องการ ในต่ำแหน่ง internal jugular vein
สายสวนเส้นเลือดดำ เพื่อฟอกเลือดชั่วคราวที่คอ(Double lumenvenous catheter fortemporary access)
ทวารหลอดเลือดชนิดถาวร(permanent vascular access) แพทย์จะต่อเส้นเลือดด าเข้ากับเส้นเลือดแดงโดยตรงที่บริเวณข้อมือหรือข้อศอก จะทำ าให้แรงดันเลือดจากเส้นเลือดแดงไหลเทเข้าเส้นเลือดดำ จะทำให้เส้นเลือดดำที่แขนโตและแข็งแรง 2.การผ่าตัดต่อเส้นเลือดเทียม (arteriovenous graft, AVG) การผ่าตัดใช้เส้นเลือดเทียมเชื่อมต่อระหว่างเส้นเลือดแดงกับเส้นเลือดดำบริเวณแขน
คำแนะนำในการดูแล AVF และ AVG
ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ำยกแขนสูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อลดอาการบวม
สังเกตอาการผิดปกติหลังการผ่าตัด
โดยปกติจะนัดตัดไหม 10 – 14 วัน
เมื่อไม่มีอาการปวดแผล โดยใช้มือบีบลูกยางร่วมกับการใช้มืออีกข้างกำ
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
ควรคลำเส้นเลือดที่ใช้ฟอกเลือดบ่อยๆ
สังเกตว่ามีลักษณะการสั่นสะเทือนของเส้นเลือดเท่าเดิม
การพยาบาลก่อนทำ Hemodyalysis
วัดสัญญาณชีพ
ประเมินความสมดุลของน้ าและสารอิเลคโตรลัยส
ดูแลการใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด
ประเมินทางด้านจิตสังคม และปัญหาทางระบบประสาท
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การพยาบาลขณะทำ Hemodyalysis
วัดสัญญาณชีพทุก 1 – 2 ชั่วโมง
สังเกตอาการและอาการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ดูแลการทำงานของเครื่องไตเทียมอย่างสม่ าเสมอ
พูดคุยให้คำแนะนำ พร้อมทั้งประเมินสภาพจิตใจของ
ผู้ป่วยขณะทำ
การพยาบาลหลังทำ Hemodyalysis
สังเกตอาการและอาการเปลี่ยนแปลง บางรายอาจมีการเปลี่ยนแปลง
ในระยะท้าย
เมื่อถอดเข็มออกจากหลอดเลือดผู้ป่วย ใช้ผ้าก๊อสสะอาดปราศจากเชื้อ
กดบริเวณแผลจนแน่ใจว่าไม่มีเลือดออกแล้วจึงปิดแผล
ชั่งน้ำหนัก วัดสัญญาณชีพ เจาะเลือดหา Hb และตัวอื่น ๆ ที่
จ าเป็นก่อนให้ผู้ป่วยกลับบ้าน
ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวและอธิบายถึงอาการและผลการฟอก
เลือดแก่ผู้ป่วย
ภาวะแทรกซ้อนที่พบขณะฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ในหอผู้ป่วยวิกฤต
Disequilibrium syndrome
Hypotension
Hypoxemia
Bleeding
Electrolyte disturbance
and cardiac arrhythmias
การบำบัดทดแทนไตแบบต่อเนื่อง(continuous renal replacement therapy: CRRT)
การบำบัดทดแทนไตที่ทำต่อเนื่อง 24ชั่วโมงเป็นเวลาหลายวันในหอ
ผู้ป่วยวิกฤต อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ในหอผู้ป่วยวิกฤต โดยมีแพทย์หรือ พยาบาลหน่วยไตเทียมให้ค าปรึกษา (อดิศว์ทัศณรงค์, 2557)
• ข้อบ่งชี้ของการทำ CRRT
ผู้ป่วยที่มีปัญหาความดันโลหิต และการเต้นของหัวใจไม่ปกต
สภาวะการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว เนื่องจากความผิดปกติของหัวใจและระบบหายใจ
มีเลือดออกอย่างรุนแรง จากการผ่าตัด หรือมีข้อบกพร่องของDIC มีความจำเป็นต้องได้รับเลือดหรือองค์ประกอบของเลือดเป็นจ านวนมาก
ผู้ป่วยที่มีอวัยวะหลายระบบล้มเหลวและมีภาวะไตบาดเจ็บเฉียบพลันร่วมด้วย
มีความผิดปกติของสารเกลือแร่ อิเล็คโทรลัยต์ และความไม่สมดุลของกรด ด่าง
ของร่างกาย
• ประโยชน์ของการทำ CRRT
มีการขจัดน้ำและของเสียออกจากผู้ป่วยอย่างช้าๆและต่อเนื่อง
การทำ CRRT ขจัดของเสียได้ช้ากว่า intermittent hemodialysis
3.การแพร่ผ่าน(Diffusion)
4.การพา (Convection)
5.การกรองแบบ Ultrafiltration
6.การดูดซับ (Adsorption)
การพยาบาลผู้ป่วยทำCRRT
ระยะก่อนการรักษา การเตรียมพร้อมด้านจิตใจ การเตรียมพร้อมด้านร่างกาย การเตรียมอุปกรณ์เพื่อการรักษา
2.ระยะให้การรักษา บันทึกสัญญาณชีพ ประเมินอาการแพ้ตัวกรอง อาการหน้ามืด ใจสั่น ปวดหลัง ชาตามปลายมือปลายเท้า
ระยะสิ้นสุดการรักษา เป็นการดูแลสายสวนหลอดเลือดให้สามารถใช้งานได้ในครั้งต่อไปดูแลเหมือนกับ Hemodialysis
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยจากการทำ CRRT
Bleeding อาจเกิดจากได้ heparin มากเกินไป
Thrombosis และ Thromboembosis
Disconnection วงจรของระบบอาจหลุดได้
Air embolism
ภาวะติดเชื้อ
การผ่าตัดปลูกถ่ายไต (Renal transplantation)
เป็นวิธีการรักษาวิธีหนึ่งส าหรับผู้ป่วย ไตล้มเหลวเรื้อรังระยะสุดท้าย
ซึ่งทั้งผู้บริจาคและผู้รับไตนั้นจะต้องมีการคัดเลือกตามเกณฑ์
การพยาบาลผู้ป่วยก่อนผ่าตัดปลูกถ่ายไต
การพยาบาลก่อนทำ
เตรียมผู้ป่วย
เตรียมผู้ป่วยผ่าตัดประเมินสภาพจิตใจของผู้ป่วย เจาะเลือดดูกลไกการทำงานของตับ
การพยาบาลขณะทำ
ขณะเข้าห้องผ่าตัด ผู้ป่วยอาจวิตกกังวลกลัว
แปลกสถานที่และบุคคลพยาบาลควรอยู่ใกล้ ๆ กับผู้ป่วยพูดคุยเพื่อลดความกลัว
การพยาบาลหลังผ่าตัด
สังเกตอาการและอาการเปลี่ยนแปลง วัดสัญญาณชีพ
ดูแลการได้รับสารน้ าและอิเลคโตรลัยส์
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
กระตุ้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวมีกิจกรรมในระยะแรกหลังผ่าตัด
การพยาบาลผู้ป่วยผ่าตัดปลูกถ่ายไตก่อนกลับบ้าน
เมื่อผู้ป่วยจะกลับบ้าน ความรู้เรื่องยา การจำกัดอาหารและกิจกรรม สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะสลัดไต
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลและการพยาบาล
เหนื่อยง่าย / เซลล์ของร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
เสี่ยงต่อภาวะประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจลดลง
เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ ข้อติดแข็ง
โรคของระบบอวัยวะสืบพันธ์เพศชาย
Benign prostatic hypertrophy: BPH
สาเหตุ
ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าอะไรเป็นต้นเหตุ
เพียงแต่
เข้าใจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่สมดุลระหว่างฮอร์โมนแอน
พยาธิสรีรวิทยา
การเปลี่ยนแปลงมักเป็นที่ lateral lobe และ median lobe
ต่อมลูกหมากโตขึ้น ท าให้ท่อปัสสาวะส่วน prostatic ยาวขึ้น
ท่อปัสสาวะมีการอุดกั้น
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยจะปัสสาวะบ่อย
จะมีอาการถ่ายปัสสาวะขัด
สายปัสสาวะอ่อนลง ปัสสาวะไม่พุ่ง
การตรวจวินิจฉัย
1.การตรวจทางทวารหนัก
2.การตรวจด้วยเครื่องมือส่องดูภายใน
การตรวจทางรังสี
ตรวจเลือดหาค่า BUN, C
การรักษา
ควรงดดื่มของเหลวหรือแอลกอฮอล
แพทย์อาจะสั่งยาบางชนิดให้
รักษาด้วยความร้อน
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
ิตกกังวลเกี่ยวกับพยาธิสภาพ การรักษาและการพยากรณ์โรค
ไม่สุขสบายในอวัยวะอุ้งเชิงกราน เจ็บปวด
อ่อนเพลีย ขาดความสนใจในเรื่องเพศสัมพันธ์/คู่สมรส