Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่13 👩🏻⚕️การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของระบบทางเดินปัสสาวะ …
บทที่13
👩🏻⚕️การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของระบบทางเดินปัสสาวะ
ระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง👩🏻⚕️
มะเร็งต่อมลูกหมาก
อาการของมะเร็งต่อมลูกหมาก
•ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะเวลากลางคน
•เวลาเริ่มปสัสาวะจะลาบากปัสสาวะไมพุ่ง
• อ่อนเพลีย ผอมลง น้าหนักลด
การรักษา
ผ่าตัดผ่านทางหน้าท้องโดยตัดเอาต่อม ลูกหมากและต่อมน้าเหลือง
ผ่าตัดผ่านทางผิวหนังบริเวณอัณฑะและทวาร หนักโดยตัดต่อมลูกหมากส่วนต่อมน้าเหลือง ต้องตัดออกโดยผ่านทางหน้าท้อง
ต่อมลูกหมากโต (BPH)
•สาเหตุ ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าอะไรเป็นต้นเหตุ เพียงแต่ เข้าใจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่สมดุลระหว่างฮอร์โมนแอน โดรเจน กับเอสโตรเจนในผู้สูงอาย
พยาธิสรีรวิทยา
-การเปลี่ยนแปลงมักเป็นที่ lateral lobe และ median lobe หรือทั้ง 3 lobes เกิดเป็น fibromuscular nodule และเบียดเนื้อต่อมลูกหมากที่เหลือให้บางออกเป็น surgical capsule
-ต่อมลูกหมากโตขึ้น ทาให้ท่อปัสสาวะส่วน prostatic ยาวขึ้น และท่อ ปัสสาวะส่วนนี้จะถูกเบียดให้แคบและยาวขึ้นย่นเข้าไปในคอของกระเพาะปัสสาวะ
ท่อปัสสาวะมีการอุดกั้น และเกิดการเปลี่ยนแปลงที่กระเพาะปัสสาวะ ท่อไต และไตจนกระทั่งไตโป่งพอง และมีการติดเชื้อร่วมด้วย
อาการและอาการแสดง
•ผู้ป่วยจะปสัสาวะบ่อย
•จะมีอาการถ่ายปัสสาวะขัด
• สายปัสสาวะอ่อนลง ปัสสาวะไม่พุ่ง
การตรวจวนิจฉัย
1.การตรวจทางทวารหนัก
2.การตรวจด้วยเครื่องมือส่องดูภายใน ได้แก่ panendoscope
3.การตรวจทางรงัสีเช่นplainKUB IVP อัลตราซาวด์ ต่อมลูกหมาก (TRUs)
การเตรียมทวารหลอดเลือด
สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
ทวารหลอดเลอืดชนิดถาวร
Arteriovenous fistula, AV fistula, AVF
วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่ถ้าคุณมีเส้นเลือดโตเหมาะสมและมีเวลาเพียงพอ
2.การผ่าตัดต่อเสน้เลือดเทียม(arteriovenousgraft,AVG)
การผ่าตัดใช้เส้นเลือดเทียมเชื่อมต่อระหว่างเส้นเลือดแดงกับเส้นเลือดดำบริเวณแขน
คำแนะนำในการดูแล
AVF และ AVG
ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ายกแขนสูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อลดอาการบวม
โดยปกติจะนัดตัดไหม 10 – 14 วัน
สังเกตว่ามีลักษณะการสั่นสะเทือนของเส้นเลือดเท่าเดิมหรือไม่ ถ้าน้อยลง
หลีกเลี่ยงการกดทับเส้นเลือด เช่น ไม่ใช้แขนข้างที่มี AVF , AVGหนุนศีรษะ
สังเกตอาการผิดปกติหลังการผ่าตัด ได้แก่ ติดเชื้อ ตีบตัน เลือดออก ปวด
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม(Hemodialysis)
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม(Hemodialysis)หมายถึง การที่เอาเลือดออกจากร่างกาย ผสมกับเฮพาริน (heparinized blood) เข้า มายังตัวกรองเลือด (dialysis) โดยไหลอยู่คนละข้างกับน้ำยา (dialysate) ซึ่งมีเซมิเพอเมียเบิ้ล เมมเบรน (semipermeable membrain) กั้นกลางสารละลาย (solute)
ไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
สาเหตุของไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
Prerenal acute renal failure
ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงไตหรือการกำซาบของเนื้อเยื่อไต (renal perfusion) ลดลง
ความดันต่ำ (hypotension)
ปริมาณสารน้ำในร่างกายน้อยกว่าปกติ (hypovolemia)
Post renal acute renal failure
การอุดตันทางเดินปัสสาวะ(obstructive uropathy) เช่น นิ่ว ก้อนเนื้องอก ต่อมลูกหมากโต อาจจะมีการอุดตันบางส่วนหรืออุดตันทั้งหมด ทำให้ปัสสาวะออกไม่สะดวก
หรือออกไม่ได้เลย
3.Intrinsicacutefailure
โรคที่เกิดจากเส้นเลือดใหญ่ อาจมีสาเหตุได้ทั้งเส้น เลือดแดงและเส้นเลือดดา
พยาธสิภาพไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
เมื่อไตมีเลือดไปเลี้ยงน้อยลงจนมีการกระตุ้นระบบ Angiotensin ทาให้มีการหลั่งแอลโดสเตอโรน (Aldersterone) ซึ่งเพิ่มการดูดกลับของน้ำที่หลอดไตส่วนปลายมากขึ้น
พยาธิสภาพได้ 4 ระยะดังนี้
1.ระยะเริ่มแรก(initialphase)
ระบบประสาทซิมพาธิติค และมีการหลั่งสารที่ทาให้หลอดเลือดทั่วร่างกายหดตัว ซึ่งมีผลต่อการปรับระดับการไหลเวียนของเลือด ความดันโลหิต เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงที่อวัยวะสาคัญ ทาให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง (ischemia)
2.ระยะที่มกีารทาลายของเนื้อไต(maintainance)
• ไตเสียหนา้ ที่ในการขบั ของเสียและรักษาสมดลุ น้า อิเลคโตรลยั ท์ ความ เป็นกรด – ด่าง
•ตรวจพบอตัราการกรองของไตลดลงเหลือ5–10มล./นาที ปัสสาวะจะออกน้อยมากหรอืนอ้ยกว่า400มล.ต่อวัน
•ภาวะแทรกซอ้นของระยะนคี้อืภาวะของเสียคั่งในเลือด(uremia)
ระยะที่มีปัสสาวะออกมาก
(Diureticphase)
บางรายอาจมีปัสสาวะออกมากถึงวันละ5ลิตร ระยะนี้ไตยังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ กล่าวคือยังไม่ สามารถทำหน้าที่ดูดซึมกลับของสารอิเล็คโทรลัยท์โดยเฉพาะNa,Kทาให้มีการถ่าย ปัสสาวะเป็นจานวนมากอีกทั้งยังไม่สามารถทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นได้
ระยะที่ไตเริ่มฟื้นตัว (recovery phase)
-ค่าBUN,creatininจะค่อยๆลดลงสู่ระดับปกติ
ไตเรื้อรัง
(chronic kidney disease)
•ไตมีความผิดปกติ มีการสูญเสียหน่วยไต (nephron) ไป มากกว่าครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ตามปกติในการขจัดของเสีย การ รักษาความสมดุลของน้าสาร E’lyte และกรด – ด่าง จนไม่ สามารถแก้ไขให้กลับคืนมาเป็นปกติ
ไตเรื้อรัง (CKD)
ผู้ป่วยที่มีภาวะไตผิดปกติติดต่อกันนนาน 3 เดือนทั้งน้ีผู้ป่วย อาจจะมีอัตราการกรองของไต (glomerular filtration rate, GFR) ผิดปกติหรือไม่ก็ได้
1.1 ตรวจพบความผดิปกติจากการตรวจปัสสาวะอย่างน้อย2ครั้งในระยะเวลา3เดือน
1.2 ตรวจพบความผิดปกติทางรังสีวิทยา
1.3 ตรวจพบความผดิปกติทางโครงสร้างหรือพยาธิสภาพจากผลการเจาะเนื้อเยื่อไต
ผู้ป่วยที่มี GFR น้อยกว่า 60 มล./นาที 1.73 ตารางเมตร ติดต่อกัน
เกิน 3 เดือน โดยที่อาจจะตรวจพบหรือไม่พบว่ามีร่องรอยของไตผิดปกติ ก็ได้
สําเหตุของไตเรื้อรัง
•กลุ่มอาการเนฟโฟตคิ กลายเป็นหลอดเลือดฝอยไตอักเสบเรื้อรัง (chronic glomerulo nephritis)
•กรวยไตอักเสบเรื้อรัง(chronicpyelonephritis)
•โรคหลอดเลือดได้แก่หลอดเลือดแดงที่ไตตีบ(renalarterystenosis)
ความดันโลหิตสูงไม่ทราบสาเหตุ (essential hypertension)
•มีความผิดปกติของไตแต่กำเนิด (polycystic kidney)
พยาธิสรีรวิทยาของไตเรื้อรัง
• ตามปกติไตมีความสามารถที่จะรักษาภาวะสมดุลภายในร่างกาย (hemostasis) ให้คงไว้ถึงแม้ว่าจะมีการสูญเสียหน้าท่ีไปถึงร้อยละ
75 – 80 ก็ตาม เนื่องจากยังมีหน่วยทำหน้าท่ีได้อยู่ซึ่งหน่วยปกติ ท่ีเหลืออยู่นั้น จะมีขนาดโตขึ้น จากการท่ีต้องทาหน้าท่ีมากขึ้น เพื่อรักษาภาวะสมดุลของสภาพแวดล้อมในร่างกาย
ขั้นตอนของไตเรื้อรัแบ่งออกเป็น 4ระยะ
การทางานของไตลดลง (Early stage or diminished renal reserve)
2.ไตเสื่อมสมรรถภาพ (renal insufficiency)
ไตวาย (renal failure)
4.ไตวายระยะสุดท้ายหรือยูรีเมีย(uremia)
1.การรกั ษาเฉพาะเจาะจงตามชนดิ ของโรคไตเรอื้ รงั เช่น คุมระดับ น้าตาลใน
เลือดในกรณีเป็นเบาหวาน กาจัด นิ่วในระบบทางเดิน ปัสสาวะ เป็นต้น
ผลกระทบของภาวะไตเรื่อรังระยะสุดท้าย
•ระบบหัวใจและหลอดเลือดมี ภาวะแทรกซ้อนที่สาคัญคือ
ความดันโลหติสงู พบมากว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยที่มีภาวะไตเรื้อรัง เกิดเนื่องจาก มีน้ำและโซเดียมคั่งมาก
ภาวะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบพบบ่อยร้อยละ30–50 มักพบร่วมกับภาวะมีน้าในช่องเยื่อหุ้มหัวใจมีหรือไม่ มีอาการหรือมีพียงเจ็บหน้าอก เวลาหายใจเข้า อาจฟังได้ pericardial friction rub
ระบบทางเดินหายใจ ที่พบบ่อย คือ น้ำท่วมปอดปอดอักเสบมักเกิดร่วมกับ ภาวะหัวใจล้มเหลวน้ำท่วมปอด มีสาเหตุ จากการไม่จำกัดน้ำและเกลือ หรืออาจ ได้รับน้ำเข้าทางหลอดเลือดมากเกินไป ในช่วงที่มีปัสสาวะออกน้อย
ระบบประสาท ระบบประสาทส่วนกลางเริ่มตั้งแต่มีอาการซึมลง ขาดความมีสมาธิ ตั้งใจ ทางานลดลง การตัดสินใจไม่ดี เมื่อเป็นมากขึ้น อาจเกิดอาการสับสน ประสาทหลอน และ กลายเป็นโรคจิตได
ผิวหนังอาการคนที่เกิดขึ้นผิวหนังจะก่อให้เกิดความไม่สุขสบายทั้ง ด้านร่างกายและจิตใจผิวหนังจะแห้งตกสะเก็ด เนื่องจากต่อมน้ำมัน และต่อมเหงื่อลีบฝ่อลงทำให้ไมมีการขับเหงื่อ และมีเกลือยูเรีย (uremic frost)เกาะอยู่ที่ตามผิวหนังผิวหนังอาจมีสีเหลืองจากสารยูโรโคม (urochrome)และอาจมีเล็บเปราะหักง่าย
การขจัดของเสียออกทางเยื่อบุช่องท้อง
CAPD
• มีการเปลี่ยนน้ายาล้างไตวันละ 4 วงจร ( 4 ครั้ง/วัน )
• โดยตั้งแต่ปล่อยน้ายาใหม่เข้าช่องท้อง ทิ้งค้างไว้นาน
การพยาบาลก่อนทำ CAPD
การเตรียมทางด้านจิตใจโดยอธิบายถึงจุดประสงค์ของการทำและตอบข้อซักถาม
การเตรียมทางด้านร่างกาย โดยทำความสะอาดผิวหนังบริเวณหน้าท้อง
เตรียมน้ำยาไดอะลัยส์และอุปกรณ์ในการทำ