Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช และการนำแนวคิด ทฤษฎีต่างๆมาใช้ในการดูแลผู้ป่ว…

- - - - พฤติกรรม คำพูดท่าทางบองความต้องการเฉพาะตัว ต้องการให้แก้ปัญหา
    - - สถานการณ์ที่มีพยาบาลและผู้รับบริการ ไม่ได้เจาะจงด้านผู้ป่วย
    - - อิสระจากความไม่สุขสบายกายและใจ
    - - สถานการณ์เกิดจากการที่ผู้ป่วยต้องการความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาเป็นการใช้ กระบวนการลดความไม่สุขสบายหรือ ภาวะหมดทางช่วยเหลือ โดยพยาบาลมี ปฏิสัมพันธ์กับผู้รับบริการและให้การชาวยเหลือลดความไม่สุขสบาย ปรับปรุง พฤติกรรม และเพิ่มความสามารถใน การดูแลตนเอง
    - - 1.การเข้ากันได้(rapport)
        
        พยาบาลจะต้องเข้ากันได้กับผู้รับบริการ สร้างความรู้สึกให้ผู้รับบริการผ่อนคลาย
      - 2.การสร้างความไว้วางใจ(trust)
        
        เป็นความรู้สึกเชื่อมั่นอย่างจริงใจโดยไม่เคลือบแคลงว่าจะเกิดอะไรขึ้น
      - การมองในแง่ดีและการยอมรับโดยปราศจากเงื่อนไข
        
        พยาบาลต้องมีความเต็มใจที่จะเข้าใกล็ผู้รับบริการ และพยายามมองในแง่ดี
      - 4.การเข้าถึงความรู้สึกหรือเข้าใจตามการรับรู้ของผู้รับบริการ
        
        พยาบาลเข้าใจความรู้สึกของผู้รับบริการ
      - 5.มีการติดต่อสื่อสารที่มีจุดประสงค์
        
        เน้นการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนา ส่งเสริมและป้องกันปัญหา
      - 6.มีการถ่ายโอนความรู้สึก อาจเป็นทั้งด้านบวกและด้านลบ
      - 7.การกำหนดหรือตั้งเป้าหมายชัดเจน และปฏิบัติให้บรรลุตามที่ตั้งไว้
      - 8.การมีอารมณ์ขัน เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในบางสถานการณ์
  - - - เป็นส่วนหนึ่งของสังคม เป็นผู้ที่มีความคิดเละความรู้สึก
      - ุบุคลจะเเสดงความสามารถในการรับรู้ การคิด การเเสดงความรู้สึกหรืออารมณ์
      - การเลือกเเสดงพฤติกรรม การวางเป้าหมาย การเลือกเเนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
    - - เป็นกระบวนการของการเจริญเติบโตเเละพัฒนาการของมนุษย์
      - ความเจ็บป่วยอาจะมีผลกระทบต่อบุคคล
    - - เป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างการพยาบาลกับผู้รับบริการ
      - ที่มีการเเลกเปลี่ยน กรรับข้อมูลซึ่งกันเเละกัน ผ่านกระบวนการสื่อสาร
        
        โดยกำหนดปัยหา กำหนดเป้าหมายร่วมกัน
        
        ค้นหาวิธีการปฏิบัติ เเละเลือกวิธีที่จะปฏิบัติร่วมกัน เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย
    - - ระบบของบุคคล
        
        พยาบาลเเละผู้รับบริการจะมีระบบส่วนตัวหรือมีเเบบเเผนเฉพาะเป็นตัวของตนเองในการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งเเวดล้อม
        
        เมื่อมีกรเปลี่ยนเเปลงของสภาวะรอบตัว ก็จะปรับเปลียนเเบบเเผนของตนเอง
        
        ได้เเก่ การรับรู้ อัตตา การเจริญเติบโตเเละพัฒนาการ
      - ระบบระหว่างบุคคล
        
        บุคคล 2 คน ขึ้นไปหรือกลุ่มปฏิสัมพันธ์กับพยาบาล
        
        ได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นผู้ช่วยลดปัจจับที่ก่อให้เกิด ความเครียด สำหรับผู้รับบริการเเละคราบครัว
      - ระบบสังคม
        
        เป็นขอบเขตระบบ บทบาทของสังคม พฤติกรรม เเละการปฏิบัติที่สร้างขึ้นเพื่อรักษาคุณค่าเเละกลไก สำหรับควบคุมการปฏิบัติ
        
        กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
        
        องค์การ
        
        อำนาจเจ้าหน้าที่
        
        การตัดสินใจ
    - - 3.สิ่งรบกวนหรือปัญหา ที่ทำให้ผู้รับบริการต้องมาโรงพยาบาล
      - การตั้งเป้าหมาย กำหนดมุ่งหมายที่เป็นไปได้ ร่วมกันของพยาบาลและผู้รับบริการ
      - การตอบสนองของผู้รับบริการต่อสิ่งรบกวน
      - การค้นหาแนวทางปฏิบัติ
      - พฤติกรรมของผู้รับบริการ
      - 6.การตกลงร่อวกันถึงวิธีปฏิบัติ ที่ต้องมีความเห็นพ้องต้องกันและยอมรับในวิธีการปฏิบัติ
      - การบรรลุเป้าหมายของการปฏิสัมพันธ์
  - - - เพื่อรักษาความมั่นคงด้านร่างกาย ตอบสนองความต้องการพื้นฐานของบุคคล5ด้าน (ความต้องการออกซิเจน อาหาร การขับถ่าย กิจกรรมและการพักผ่อน รวมถึงการทำงานของงานของ ระบบต่างๆ ภายในร่างกาย)
    - - เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงด้านจิตใจเป็นความเชื่อและความรู้สึกที่บุคคลยึดถือ
    - - แบ่งเป็น
        
        บทบาทปฐมภูมิ (Primary role)
        
        เป็นบทบาทตามอายุ เพศ และระดับ พัฒนาการ
        
        บทบาททุติยภูมิ (Secondary role)
        
        เป็นบทบาทที่เกี่ยวกับงานตามระดับ พัฒนาการ
        
        บทบาทตติยภูมิ (Tertiary role)
        
        เป็นบทบาทชั่วคราวที่บุคคลนั้นได้รับ
    - - เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับความช่วยเหลือ ผู้ที่ปรับตัวด้านการพึ่งพาระหว่างกันได้จะสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ด้วยความรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
    - - ประเมินระดับความสามารถในการปรับตัวของผู้ป่วยทั้ง 4 ด้าน
      - การช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรับพฤติกรรมที่เป็นปัญหาไปสู่พฤติกรรมที่เหมาะสม
  - - - ระบบพยาบาล
        
        คือ
        
        เป็นระบบของการกระทำที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามความสามารถ และความต้องการการดูแลตนเองของผู้ป่วยหรือผู้รับบริการ
        
        แบ่งเป็น
        
        ระบบทดแทนทั้งหมด (Wholly compensatory nursing system)
        
        ระบบทดแทนบางส่วน (Partly compensatory nursing system)
        
        ระบบสนับสนุนและให้ความรูป (Educative supportive nursing system)
    - - การกระทำให้
      - การชี้แนะ
      - การสอน
      - การสนับสนุน
      - การสร้างสื่งแวดล้อม
- - - - วิธีการลดความรู้สึกอย่าเป็นระบบ ให้ได้เผชิญกับสิ่งนั้นที่ละเล็กละน้อย
      - การแสดงออกที่ตอบสนองความรู้สึกและความต้องการได้
      - ช่วยให้เฝ้าดูความรู้สึกตัวเอง ว่ารู้สึกอย่างไร เป็นอย่างไร
      - การเสริมแรงทางบวกและทางลบ จะทำให้พฤติกรรมนั้นคงอยู่หรือหายไป เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการปรับแก้พฤติกรรม
      - ให้ดูตัวแบบที่ตนเองชื่นชอบ
      - วางเป้าหมายในอนาคตว่าอยากเป็นแบบไหน แล้วต้องทำยังไงเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
      - มีอะไรมาแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างแรงจูงใจ
      - ทำดีเพื่อให้ได้ของสะสม แล้วนำมาแลกกับรางวัล
      - ผ่อนคลายร่างกาย ความคิด อารมณ์
      - เน้นความเป็นปัจจุบัน เน้นช่วยเหลือพฤติกรรมที่เป็นปัจจุบัน
- - - - 1.2.ระดับจิตใต้สำนึก (Subconscious/Preconscious level)
        
        เป็นระดับของจิตใจที่อยู่ในระดับกึ่งรับรู้ อยู่ในระดับลึกกว่าจิตสำนึก ต้องใช้เวลาและเหตุการณ์ช่วยกระตุ้นให้เกิดการระลึกได้
      - 1.3.ระดับจิตไร้สำนึก (Unconscious level)
        
        เป็นระดับของจิตใจที่อยู่ในส่วนลึก ไม่สามารถจะนึกได้ในระดับจิตสำนึกธรรมดา
      - 1.1.ระดับจิตสำนึก (Conscious level)
        
        เป็นระดับของจิตใจที่มนุษย์รู้สึกตัวและตระหนักในตนเอง มีพฤติกรรมและการแสดงออกอยู่ภายใต้การควบคุมด้วยสติปัญญา
    - - สัญชาตญาณแห่งความก้าวร้าว (Aggressive of instinct: Mortido)
        
        ทำหน้าที่ผลักดันให้มนุษย์แข่งขันกัน ชิงดีชิงเด่นกัน มีลักษณะพลังงานในทางทำลาย
      - สัญชาตญาณทางเพศ
        (Sexual of life instinct: Libido)
        
        ทำหน้าที่ ผลักดันให้มนุษย์แสวงหาความพอใจตามที่ตนเองต้องการ
    - - การถดถอย (Regression)
      - การเก็บกด(Repression)
      - การแยกตัว (Isolation)
      - การเก็บกด (ระดับจิตสำนึก) (Suppression)
      - การโทษผู้อื่น (Projection)
      - การลบล้างความรู้สึกผิด (Undoing)
      - การโทษตัวเอง (Introjection)
      - การอ้างเหตุผล (Rationalization)
      - การแทนที่ (Displacement)
      - การหาทางทดแทน (Sublimation)
      - การปฏิเสธ (Denial)
      - การกระทำตรงข้ามกับความรู้สึก (Reaction formation)
      - การเปลี่ยนแปลงความรู้สึกเป็นพฤติกรรม (Conversion)
      - การเลียนแบบ (Identification)
      - การชดเชย (Compensation)
    - - ระยะพัฒนาการทางเพศ
        (Phallic stage)
        
        อายุ 3-6 ปี ในช่วงนี้เด็กจะให้ความสนใจทางด้านเพศมาก โดยเด็กจะสนใจบิดามารดาเพศตรงข้าม เกิดการเลียนแบบทางเพศจากบิดาหรือมารดา
      - ระยะแฝง
        (Latency stage)
        
        อายุ 6-12 ปี เป็นช่วงที่เด็กจะพัฒนาความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นที่เป็นเพื่อนเพศเดียวกัน
      - ระยะทวารหนัก
        (Anal stage)
        
        อายุ 1-3 ปี เด็กเริ่มเรียนรู้ถึงแรงกดดันที่ต้องการจะขับถ่ายและเริ่มมีความสามารถที่จะควบคุมการขับถ่ายได้
      - ระยะวัยเจริญพันธุ์
        (Genital stage)
        
        อายุ 12 ปีขึ้นไป เป็นระยะที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาทางด้านเพศ ระดับฮอร์โมนที่สูงขึ้นทำให้แรงขับทางเพศกลับมาสูง
      - ระยะปาก
        (Oral stage)
        
        อายุ 0-1 ปี เป็นช่วงที่เด็กจะมีความสุขอยู่กับการใช้ปากในการดูดไม่ว่าจะเป็นการดูดนมมารดา การเคี้ยว หรือน าสิ่งต่างๆ เข้าปาก
    - - Ego
        
        เป็นส่วนของจิตใจที่ดำเนินการโดยอาศัยเหตุและผล เพื่อตอบสนองสิ่งที่ตนปรารถนา ตามหลักแห่งความเป็นจริง (Reality principle) การทำงานของจิตใจส่วนนี้อยู่ในระดับจิตสำนึก
      - Superego
        
        เป็นส่วนของจิตใจที่ทำหน้าที่ เกี่ยวกับมโนธรรม
        (Conscience) คือ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่มีอยู่ในจิตใจของบุคคล
      - ID
        
        เป็นแรงผลักดันของจิตใจที่ติดตัวทุกคนมาแต่กำเนิด เป็นแรงขับตามสัญชาตญาณ เป็นความต้องการเบื้อต้นและกระทำเพื่อสนองความต้องการตนเองเท่านั้น
- - - - ภาวะที่ร่างกายมีความไม่สมดุลด้านชีวเคมี(ที่มีผลต่อสมอง)
    - - epinephrine Nor-epinaephrine
        
        ส่งผลต่อ
        
        emotion(อารมณ์)
        
        concentration(ความมีสมาธิ)
        
        anxiety(ความวิตกกังวล)
      - serotonin
        
        ส่งผลต่อ
        
        emotion(อารมณ์)
        
        sleep
        
        wake up
        
        appetite(ความอยากอาหาร)
      - Dopamine
        
        ส่งผลต่อ
        
        movement
        
        judgement(การตัดสินใจ)
        
        awareness(ภาวะรู้สึกตัว)
      - Acetylcholine
        
        movement
        
        memory
      - Gamma immunobutyric acid
        
        brain response
        
        reflection
    - - Medication
        
        Antipsychotic drugs > ยาต้านอาการทางจิตวิทยา (หูแว่ว ภาพหลอน คิดปกติ)
        
        Anti-anxiety drugs & Sedative > ลดความวิตกกังวล
        
        Mood stabilizing drugs > จัดการอารมณ์(เดี๋ยวสุขเดี๋ยวเศร้า)
        
        Anticholinergic drugs > ลดผลข้างเคียงจากการใช้ยา
        
        Antidepressant > ยาต้านเศร้า
      - Electro Convulsive Therapy (ECT) > การใช้กระเเสไฟฟ้าช็อคและจัดระเบียบใหม่)
- - - - เกิดมาเพื่ออะไร
      - เป้าหมายในชีวิตคืดอะไร
      - เกิดมามีความหมายอะไร
  - - - ชอบโทษในสิ่งต่างๆ โทษสิ่งเเวดล้อมต่างๆ