ระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช และการนำแนวคิด ทฤษฎีต่างๆมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยจิตเวช

THEORlES AND CONCEPTS RELATING
TO MENTAL HEALTH NURSING

Biomedical Model
แบบจำลองทางชีวการแพทย์

Behaviour Model
แบบจำลองพฤติกรรม

Cognitive Behaviour Model

Nursing Theories

Humanistic Model
แบบจำลองมนุษนิยม

Psychoanalytical Model

Interpersonal Relationship Model

ความสามารถในการคิด ปัญญา

Nursing theory

ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล(Interpersonal Relation Theory) ของ Hildegard E. Peplau

ประกอบด้วย

สุขภาพ (Health) เป็นความรู้สึกสบาย เพียงพอ และมีสุขอิสระจากความไม่สุขสบายกายและใจ

การพยาบาล (Nursing) เป็นการใช้กระบวนการลดความไม่สุขสบายหรือภาวะหมดทางช่วยเหลือ โดยพยาบาลมีปฏิสัมพันธ์กับผู้รับบริการและให้การช่วยเหลือ เพิ่มความสามารถในการดูแลตนเอง แลกเปลี่ยนข้อมูลและการปฏิบัติที่ทำให้เกิดความสอดคล้องระหว่างพฤติกรรม ของผู้รับบริการ ปฏิกิริยาของพยาบาลและการปฏิบัติการพยาบาลโดยคำนึงถึงองค์รวมของผู้รับบริการ

สิ่งแวดล้อม (Environment) จะกำหนดด้วยสถานการณ์ที่มีพยาบาลและผู้รับบริการและระบบการพยาบาล ไม่ได้เจาะจงสิ่งแวดล้อมในด้านผู้ป่วย

บุคคล (Person) ซึ่งแสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่บอกถึงความต้องการเฉพาะตัวและยังต้องการความช่วยเหลือให้แก้ปัญหา

เน้นการปรับตัว4ด้านของรอยเพื่อให้ครอบคลุมในการดูแล

Roles & functions

Self awareness, self image

Physical

Interpersonal relationships

Sigmund Freud

สัมพันธภาพเพื่อการบำบัด

Defense mechanism

Instinct

Id Ego Superego

Psycho sexual development

การมองในแง่ดีและการยอมรับโดยปราศจาก
เงื่อนไข (Unconditional Positive Regard and Acceptance) พยาบาลต้องมีความเต็มใจที่จะเข้าใกล้ผู้รับบริการและพยายามมองในแง่ดี ไม่ตัดสิน โดยมีความเชื่อในคุณค่า ศักดิ์ศรี และความสำคัญของความเป็นบุคคล

การสร้างความไว้วางใจ (Trust) ความเชื่อมั่นอยู่ภายในความไว้วางใจตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเสมอต้นเสมอปลายพยาบาลจะต้องมีความสม่ำเสมอและจริงใจ เพราะจะช่วยให้ผู้รับบริการค่อย ๆ สร้างความเชื่อถือในตัวพยาบาลแม้ว่าในระยะแรกผู้รับบริการอาจจะยังทดสอบพยาบาลอยู่ก็ตาม

การเข้ากันได้ (Rapport) พยาบาลจะต้องเข้ากันได้กับผู้รับบริการอย่างกลมกลืน ซึ่งความรู้สึกเข้ากันได้จะต้องมีตั้งแต่แรกเริ่มของสัมพันธภาพ รวมทั้งให้เวลากับผู้รับบริการสร้างความรู้สึกให้ผู้รับบริการผ่อนคลาย และปฏิบัติกับผู้รับบริการในฐานะมนุษย์เท่าเทียมกัน

อีโก้ (Ego) ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมพฤติกรรมที่เกิดจากความต้องการของอิด โดยอาศัยกฎเกณฑ์ทางสังคม และ หลักของความเป็นจริง (Reality Principle) มาช่วยในการตัดสินใจ

ซุปเปอร์อีโก้ (super ego) เป็นพลังจากสังคมที่เกี่ยวกับหลักศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม อุดมคติในการดำเนินชีวิตเป็นพลัง ส่วนที่ควบคุมให้บุคคลแสดงพฤติกรรมโดยสอดคล้องกับหลักแห่งความเป็นจริง (principle of reality)

อิด (id) เป็นส่วนที่ติดตัวมาโดยกำเนิด จัดเป็นเรื่องของแรงขับตามสัญชาตญาณ ความอยาก ตัณหา เป็นส่วนของจิตที่กระตุ้นให้บุคคลแสดงพฤติกรรมตามหลักแห่งความพอใจ

Epinephrine
ฮอร์โมนชนิดหนึ่งของร่างกายจะหลั่งเมื่อรู้สึกอันตรายหรือตกอยู่ในความเครียด

การเข้าถึงความรู้สึกหรือเข้าใจตามการรับรู้ของผู้รับบริการ (Empathy) คือการที่พยาบาลเข้าใจความรู้สึกของผู้รับบริการเหมือนกับที่ผู้รับบริการรู้สึก หรือเหมือนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับตนเอง ความเข้าใจตนเองอย่างดีจะช่วยให้เกิดความตระหนักในความเป็นผู้อื่นได้อย่างแท้จริง

ทฤษฎีของโอเรม
(OREM’ s THEORY)

emotion

concentration

มีการติดต่อสื่อสารที่มีจุดประสงค์ (Purposefulcommunication) เน้นการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนาส่งเสริมและป้องกันปัญหา

anxiety

มีการถ่ายโอนความรู้สึก (Transference) อาจเป็นทั้งความรู้สึกทั้งด้านบวกและด้านลบ ที่ถ่ายโอนมายังพยาบาลจากความใกล้ชิดและรู้สึกว่าพยาบาลเป็นเหมือนคนสำคัญของตนเองในด้านต่าง ๆ และอาจทำให้ผู้รับบริการแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมา

Nor-epinephrine

Serotonin
เป็นสารชีวเคมีชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้น มีคุณสมบัติเป็นทั้งสารสื่อประสาทและเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานในหลายๆ ส่วนของร่างกาย

  1. ทฤษฎีระบบการพยาบาล (Theory of nursing system)
  1. ทฤษฎีความพร่องในการดูแลตนเอง (Theory of self-care deficit)

sleep

  1. ทฤษฎีการดูแลตนเอง (Theory of self-care

wake up

การกำหนดหรือตั้งเป้าหมายชัดเจน (GoalFormulation) สัมพันธภาพเพื่อการบำบัดจะต้องมีการตั้งเป้าหมาย และปฏิบัติให้บรรลุตามที่ตั้งไว้

ระบบพยาบาล ( Nursing system)

appetite

การมีอารมณ์ขัน (Humor) เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในบางสถานการณ์ที่ทั้งพยาบาลและผู้รับบริการกำลังเผชิญอยู่

เป็นระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามความสามารถ

emotion

Dopamine
สารเคมีในสมองที่จัดอยู่ในกลุ่มแคทีโคลามีนสร้างมาจากกรดอะมิโนชนิดไทโรซีน โดยอาศัยการทำงานของเอนไซม์ไทโรซีนไฮดร็อกซิเลส เป็นทั้งสารสื่อประสาทที่คอยกระตุ้น โดพามีนรีเซพเตอร์ (dopamine receptor)และเป็นฮอร์โมนที่หลั่งมาจากไฮโปทาลามัส (hypothalamus) โดยเมื่อโดปามีนถูกหลั่งออกมาแล้วจะส่งผลต่ออารมณ์ให้มีความตื่นตัว กระฉับกระเฉง มีสมาธิมากขึ้น และไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ รอบตัว

โอเรมแบ่งระบบออกเป็น 3 ระบบ

movement

กลไกการป้องกันทางจิต

judgement

awareness

1) ระบบทดแทนทั้งหมด (Wholly compensatory nursing system)

กระบวนการของจิตใจทีใช้ป้องกันหรือลด ความขัดแย้งภายในจิตใจ

2) ระบบทดแทนบางส่วน (Partly compensatory nursing system)

3) ระบบสนับสนุนและให้ความรูป (Educative supportive nursing system)

Acetylcholine
เป็นสารสื่อประสาทที่สร้างขึ้นภายในสมอง มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ การคิด และกระบวนการทำงานของความจำ หรือความสามารถของสมองในการเก็บข้อมูลไว้ชั่วคราว

วิธีการช่วยเหลือผู้ป่วย

movement

memory

การกระทําให้

การชี้แนะ

การสอน

Gamma immunobutyric acid
GABA มีบทบาทสำคัญในการเป็นสารสื่อกระแสประสาท (neurotransmitter) ในระบบประสาทส่วนกลาง ทำหน้าที่รักษาสมดุลในสมอง ช่วยให้สมองเกิดการผ่อนคลาย ใช้ในการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาทหลายโรค เช่น โรควิตกกังวล นอนไม่หลับ โรคลมชัก และยังมีสมบัติในการลดความดันโลหิตด้วย


การสนับสนุน

brain response

การสร้างสิ่งแวดล้อม

Distortion
(การบิดเบือน)

Projection
(การโทษผู้อืน)

Denial
(การปฏิเสธ)

reflection

ทฤษฎีการปรับตัวของรอย
(Roy’s Adaptation Theory)

1) การปรับตัวด้านร่างกาย (Physiological mode)
สนองตอบต่อความต้องการพื้นฐานของบุคคล 5 ด้าน คือ
ความต้องการออกซิเจน อาหาร การขับถ่าย กิจกรรมและการพักผ่อน รวมถึงการทำงานของ ระบบต่างๆ ภายในร่างกาย

ทฤษฎีทางการพยาบาลของคิงทฤษฎีกระบวนการปฏิสัมพันธ์(King’s Theory)

ระบบ

สัญชาตญาณ

แบ่งเป็น

บุคคล (Person)

การพยาบาล (Nursing)

สุขภาพ (Health)

2) การปรับตัวด้านอัตมโนทัศน์ (Self-concept mode) การปรับตัวเพื่อนำไปสู่ ความมั่นคงทางจิตใจ อัตมโนทัศน์เป็นความเชื่อและความรู้สึกที่บุคคลยึดถือเกี่ยวกับตนเอง

3) การปรับตัวด้านบทบาทหน้าที่ (Role function mode) บุคคลมีตำแหน่งและกระทำตามบทบาทหน้าที่ของตนเองตามที่สังคม คาดหวังบทบาทของบุคคลมี 3 กลุ่ม

สัญชาตญาณเพื่อการดำรงชีวิต (Life Instinct)

สัญชาตญาณแห่งการทำลาย (Death Instinct)

ระบบของบุคคล (personal system)

เป็นส่วนหนึ่งของ สังคม เป็นผู้ที่มีเหตุผลและความรู้สึกนึกคิดรวมทั้งมีการตัดสินใจสำหรับสิ่งแวดล้อม (Environment) คิงอธิบายว่า สิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย สิ่งแวดล้อมภายในและสิ่งแวดล้อม ภายนอก บุคคลจะมีการแลกเปลี่ยนพลังงานกับสิ่ง แวดล้อมภายนอกตลอดเวลาเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้

ดังนี้

มีผลต่ออารมณ์

บทบาทปฐมภูมิ (Primary role) เป็นบทบาทตามอายุ เพศ และระดับพัฒนาการ เช่น บทบาทการเป็นวัยรุ่น และบทบาทการเป็นผู้สูงอายุ

เพื่อการดำรงชีวิตนั้นเป็นสัญชาตญาณที่ว่าด้วยความพึงพอใจส่วนบุคคล รวมไปถึงการสืบพันธุ์

บทบาททุติยภูมิ (Secondary role) เป็นบทบาทที่เกี่ยวกับงานตามระดับ พัฒนาการ เช่น บทบาทการเป็นบิดามารดา

เป็นสัญชาตญาณที่เชื่อว่าเป้าหมายของทุกชีวิตคือความตาย ดังนั้นสัญชาตญาณแห่งการทำลายนั้นจะรวมไปถึงความก้าวร้าวของคน ความทะเยอทะยาน ความมุ่งมั่นทุก ๆ อย่าง

เป็นกระบวนการของการเจริญ เติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ ความเจ็บป่วยภาวะสุขภาพจะสัมพันธ์กับ วิถีทางที่แต่ละบุคคลใช้ในการเผชิญความเครียดจากการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ซึ่งอยู่ภายใต้แบบแผน ทางวัฒนธรรมตามที่บุคคลนั้นกำเนิดและดำรงชีวิตอยู่

บทบาทตติยภูมิ (Tertiary role) เป็นบทบาทชั่วคราวที่บุคคลนั้นได้รับ เช่น บทบาทสมาชิกสมาคม และบทบาทผู้ป่วย

มีผลต่อทางสมาธิ ทางความคิด

เป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างการพยาบาลกับผู้รับบริการ ที่มีการแลกเปลี่ยน โดยมีการกำหนดปัญหา กำหนดเป้าหมายร่วมกัน ค้นหาวิธีการปฏิบัติและเลือกวิธีที่จะปฏิบัติร่วมกันเพื่อนำไปสู่เป้าหมายนั้น

4) การปรับตัวด้านการพึ่งพาซึ่งกันและกัน (Interdependent mode) บุคคลมี ความสัมพันธ์เกี่ยวข้องและพึ่งพาซึ่งกันและกัน โดยเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับความช่วยเหลือเกื้อกูล

มีความวิตกกังวล

พยาบาลและผู้รับบริการจะมีระบบส่วนตัวหรือมี แบบแผนเฉพาะเป็นของตนเองในการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม มโนทัศน์ที่ เกี่ยวข้อง ได้แก่ การรับรู้ (perception) อัตตา (self) การเจริญเติบโตและพัฒนาการ (growth and development) ภาพลักษณ์ (image) เทศะ (space) และกาละ (time)

พัฒนาการความต้องการทางเพศ

การดูแลช่วยเหลือ

ขั้นแสวงหาความสุขจากอวัยวะปาก (Oral Stage) (0 – 2 ขวบ)

ขั้นแสวงหาความสุขจากทวารหนัก (Anal Stage) (2 – 3 ขวบ)

ขั้นแสวงหาความสุขจากอวัยวะเพศ (Phallic Stage) (3 – 5 ขวบ)

ขั้นแสวงหาความสุขจากสิ่งรอบตัว หรือ ระยะสงบ (Latency Stage) (6 – 12 ขวบ)

ขั้นแสวงหาความสุขจากแรงกระตุ้นทางเพศ (Genital Stage) (12 ปีขึ้นไป)

ประเมินระดับความสามารถในการปรับตัวของผู้ป่วยทั้ง 4 ด้าน

ารช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรับพฤติกรรมที่เป็นปัญหาไปสู่พฤติกรรมที่เหมาะสม เป้าหมายควรเป็นเป้าหมายที่เกิดขึ้นได้จริงภายหลังที่ได้ปฏิบัติการพยาบาลเสร็จสิ้นลง

ระบบระหว่างบุคคล (interpersonal system)

บุคคล 2 คน ขึ้นไปมีปฏิสัมพันธ์กัน พยาบาลเป็นผู้ช่วยลดความเครียด มโนทัศน์ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ (human interaction) การสื่อสาร (communication) ปฏิสัมพันธ์ ที่มีเป้าหมาย (transaction) บทบาท (role) และ ความเครียด (stress) เจริญเติบโตและพัฒนาการ (growth and development) ภาพลักษณ์ (image) เทศะ (space) และกาละ (time)

คือสารเคมีธรรมชาติในร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งฮอร์โมน ที่ตอบสนองต่อภาวะความเครียดและเป็นสารสื่อประสาท

หากเด็กประสบความคับข้องใจทางเพศสัมพันธ์กับขั้นพัฒนาการความต้องการทางเพศขั้นใด เด็กจะประสบความวิตกกังวลซึ่งจะติดตัวไปถึงวัยผู้ใหญ่เป็นโรคประสาท ซึ่งเป็นความผิดปกติของจิตอย่างหนึ่ง

ระบบสังคม (social system)

พฤติกรรม และการปฏิบัติที่สร้างขึ้นเพื่อรักษาคุณค่าและกลไก สำ หรับควบคุมการปฏิบัติ กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง กับการพยาบาล มโนทัศน์ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ องค์การ (organization) อำนาจหน้าที่ (authority) อำนาจ (power) สถานภาพ (status) และการตัดสินใจ (decision making)

โดยทั้ง 3 ระบบย่อยนี้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และพลังงานกันตลอดเวลา

TREAT

Free association

Hypnosis

Psychotherapy

Dream interpretation

ทฤษฎีความ สำเร็จตามจุดมุ่งหมาย เป็นกระบวนการ 7 ขั้นตอน

1.พฤติกรรมของผู้รับบริการ

  1. การตอบสนองของผู้รับบริการต่อสิ่งรบกวน
  1. สิ่งรบกวนหรือปัญหา ซึ่งทำให้ผู้รับบริการต้องมาโรงพยาบาล
  1. การตั้งเป้าหมายและกำหนดจุดมุ่งหมายที่เป็นไปได้ร่วมกันของพยาบาลและ ผู้รับบริการ
  1. การค้นหาแนวทางปฏิบัติ
  1. การตกลงร่วมกันถึงวิธีปฏิบัติ ที่ต้องมีความเห็นพ้องต้องกันและยอมรับในวิธี การปฏิบัติ
  1. และการบรรลุเป้าหมายของการปฏิสัมพันธ์ เป็นพฤติกรรมที่แสดงออกในขั้นสุดท้าย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า จุดมุ่งหมายนั้นสำเร็จตามที่ตั้งเอาไว้

การตีความฝัน เน้นการให้ผู้ป่วยเล่าความฝัน และผู้รักษาตีความจากความฝัน

เน้นการปล่อยให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกอิสระสบาย และผ่อนคลาย เพื่อให้ผู้ป่วยเล่าเหตุการณ์ที่เป็นปัญหา และความทุกข์ออกมา

สะกดจิต ในภาวะกึ่งรู้ตัว กึ่งไม่รู้ตัว

Supportive psychotherapy

Insight psychotherapy

จิตบำบัดบัดแบบหยั่งเห็น

จิตบำบัดแบบประคับประคอง

นอนหลับ

ตื่นนอน

ความหิว อยากอาหาร

แก้ปมในอดีต

ทำความเข้า คลายความทุกข์ที่สะสมมาจากอดีต

ความรู้สึกโกรธ

ผู้ให้การรักษาต้องเป็นนักจิตวิทยา

การเคลื่อนไหว

วิจารณญาณ

การรับรู้

การเคลื่อนไหวที่บังคับได้

ความจำ

การตอบสนองของสมอง

การสะท้อนภาพให้เห็น

ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคลของซัลลิแวน

เชื่อว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมีความสำคัญกว่าสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ บุคคลที่มีสุขภาพดีจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและความเจ็บป่วยทางจิตเกิดจากการขาดทักษะในการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล

แนวคิด

มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของบุคคลผ่านการมีสัมพันธภาพและเป็นการลดความวิตกกังวลโดยซัลลิแวนกล่าวว่า ความรู้สึกวิตกกังวลเป็นความรู้สึกเจ็บปวดจากความรู้สึกที่ไม่ได้รับความมั่นคงปลอดภัยและความพึงพอใจทางสรีรวิทยา

social Theories

มองสังคมเป็นหลัก

Social norm
ค่านิยมพื้นฐานของสังคม

Social expectation
บรรทัดฐาน และความคาดหวัง

ลักษณะ

  1. เป้าหมายเพื่อไปสู่ความพึงพอใจ (Satisfaction) ซึ่งเน้นความต้องการทางสรีรวิทยา เช่น ความหิว การนอนหลับพักผ่อนและความต้องการทางเพศ
  1. เป้าหมายเพื่อไปสู่ความมั่นคง (Security เป็นความต้องการเพื่อความเป็นอยู่อย่างมีความสุข ต้องการการยอมรับในสังคมซึ่งเกิดจากการมีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล

Social acceptance สังคมยอมรับ

ถ้าไม่ทำตามค่านิยมก็จะไม่เป็นที่ยอมรับของบุคคลอื่น

การถูกคาดหวังจากสิ่งต่างๆ อาจจะทำตามค่านิยมหรือสิ่งที่ควรจะทำเพื่อให้ถูกยอมรับ

เมื่อสังคมยอมรับบุคลก็จะมีความสุข การแก้ไขต้องขึ้นอยู่กับความเหมหาะสมและการมีเหตุผลของสังคมนั้น

การบำบัด

เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ป่วย เพื่อให้สามารถสร้างสัมพันธภาพกับบุคคลอื่น ๆ

ผู้รักษาจะต้องสร้างความเชื่อถือ ไว้วางใจโดยการแสดงความจริงใจไม่เสแสร้งและในขณะเดียวกันผู้รักษา จะช่วยผู้ป่วยไม่ให้แยกแยะปัญหาของตนเองและทำความเข้าใจตนเอง

กระตุ้นให้ผู้ป่วยสร้างสัมพันธภาพใหม่กับบุคคลอื่นและเชื่อว่าสัมพันธภาพระหว่างผู้รักษากับผู้ป่วยจะเป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความเข้าใจตนเองและไว้วางใจผู้อื่นได้มากขึ้น

บำบัดจะต้องพยายามสร้างความรู้สึกไว้วางใจ (trust) โดยการใช้กระบวนการของสัมพันธภาพที่อบอุ่นจริงใจ สร้างการเรียนรู้ใหม่ที่เหมาะสม

คนเพี้ยน ที่แปลกแยก สังคมก็ต้องยอมรับให้ได้ ปรับทัศนคติต่อผู้ป่วยจิตเวช ให้ยอมรับต่อผูได้

EXISTENTIAL MODEL
เชื่อว่ามนุษย์มีเสรีภาพ100%

Exist

Independence

Free

responsibility

จิตบำบัดผู้ป่วยโดยใช้แนวความคิดเหล่านี้ ให้ผู้ป่วยเห็นความอิสระในตนเอง แล้วเราacceptance เขา แล้วเขาจะพัฒนาตนเองได้

A B C

ช่วยทำให้เราเข้าใจพื้นฐานของการเจ็บป่วย หรือความทุกข์ในใจ

A

B

C

ANTICEDENCE

BEHAVIOUR

CONSEQUENCES

เกิดจากการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นใหม่ สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ๆ เช่นการรู้สึกกลัว ให้เขาเผชิญสิ่งนั้นไปทีละน้อย

สิ่งที่ทำให้เกิดขึ้น

พฤติกรรมที่เข้าไปมีปฏิกิริยากับเหตุนั้น

ผลที่เกิดขึ้น

Appraisal

มนุษย์นิยม คนทุกคนมีความสามารถ มุ่งเน้นที่การยอมรับ ไม่ควรตำหนิหรือดูถูกผู้ป่วย ต้องชื่นชมในสิ่งดีงามที่ผู้ป่วยสามารถทำได้

เป็นตัวที่ทำให้ต่างกัน

เช่นนักศึกษาสอบตกเหมือนกัน ด้วยคะแนนที่เหมือนกัน

การตีความ ความรับรู้ที่แตกต่างกัน หรือแก้โดยการสร้างการรับรู้ใหม่ให้เขา ทำให้เขามีการสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อให้มีผลที่ดีขึ้น