Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช และการนำแนวคิด ทฤษฎีต่างๆมาใช้ในการดูแลผู้ป่ว…
ระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช และการนำแนวคิด ทฤษฎีต่างๆมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยจิตเวช
ทฤษฎีและแนวคิด
ที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลสุขภาพจิต
BIOMEDICAL MODEL
(แบบจำลองทางชีวการแพทย์)
การเจ็บป่วยทางจิตเกิดจากสภาวะที่ร่างกายมีความไม่สมดุลของสารชีวะเคมี
สารชีวะเคมี ที่ส่งผลการทำงานของสมอง
Biochemical Imbalance
(ความไม่สมดุลทางชีวเคมี)
Epinephrine เเละ Nor-epinephrine => อารมณ์, ความวิตกกังวล, สมาธิ,คิดมาก ,อารมณ์สุขเศร้าเกินเหตุ
Serotonin => นอนหลับ, ตื่น, อยากอาหาร, อารมณ์
Dopamine => การเคลื่อนไหวการตัดสินการรับรู้
Acetylcholine => การเคลื่อนไหวหน่วยความจำ
Gamma immunobutyric acid => การตอบสนองของสมอง,การสะท้อนกลับ
ถ้าสมองไม่หลั่ง
Epinephrine, Seroton in, Dopamine, AcetyIcholine ทำให้เครียด
การรักษา
รักษาด้วย ECT
รักษาด้วยยา
การทำงานของสมองเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของ
สุขภาพจิต
Behaviour Model (แบบจำลองพฤติกรรม)
คือ ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
เชื่อว่าพฤติกรรมทุกอย่างเกิดจากการเรียนรู้
Re-enforcement ช่วยให้เกิดพฤติกรรมขึ้นมา
การเปลี่ยนเเปลงสามารถทำได้หลายวิธี
Negative reinforcenment การเสริมแรงทางลบ
Relaxation technique การผ่อนคลายเข้ามาช่วย
Shaping technique การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
Motivation แรงจูงใจ
Systenmatic descensitization
การเปลี่ยนความกลัว
Assertive การแน่วแน่
Positive reinforcenment การเสริมแรงทางบวก
Humanistic Model
(แบบจำลองมนุษยนิยม)
เชื่อว่า
ทุกคนมีความคิดไปทางบวก
ความคุ้มค่า
ทำผิดย่อมมีเหตุผล
การยอมรับได้
อย่าตำหนิ
ทฤษฎีการพยาบาลการปรับตัวของรอย
ทางกายภาพ
บทบาทและหน้าที่
การรับรู้ตนเองและภาพลักษณ์ของตนเอง
สัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ทฤษฎีทางสังคม
บรรทัดฐานทางสังคม
เช่นการนั่งไขว่ห้างต่อหน้าผู้ใหญ่ประเทศไทยทำไม่ได้แต่ต่างประเทศทำได้
ขึ้นอยู่กับประเทศที่อยู่
คาดหวังทางสังคม
อาจทำให้ป่วยได้
การยอมรับทางสังคม
ต้องยอมรับผู้ป่วยจิตเวช
ยอมปรับตัวทั้งสองเพื่ออยู่ร่วมกันทางสังคม
การดูแลสุขภาพจิตชุมชน
วิธีเปลี่ยน
Rational emotive behavior
therapy (REBT)บำบัดด้วยอารมณ์ที่มีเหตุผล
Rational emotive therapy(RET) : การบำบัดพฤติกรรมที่มีเหตุผล
Logotherapy : เป็นสิ่งวางเป้าหมายชีวิต
ช่วยวางเป้าหมายชีวิต
Reality Therapy : ทฤษฎีบำบัดด้วยความจริง
ชอบโทษอย่างอื่น
Gestalt Therapy
Psychoanalytical Model
(แบบจำลองจิตวิเคราะห์)
Id Ego Superego
ภาวะอีโก้ไม่โดดเด่น
กลไกการป้องกัน
สัญชาตญาณ
พัฒนาการเพศทางจิต
ทฤษฎีของฟรอยด์
วิธีการรักษา
การตีความฝัน
Free association
การสะกดจิต
จิตบำบัด
จิตบำบัดเชิงลึก
Interpersonal Relationship Model
(แบบจำลองความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล)
ขั้นตอนความสัมพันธ์
ติดต่อ
การมีส่วนร่วม
ความใกล้ชิด
การเสื่อมสภาพ
ซ่อมแซม
การสลายตัว
ด้านมืดของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ความสัมพันธ์ความหึงหวง
ประเภท
1.ความอิจฉาริษยา
2.อารมณ์อิจฉาริษยาพฤติกรรม
การกลั่นแกล้ง
ประเภท
1.นินทา
2.ปฏิบัติต่อผู้อื่นว่าตํ่าต้อย
3.ยกเว้นสมาชิกจากหน้าที่ทางสังคม
4.การดูถูกทางวาจา
5.การแสดงออกทางสีหน้าในทางลบ
6.การตำหนิมากเกินไป
7.ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดมากกว่าอื่นๆ
8.ถูกวิจารย์โดยไม่จำเป็น
ความสัมพันธ์ความรุนแรง
1.การล่วงละเมิดทางวาจาหรืออารมณ์
2.การทำร้ายร่างกาย
3.การล่วงละเมิดทางเพศ
4.การดูหมิ่นหรือเพิกเฉย
5.ควบคุมชีวิต
6.อิจฉาโดยไม่มีเหตุผล
ข้อดีข้อเสีย
ข้อดี
1.ความสัมพันธ์ช่วยให้มีความรู้ในตนเองและเห็นคุณค่าตัวเอง
2.ช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายและอารมณ์
3.เพิ่มความสุขลดความเจ็บปวด
ข้อเสีย
1.ทำให้รู้สึกไม่สบายใจที่จะเิดเผยช่องโหว่ของตนเอง
2.ทำให้กลัวเพราะมันอาจจะละเลยได้ยาก
3.ป้องกันไม่ให้พัฒนาความสัมพันธ์อื่นๆ
Cognitive Behaviour Model
(แบบจำลองพฤติกรรมทางปัญญา)
ทฤษฎีการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม
หน้าที่ ต้นเหตุ>พฤติกรรม>ผลลัพธ์
เน้นปัจจุบันเป็นหลักสำคัญ
การนำไปใช้
บำบัดแบบ RET,REBT
การค้นหาความหมายชีวิต
การเผชิญความจริง
การทำให้เป็นอิสระจากอดีต
Nursing Theories
(ทฤษฎีการพยาบาล)
ประกอบด้วย
กายภาพ
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
บทบาทเเละหน้าที่
การรับรู้ตนเองเเละภาพตนเอง
ทฤษฎีการพยาบาล
ทฤษฎีความสำเร็จตามจุดมุ่งหมาย
กระบวนการ 7 ขั้นตอน
1.พฤติกรรมของผู้รับบริการ
สิ่งรบกวนหรือปัญหา ซึ่งทำให้ผู้รับบริการต้องมา
โรงพยาบาล
การตั้งเป้าหมายและกำหนดจุดมุ่งหมายที่เป็นไป
ได้ร่วมกันของพยาบาลและ ผู้รับบริการ
การตอบสนองของผู้รับบริการต่อสิ่งรบกวน
การค้นหาแนวทางปฏิบัติ
และการบรรลุเป้าหมายของการปฏิสัมพันธ์ เป็น
พฤติกรรมที่แสดงออกในขั้นสุดท้าย
6.การตกลงร่วมกันถึงวิธีปฏิบัติ ที่ต้องมีความเห็น
พ้องต้องกันและยอมรับในวิธีการปฏิบัติ
ทฤษฎีสัมพันธภาพระหว่างบุคคล
ของ Hildegard E. Peplau
ความหมาย
คน
คือ บุคคล (Person) แสดงออกซึ่ง
พฤติกรรม คำพูดและท่าทางที่บอกถึงความต้องการเฉพาะตัวและยังต้องการความช่วยเหลือให้แก้ปัญหา
สิ่งแวดล้อม (Environment)
จะกำหนดด้วยสถานการณ์ที่มีพยาบาลและผู้รับบริการและระบบการพยาบาลไม่ได้เจาะจงสิ่งแวดล้อมในด้านผู้ป่วย
สุขภาพ (Health)
เป็นความรู้สึกสบาย เพียงพอ และมีสุข อิสระจากความไม่สุขสบายกายและใจ
การพยาบาล (Nursing)
เกิดจากการที่ผู้ป่วย ต้องการความช่วยเหลือ
เป็นการใช้กระบวนการลดความไม่สุขสบายหรือ
ภาวะหมดทางช่วยเหลือ
โดยพยาบาลมี
ปฏิสัมพันธ์กับผู้รับบริการและให้การ
ช่วยเหลือลดความไม่สุขสบาย
ปรับปรุงพฤติกรรม
เพิ่มความสามารถในการดูแลตนเอง
สัมพันธภาพเพื่อการบำบัด
มีลักษณะสำคัญดังต่อไปนี้
การเข้ากันได้ (Rapport)
การสร้างความไว้วางใจ (Trust)
การมองในแง่ดีและการยอมรับ
โดยปราศจากเงื่อนไข
การเข้าถึงความรู้สึกหรือเข้าใจตามการรับรู้ของผู้รับบริการ (Empathy)
มีการติดต่อสื่อสารที่มีจุดประสงค์
เน้นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพัฒนา
มีการถ่ายโอนความรู้สึก (Transference)
การกำหนดหรือตั้งเป้าหมายชัดเจน
(Goal Formulation)
การมีอารมณ์ขัน (Humor)
ทฤษฎีของโอเรม
(OREM’ s THEORY)
ทฤษฎีระบบการพยาบาล
(Theory of nursing system)
เป็น
เป็นระบบของการกระทําที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามความสามารถและความต้องการการดูแลตนเองของผู้ป่วย
แบ่งระบบเป็น 3 ระบบ คือ
1) ระบบทดแทนทั้งหมด (Wholly compensatory
nursing system)
2) ระบบทดแทนบางส่วน (Partly compensatory
nursing system)
3) ระบบสนับสนุนและให้ความรูป (Educative
supportive nursing system)
วิธีการช่วยเหลือผู้ป่วย
5 วิธี คือ
การชี้แนะ
การสอน
การกระทําให้
การสนับสนุน
การสร้างสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีความพร่องในการดูแลตน
เอง (Theory of self-care deficit)
ทฤษฎีการดูแลตนเอง (Theory of
self-care
ทฤษฎีการปรับตัวของรอย
(Roy’s Adaptation Theory)
1) การปรับตัวด้านร่างกาย
(Physiological mode)
เป็น
เป็นการปรับตัวเพื่อรักษาความ มั่นคงด้านร่างกายพฤติกรรมการปรับตัวด้านนี้จะสนองตอบต่อความต้องการพื้นฐานของบุคคล
5 ด้าน
ความต้องการออกซิเจน
อาหาร
การขับถ่าย
กิจกรรม
การพักผ่อนรวมถึงการทำงานของระบบ
ต่างๆ ภายในร่างกาย
2) การปรับตัวด้านอัตมโนทัศน์
(Self-concept mode)
เป็น
การปรับตัวเพื่อนำไปสู่ ความมั่นคงทางจิตใจ
อัตมโนทัศน์เป็นความเชื่อและความรู้สึก
ที่บุคคลยึดถือเกี่ยวกับตนเองในช่วงเวลาหนึ่งเกี่ยวกับ
รูปร่างหน้าตา
ภาวะสุขภาพ
การทำหน้าที่
รวมไปถึงความเชื่อ ค่านิยมและทุกอย่างที่ตนเอง
ยึดถือ
3) การปรับตัวด้านบทบาทหน้าที่ (Role
function mode)
3.1) บทบาทปฐมภูมิ (Primary role)
บทบาทตามอายุ เพศ และระดับพัฒนาการ
เช่น
บทบาทการเป็นวัยรุ่น
บทบาทการเป็นผู้สูงอายุ
บุคคลมีตำแหน่งและบทบาทในสังคมของตนเอง บุคคลจะต้องปรับตัวหรือกระทำตามบทบาท
หน้าที่ของตนเองตามที่สังคม คาดหวัง
ได้อย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดความมั่น
3.2) บทบาททุติยภูมิ (Secondary role)
เป็นบทบาทที่เกี่ยวกับงานตามระดับพัฒนาการ
เช่น
บทบาท
การเป็นบิดามารดา
บทบาทการเป็นสามีภรรยา
บทบาทตามอาชีพ
เช่น
บทบาทการเป็นครู
บทบาทการเป็น
นักศึกษา
บทบาทการเป็นพยาบาล
3.3) บทบาทตติยภูมิ (Tertiary role)
เป็นบทบาทชั่วคราวที่บุคคลนั้นได้รับ เช่น บทบาทสมาชิก
4) การปรับตัวด้านการพึ่งพาซึ่งกันและกัน
(Interdependent mode)
บุคคลมี ความสัมพันธ์
เกี่ยวข้องและพึ่งพาซึ่งกันและกัน
โดยเป็นทั้งผู้
ให้และผู้รับความช่วยเหลือเกื้อกูล
บุคคลที่สามารถปรับตัวด้านการพึ่งพาระหว่างกัน(Interdependence)
ความสมดุลระหว่างการพึ่งตนเอง
(Independence)
การพึ่งพาผู้อื่น (Dependence)
การดูแลช่วยเหลือ
ประเมินระดับความสามารถในการ
ปรับตัวของผู้ป่วยทั้ง 4 ด้าน
การช่วยให้ผู้ป่วยสามารถปรับ
พฤติกรรมที่เป็นปัญหาไปสู่พฤติกรรมที่เหมาะสม
ทฤษฎีทางการพยาบาลของคิง
ทฤษฎีกระบวนการปฏิสัมพันธ์
(King’s Theory)
เชื่อว่า
1) บุคคล (Person)
เป็นส่วนหนึ่งของสังคม
เป็นผู้ที่มีเหตุผลและความรู้สึกนึกคิด
มีภาษาเป็นสัญลักษณ์สำ หรับใช้ในการสื่อสาร
มีการใช้ความคิด มีการกระทำ
มีขนบธรรมเนียมประเพณี และความเชื่อ
2) สุขภาพ (Health)
เป็นกระบวนการของการ
เจริญ เติบโตและพัฒนาการของมนุษย์
ความเจ็บป่วยอาจมีผลกระทบต่อบุคคลในทุกกลุ่มอายุ
และทุกระดับ
3) การพยาบาล (Nursing)
เป็ยกระบวนการปฏิสัมพันธ์ ระหว่างการ
พยาบาลกับผู้รับบริการ
มีการแลกเปลี่ยน การรับรู้ข้อมูลซึ่งกันและกัน
ผ่านกระบวนการสื่อสาร
โดยมีการกำหนดปัญหา กำหนดเป้าหมายร่วมกัน
และเลือกวิธีที่จะ
ปฏิบัติร่วมกันเพื่อนำ ไปสู่ เป้าหมายนั้น1
ระบบ แบ่งเป็น
1) ระบบของบุคคล (personal system)
พยาบาลและผู้รับบริการจะมีแบบแผนเป็นของตนเองในการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
มีการปรับเปลี่ยนแบบแผน
ของตนเอง มโนทัศน์ที่ เกี่ยวข้อง
ได้แก่
การรับรู้
(perception)
อัตตา (self)
การเจริญเติบโตและ
พัฒนาการ (growth and development)
ภาพลักษณ์ (image)
เทศะ (space) และกาละ (time)
2) ระบบระหว่างบุคคล (interpersonal system)
สำหรับผู้รับ บริการและครอบครัว
มโนทัศน์ ที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่
ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ (human interaction)
การสื่อสาร (communication)
ปฏิสัมพันธ์ ที่มี
เป้าหมาย (transaction)
บทบาท (role)
ความเครียด (stress)
เจริญเติบโตและพัฒนาการ
(growth and development)
ภาพลักษณ์ (image)
เทศะ (space) และกาละ (time)
3) ระบบสังคม (social system)
เป็นขอบเขตระบบ บทบาทของสังคม พฤติกรรม และการปฏิบัติที่สร้างขึ้นเพื่อรักษาคุณค่าและ
กลไก
กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลมโน
ทัศน์ที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่
องค์การ
(organization)
อำนาจหน้าที่ (authority)
อำนาจ (power)
สถานภาพ (status)
การตัดสินใจ (decision making)
โดยทั้ง 3 ระบบย่อยนี้มีการแลกเปลี่ยน
สมาชิก
น.ส.ประภัสสร สำเภาทอง เลขที่ 45 (62111301047)
น.ส.ปรียานุช วิเชียรชูตระกูล เลขที่ 46 (62111301048)
น.ส.มานิตตา เเสงจันทร์ เลขที่ 69 (62111301072)
น.ส.สุชาดา เปลี่ยนเเก้ว เลขที่ 89 (62111301092)
น.ส.สุทธิกมล หนองเหล็ก เลขที่ 91 (62111301094)