Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันโรคเบา…
ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
ที่มาและความสำคัญ
เบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคเรื้อรังที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและเป็นปัญหาสาธารณสุขทั่วโลก องค์การอนามัยโลกคาดประมาณว่าในปีพ.ศ. 2573 จะมีผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่2 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 360 ล้านคนจาก 180 ล้านคนในปีพ.ศ. 2549 ในประเทศไทยได้มีการสำรวจสภาวะสุขภาพอนามัยของประชาชนทั่วประเทศเมื่อปีพ.ศ. 2551-2552 ในประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป พบอัตราความชุกของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ร้อยละ 7.7 ในเพศหญิง และ ร้อยละ 6 ในเพศชาย ยิ่งกว่านั้นหนึ่งในสามของผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานชนิดที่2 มาก่อน
วัยรุ่นที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่2 มีภาวะดื้ออินซูลินซึ่งเป็นผลจากปัจจัยเสี่ยงที่สำ คัญคือ การขาดการออกกำลังกายและความอ้วน (สุภาวดีลิขิตมาศกุล, 2548)ึ่งสอดคล้องกับ คณะกรรมการชมรมต่อมไร้ท่อเด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย (2550)
การสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพจึงมีความสำคัญในการป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่2 แนวทางในการสร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพ ต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับกลุ่มประชากรและพัฒนาการในแต่ละช่วงอายุ การรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพ เป็นทฤษฎีใช้ในการอธิบายและทำ นายพฤติกรรมการป้องกันโรค
การรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพ กล่าวว่า การที่บุคคลจะมีพฤติกรรมสุขภาพ หลีกเลี่ยงจากการเป็นโรค จะต้องมีความเชื่อหรือรับรู้โอกาสเสี่ยง ต่อการเป็นโรค และรับรู้ว่าโรคนั้นมีความรุนแรงและมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิต การปฏิบัติที่เหมาะสมจะเกิดผลดีในการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือช่วยลดความรุนแรงของโรคโดยไม่มีอุปสรรคต่อการปฏิบัติ
(Rosenstock, 1974)
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
เพื่อศึกษา ปัจจัยด้านการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพ (การรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ประโยชน์ในการป้องกันโรคและการรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค) และพฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่2 ในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับพฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่2 ในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย
เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพ (การรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรค การรับรู้ความรุนแรงของโรค การรับรู้ประโยชน์ในการป้องกันโรค และการรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค)
-
วิธีการศึกษา
เป็นการศึกษาเชิงความสัมพันธ์(correlational research)ประชากรคือ นักเรียนมัธยมศึกษาีที่ 4-6 ในเขตอำ เภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ปีการศึกษา 2552
มีการจัดกิจกรรมออกกำลังกายให้กับนักเรียนและมีการรวมกลุ่มเป็นชมรมคัดเลือกตัวอย่างโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (multi-stage random sampling) เริ่มจากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (simple random sampling)ในการคัดเลือกโรงเรียนระดับตำบล และสุ่มแบบมีระบบ (systematic random sampling) ในนักเรียนแต่ละระดับชั้นของแต่ละโรงเรียน
-
การวิเคราะห์ข้อมูล
ใช้โปรแกรมสำ เร็จรูปในการวิเคราะห์ทางสถิติ โดยใช้สถิติบรรยายในการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพ และพฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และสถิติอ้างอิง
-
-
อัจฉรา จินดาวัฒนวงศ์ และคณะ (2555).ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ความเชื่อด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย [บทวิจัยออนไลน์]. สืบค้นจากเว็บไซต์ file:///C:/Users/HP/Downloads/9002-Article%20Text-18370-1-10-20130606.pdf