Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case studyอายุ 73 ปี หอผู้ป่วย ศัลยกรรมกระดูกเตียง 5 - Coggle Diagram
Case studyอายุ 73 ปี
หอผู้ป่วย ศัลยกรรมกระดูกเตียง 5
อาการ
อาการสำคัญ
มีแผลฉีกขาดหลังมือขวาและเท้าขวาลึกถึงกระดูก 6 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน
6 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล ขี่จักรยานยนต์ชนกับจักรยานยนต์ มีแผลฉีกขาดหลังมือขวาและเท้าขวาลึกถึงกระดูก มีอาการปวดขาขวาและมือขวา เดินลงน้ำหนักไม่ได้ จำเหตุการณ์ไม่ได้ ไม่ทราบประวัติสลบ
ประวัติการผ่าตัด
1.ผ่าตัดกระดูกหลังเสื่อม 20 ปีที่ผ่านมาที่โรงพยาบาลพะเยา
DB c delta force AOEF( AO external fixator) +ORIF(Open Reduction Internal Fixation) c k-wire 1th finger Rt , and 5th Rt ,DB c closed stamb 5th finger Rt
ประวัติการใช้ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ทานสมุนไพร เจียวกู่หลาน
อาการแรกรับไว้ที่โรงพยาบาล
รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง on splint Rt hand & Rt leg ปิด gauze ไว้มีเลือด No active bleed
T = 37.3 เซลเซียส P = 74 ครั้ง/นาที R = 18 ครั้ง/นาที BP = 187/80 มม.ปรอท
ข้อมูลแบบแผนสุขภาพ
แบบแผน5.การนอนหลับพักผ่อน
(ที่โรงบาล นอนไม่เพียงพอ นอนประมาณ 4-5 ชั่วโมง นื่องจากมีเสียงดังรบกวน
แบบแผน6.สติปัญญาและการรับรู้และประสาทสัมผัส
มีอาการปวด pain score=3
แบบแผน8.บทบาทและสัมพันธภาพ
บุตรต้องขาดรายได้ เพื่อมาเฝ้าดูแลผู้ป่วย
การประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ
มี 14 คะแนนมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ
การประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม
มี 7 คะแนน มีความเสี่ยงระดับสูงต่อการพลัดตกหกล้ม
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
* แผนการพยาบาลวันที่ 22 ธันวาคม 2563
11.การวินิจฉัยการพยาบาล ผู้ป่วยเสี่ยงต่อกล้ามเนื้อลีบข้อติดปลายมือปลายเท้าตกเนื่องจากถูกจำกัดการเคลื่อนไหวจากการใส่external fixator
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดกล้ามเนื้อลีบข้อติดปลายมือปลายเท้าตก
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยสามารถทำการบริหารกล้ามเนื้อตามข้อมือข้อเท้าและขาได้
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินภาวะกล้ามเนื้อลีบ ข้อติด ปลายมือปลายเท้าตก โดยประเมินแขนขาทั้ง2ข้างอย่างต่อเนื่องเพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนและอาการกล้ามเนื้อลีบข้อติด เพื่อนำไปวางแผนรักษาการพยาบาลต่อไป
2.กระตุ้นให้ผู้ป่วยบริหารกล้ามเนื้อแขนและขาเคลื่อนไหวข้อต่างๆทั้งด้านข้างที่มีพยาธิสภาพและไม่มีพยาธิสภาพ.เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณแขนและขาฟื้นฟูสภาพโดยไม่เกิดการอ่อนแรงกล้ามเนื้อลีบ ข้อติด ปลายมือ ปลายเท้าตก
แผนการพยาบาลวันที่ 21 ธันวาคม 2563
10
การวินิจฉัยการพยาบาล ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เนื่องจากมีแผลกดทับที่บริเวณก้นกบ
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อจากการมีแผลกดทับ
เกณฑ์การประเมิน
1.ขนาดแผลกดทับบริเวณก้นกบมีขนาดไม่เพิ่มขึ้น
2.ผิวหนังมีความชุ่มชื่นและยืดหยุ่นดี
3.แผลกดทับไม่มีอาการบวมแดง อักเสบหรือมีหนอง
กิจกรรมการพยาบาล
2.ช่วยพลิกตะแคงผู้ป่วยอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมงเพื่อลดการเกิดแผลกดทับเนื่องจากผู้นอนติดเตียง บริเวณที่เป็นปุ่มกระดูกต่าง ๆ จะขาดเลือดมาเลี้ยง บริเวณผิวหนัง ทำให้เซลล์บางตัวตาย จนเป็นแผลไปเรื่อย ๆ
3.ดูแลการขับถ่ายไม่ให้ผู้ป่วยนอนแช่ปัสสาวะ อุจจาระ สังเกตุการณ์ขับถ่ายของผู้ป่วยอยู่เสมอ โดยการเปลี่ยน แพมเพิส และทำความสะอาดที่เปลี่ยนอุจจาระและปัสสาวะให้ผู้ป่วยเพราะผิวหนังเมื่อมาสัมผัสกับอุจจาะและปัสสาวะนาน ๆ ผิวหนังจะแดง มีการกัดกร่อน และทำให้มีแผลเกิดอักเสบร่วมด้วย ปกติผิวหนังมีค่า PH=5.5-5.9 ส่วนอุจจาระและปัสสาวะเป็นด่าง PH=4.8-8 ซึ่งทำลายเกราะกรดอ่อนของผิว กรดอ่อนของผิวเอนไซม์ในอุจจาระยังทำลายไขมันและโปรตีนบริเวณผิวหนัง บริเวณผิวหนัง
1.ทำความสะอาดแผลที่บริเวณก้นกบด้วยวิธี wet dressing และ dry dressingเพื่อทำให้แผลสะอาด ปราศจากเชื้อและมีความชุ่มชื้นมีอุณหภูมิที่เหมาะสมที่เลือดไปเลี้ยงแผลพอเพียง
*แผนการพยาบาลวันที่ 23 ธันวาคม 2563
12.การวินิจฉัยการพยาบาล ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากมีน้ำปัสสาวะคั่งค้างในกระเพาะปัสสาวะ
วัตถุประสงค์
ป้องกันการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
เกณฑ์การประเมิน
1.บริเวณPerineum สะอาด และไม่อับชื้น
2.น้ำปัสสาวะใส ไม่มีตะกอน
3.อุณหภูมิร่างกายอยู่ระหว่าง 36.0-37.0 องศาเซลเซียส
กิจกรรมการพยาบาล
1.ดูแลความสะอาดบริเวณ Perineum อยู่เสมอโดยเฉพาะบริเวณรอบ ๆ ที่ใส่สายสวนปัสสาวะ :เพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบขับถ่ายปัสสาวะ
4.ดูแลfoley Cath ให้อยู่ในระบบปิด โดยการไม่ปลดข้อต่อระหว่างสายสวนปัสสาวะ กับถุงลองปัสสาวะเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สายสวนปัสสาวะ และไม่ให้เชื้อโรคปนเปื้อนเข้าไปในสายสวนปัสสาวะ
5.ดูแลถุงรองรับน้ำปัสสาวะ(urine bag )ให้อยู่ต่ำกระเพาะปัสสาวะ และจัดให้urine bag อยู่สูงกว่าระดับพื้นห้องเสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากน้ำปัสสาวะจากurine bag ไหลย้อนเข้าไปในสายสวนปัสสาวะ
6.ประเมินอุณหภูมิร่างกายทุก4ชั่วโมงเพื่อเฝ้าระวังอาการไข้ และนำไปวางแผนการพยาบาลต่อไป
3.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับน้ำให้เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันละ2000ซีซี เพื่อขับเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ
2.สังเกตลักษณะ ปริมาณและสีของน้ำปัสสาวะ เพื่อเฝ้าระวังอาการติดเชื้อ ในระบบทางเดินปัสสาวะ
13 การวินิจฉัยการพยาบาล .ผู้ป่วยวิตกกังวลเกี่ยวกับโรค และการผ่าตัด การปฏิบัติตัวก่อนและหลังการผ่าตัด
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยวิตกกังวลเกี่ยวกับโรค และการผ่าตัดลดลง
เกณฑ์การประเมิน
1.ผู้ป่วยมีความวิตกกังวล ลดลง
2.ผู้ป่วยบอกการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด และความรู้เกี่ยวกับการดมยาได้อย่างถูกต้อง
กิจกรรมการพยาบาล
1.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยซักถาม ข้อข้องใจหรือสิ่งที่ต้องทราบเพิ่มเติม ด้วยความยินดีและเต็มใจเพื่อให้ผู้ป่วยหายข้อข้องใจ
4.แนะนำในการใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เช่นสวดมนต์ ทำสมาธิเป็นต้นเพิ่อลดอาการวิตกกังวลทางเดินจิตใจ
3.ให้ความรู้ เกี่ยวกับโรค การผ่าตัด การเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัด การปฏิบัติตนหลังผ่าตัด เช่นระวัง ไม่ให้แผลผ่าตัดเปียกน้ำ ดูแลแผลไม่ให้ติดเชื้อ ให้รับประทานยาตามแผนการรักษาพร้อมสังเกตอาการ ข้างเคียงของยาเพื่อให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง
2.อธิบายเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อม ทางด้านร่างกาย เช่น การทำความสะอาดของร่างกาย ส่วนต่าง ๆโดยเฉพาะ บริเวณที่จะทำการผ่าตัด การดมยาสลบควรงดน้ำ งดอาหาร ก่อนผ่าตัด 6-8 ชม. หรือเที่ยงคืนก่อนวันผ่าตัดเพื่อให้ลดจำนวนแบคทีเรียบริเวณผิวหนัง ป้องกันการอักเสบติดเชื้อของแผลผ่าตัด ลดการติดเชื้อ และให้ผู้ป่วยสุขสบายก่อนผ่าตัด และให้ทางเดินอาหารว่าง ป้องกันการสำลักอาหารเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
แผนการพยาบาลวันที่ 23 ธันวาคม 2563
.14.การวินิจฉัยการพยาบาล ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากได้รับยา Pethidine
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยปลอดภัยและไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากยา
เกณฑ์การประเมิน
ไม่มีอาการแสดงของภาวะข้างเคียง เช่น ง่วงซึม คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ความดันต่ำ
กิจกรรมการพยาบาล
1.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาที่ถูกต้องโดย ยึดหลัก 6 Rเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
2.ตรวจบันทึกสัญญาณชีพอาการเปลี่ยนแปลงผู้ป่วย.เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลง
3.ประเมินความผิดปกติที่จะเกิดกับผู้ป่วยจากภาวะข้างเคียงของยา เพื่อรู้สาเหตุและวิธีแก้เปลี่ยนแปลงของยา
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การวินิจฉัยโรค
1.Open fracture Rt ankle กระดูกหักแบบเปิดที่ข้อเท้าด้านขวา
2.Open fracture Rt distal fibular กระดูกน่องข้างขวาหักแบบเปิด
Closed fracture 2nd 5th metacarpal กระดูกฝ่ามือนิ้วชี้และนิ้วก้อยข้างขวาหัก
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
แผนการพยาบาลวันที่ 17 ธันวาคม 256
3
5.
การวินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยไม่สุขสบายเนื่องจากปวดแผลผ่าตัดที่มือข้างขวา
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยมีความสุขสบายมากขึ้น และมีอาการปวดบริเวณแผลทุเลาลง
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผู้ป่วยบอกปวดแผลผ่าตัดลดลง สีหน้าสดชื่นขึ้น
2.pain score ≤ 5 คะแนน
3.ผู้ป่วยไม่มีอาการแสดงความเจ็บปวด เช่น ชีพจรเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง กระสับกระส่าย คลำบริเวณที่ปวด
4.ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนนอนหลับได้
กิจกรรมการพยาบาล
1.ยกบริเวณมือข้างขวาให้สูง โดยวางบนหมอนเพื่อลดอาการบวมอาการปวด ไม่ให้มีสิ่งใดมากดทับบริเวณผ่าตัด
2.ดูแลให้มีการพันผ้ายืดที่บริเวณมือข้างขวาตลอดเวลา ไม่ให้หลวมหรือแน่นเกินไปเพราะ.การพันผ้ายืดแน่นเกินไป จะทำให้เกิดการตายของเนื้อเยื่อส่วนปลายได้
3.ให้เกร็งกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณมือบ่อยๆเพื่อให้มีการไหลเวียนเลือดดำ เพื่อลดอาการบวม
4.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาแก้ปวด Morphine 3 mg iv q 6 hr for pain ตามแผนการรักษา ให้ทางหลอดเลือดดำ ก่อนฉีดยาผู้ป่วยควรมีการประเมิน pain score มากกว่า 5 คะแนน อัตราการหายใจมากกว่า 10 ครั้ง/นาที ขึ้นไป ไม่มีภาวะความดันต่ำและไม่มีอาการสับสน ติดตามสัญญาณชีพหลังการให้ยาทุก 5 นาที รวม 4ครั้ง และทุก30นาทีรวม2ครั้ง ประเมินภาวะแทรกซ้อนหลังให้ยาได้แก่ กดการหายใจ ความดันเลือดลดลง ง่วงซึม คลื่นไส้ อาเจียน รายงานแพทย์เมื่อหลังฉีด morphine ผู้ป่วยชีพจรน้อยกว่า 60ครั้ง/นาทีอัตราการหายใจน้อยกว่า 10ครั้ง/นาที ความดันโลหิตน้อยกว่า 90/60 mmHg และเตรียมยาแก้กดการหายใจจากการได้รับยาเกินขนาดให้พร้อมได้แก่ Naloxone4.เพื่อบรรเทาอาการปวดภายหลังได้รับยา 15 นาที และเพื่อวางแผนการพยาบาลต่อไป
5.แนะนำให้ผู้ป่วยใช้มือข้างซ้ายช่วยประคองมือข้างขวาที่มีแผลผ่าตัด ในขณะเคลื่อนไหวร่างกายพลิกตะแคงตัวหรือให้ญาติช่วยประคองมือข้างขวาให้.เพื่อลดการสั่นสะเทือนของแผลให้น้อยลง ลดอาการเจ็บปวดในขณะเคลื่อนไหวร่างกายได้
6.บันทึกสัญญาณชีพทุก ๆ 4 ชั่วโมง โดยเฉพาะความดันโลหิต ชีพจร การหายใจ pain scale6.เพื่อเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลง อาการปวด แนะนำไปวางแผนให้การพยาบาลต่อไป
7.จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจัดสิ่งแวดล้อมสะอาด อากาศถ่ายเท ไม่มีเสียงรบกวนเพื่อให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและการฟื้นตัวเร็ว
6.การวินิจฉัยการพยาบาลผู้ป่วยมีภาวะความดันโลหิตสูงเนื่องจากปวดแผลผ่าตัดที่มือข้างขวา
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยมีความดันโลหิต < 160/90 มม.ปรอท
กิจกรรมการพยาบาล
1.สังเกตการเปลี่ยนแปลงของอาการแสดงและติดตามประเมินผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ประเมิน vital signs ทุก 4 ชั่วโมง
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาแก้ปวด Morphine 3 mg iv q 6 hr for pain ตามแผนการรักษาของแพทย์
3.จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจัดสิ่งแวดล้อมสะอาด อากาศถ่ายเท ไม่มีเสียงรบกวน
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผู้ป่วยบอกปวดแผลผ่าตัดลดลง สีหน้าสดชื่นขึ้น
2.pain score ≤ 5 คะแนน
3.ผู้ป่วยมีความดัน < 160/90 มม.ปรอท
4.ผู้ป่วยสามารถพักผ่อนนอนหลับได้
แผนการพยาบาลวันที่ 16 ธันวาคม 2563
วัตถุประสงค์
.ผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัด
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง
ผู้ป่วยสามารถสาธิต และอธิบายย้อนกลับได้
กิจกรรมการพยาบาล
1.แนะนำให้ผู้ป่วยงดน้ำงดอาหารทางปาก ก่อนผ่าตัด6-8 ชั่วโมง หรือเที่ยงคืนก่อนขึ้นผ่าตัด เพื่อให้ทางเดินอาหารว่างป้องกันการสำลักอาหารเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
2.ทำความสะอาดเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัดโดยการทำความสะอาดด้วยน้ำยา Hibiscrub povidine scrub เพื่อลดจำนวนแบคทีเรีย บริเวณผิวหนังป้องกันการอักเสบติดเชื้อของแผลผ่าตัด
3.ตัดเล็บให้ผู้ป่วย ถอดฟันปลอมและเก็บของมีค่าของผู้ป่วย อาบน้ำเช็ดตัวแบบ complete Bed Bath เพื่อรักษาความสะอาดของร่างกาย ลดการติดเชื้อ และให้ผู้ป่วยสุขสบายก่อนผ่าตัด
4.ให้ความรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในห้องผ่าตัดบุคลากรในห้องผ่าตัด เครื่อง Monitor ต่างๆ การให้ออกซิเจนหลังผ่าตัดและการพักในห้องพัก1-2ชั่วโมงหลังผ่าตัดเพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจวิธีขั้นตอนต่างๆของการผ่าตัด
5.ให้ความรู้เกี่ยวกับความปวดหลังผ่าตัด ความปวดเกิดจากการฉีกขาดของเนื้อเยื่อขณะผ่าตัดและจะมียาบรรเทาปวดให้เพื่อให้ผู้ป่วยทราบถึงอาการที่จะเกิดขึ้นหลังได้รับการผ่าตัดว่าจะมีอาการปวดตามมาเนื่องจากมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อขณะผ่าตัด
6.สอนการเคลื่อนไหวร่างกาย การมีกิจกรรมการออกกำลังกายภายหลังผ่าตัดให้หายใจเข้าออกลึกๆและไอออกมาอย่างมีประสิทธิภาพสอน bed exerciseเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดตามมาหลังการผ่าตัด
2.
การวินิจฉัยการพยาบาล เสี่ยงต่อการเสียเลือดมากและภาวะHypovolemic shock เนื่องจากได้รับการผ่าตัด amputate ที่นิ้วก้อยมือขวา
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยปลอดภัยจากการเสียเลือดมากและภาวะHypovolemic shock เนื่องจากได้รับการผ่าตัด amputate ที่นิ้วก้อยมือข้างขวา
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผู้ป่วยมีความดันไม่ต่ำกว่า90/60 mmHg P อยู่ระหว่าง60-100 ครั้งต่อนาที เต้นสม่ำเสมอ แรงดี
ไม่Active ที่บริเวณแผลผ่าตัด
3.ค่า HCT อยู่ที่42-52 %
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินและบันทึกสัญญาณชีพ BP ไม่ต่ำกว่า90/60 mmHg P อยู่ระหว่าง60-100 ครั้งต่อนาที เต้นสม่ำเสมอ แรงดี วัดสัญญาณชีพทุก 2ชั่วโมง วัด Spo2เพื่อเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลง และวางแผนการพยาบาลต่อไปและประเมินภาวะออกซิเจนในเลือด
2.ประเมินการเสียเลือดจาก ostimate blood loss ที่ OR และดูแผลผ่าตัดมี Active bleed หรือไม่เพื่อประเมินการสูญเสียเลือดและความผิดปกติและสามารถให้การดูแลช่วยเหลือได้อย่างทันที
3ประเมินภาวะซีด ติดตามค่า HCT ให้อยู่ค่า 42-52 %เพื่อติดตามดูค่าความเข้มข้นของเลือด
4.ดูแลการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาเพื่อให้สารน้ำทดแทนจากการสูญเสียเลือดจากการผ่าตัด
1.
การวินิจฉัยการพยาบาล ผู้ป่วยพร่องความรู้เกี่ยวกับปฏิบัติตัวก่อนและหลังผ่าตัด
3.
การวินิจฉัยการพยาบาล เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการได้รับยาระงับความรู้สึกโดยการดมยาสลบ
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นผลข้างเคียงจากการดมยาสลบ
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีสัญญาณชีพคงที่
ผู้ป่วยไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนมึนงง และไม่มีการสำลักลงปอด
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินอาการจากการได้รับยาระงับความรู้สึก ประเมินและบันทึกระดับความรู้สึกตัวและสัญญาณชีพเพื่อเฝ้าระวังอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย และวางแผนการรักษาการพยาบาลต่อไป
2.ผู้ป่วยได้รับยาระงับความรู้สึกโดยการดมยาสลบ (general anesthesia) ให้ผู้ป่วยนอนราบหนุนหมอนเตี้ย1ใบ สังเกตอาการคลื่นไส้ มึนงง ถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียนไม่หนุนหมอนให้นอนตะแคงเพื่อป้องกันการสำลักสิ่งต่าง ๆ เข้าสู่ปอดและหากอาเจียนมากเกินไปจะมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่ได้
3.ดูแลให้ได้รับสารน้ำและสารอาหารตามแผนการรักษา.เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำทดแทนและสารอาหาร
4.เมื่อผู้ป่วยรู้สึกตัว สอนให้สูดลมหายใจเข้าออกลึกๆทางจมูก หากมีเสมหะให้สูดหายใจเข้าทางจมูกลึกๆกลั้นหายใจสักครู่ แล้วไอเอาเสมหะออกมาเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถขับเสมหะตกค้างที่อยู่ในท่อหลอดลม ทางเดินหายใจใหญ่ออกภายนอก
5.ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทั้ง2ข้าง ภายหลังการให้พยาบาลเสร็จ เพื่อป้องกันการที่ผู้ป่วยพลัดตกลงจากเตียง
การวินิจฉัยการพยาบาล
.ผู้ป่วยเวียนศีรษะ หน้ามืด เนื่องจากมีภาวะซีด **
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด และไม่มีภาวะซีด
เกณฑ์การประเมินผล
1.ผู้ป่วยมีค่า HCT มากกว่า 25 %
2.ผู้ป่วยบอกเวียนศีรษะลดลง
3.ค่า Hemoglobin มากกว่า 7.9
กิจกรรมการพยาบาล
1.ดูแลการให้ PRC 2 U ตามแผนการรักษาของแพทย์เพื่อเพิ่มระดับค่า HCT ในเลือด
2.ประเมินอาการแสดงของภาวะซีด คือ ดูสีของผิวหนัง ซีดเหลือง ตัวเย็น เยื่อบุตาซีด เพื่อประเมินความผิดปกติและเฝ้าระวังอาการเพื่อวางแผนการการพยาบาลต่อไป
3.ประเมินระบบไหลเวียนโลหิตฝอยที่บริเวณปลายมือ ปลายเท้า โดยการประเมิน capillary refill timeเพื่อดูการไหลเวียนโลหิตส่วนปลาย
4.ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยเฉพาะค่า Hb และ HCT เพราะเป็นค่าที่แสดงความเข้มข้นของเลือดในร่างกาย
5.ดูแลให้ป่วยทำกิจกรรมและพักผ่อนบนเตียง นอนรอบเพราะจะช่วยลดอาการเวียนศีรษะและลดการใช้ออกซิเจนในการทำกิจกรรม
แผนการพยาบาลวันที่ 18 ธันวาคม 2563
7.การวินิจฉัยการพยาบาล ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะแผลติดเชื้อที่บริเวณแผลผ่าตัดamputate ที่นิ้วก้อยมือขวา และแผลผ่าตัด external Fixator ที่บริเวณเท้าขวา
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดการติดเชื้อที่แผลผ่าตัด บริเวณแผลผ่าตัด amputate ที่นิ้วก้อยมือขวา และแผลผ่าตัด external Fixator ที่บริเวณเท้าขวา
เกณฑ์การประเมินผล
1.แผลไม่บวม แดง และไม่มีหนอง
2.แผลแห้งติดดี
กิจกรรมการพยาบาล
1.สังเกตบริเวณแผลผ่าตัด amputate ที่นิ้วก้อยมือขวา และแผลผ่าตัด external Fixator ที่บริเวณเท้าขวา เกี่ยวกับอาการปวด บวมแดง สิ่งขับหลั่งออกจากแผลผ่าตัดเพื่อเฝ้าระวังอาการการเปลี่ยนแปลง และป้องกันการติดเชื้อของแผล
2.ดูแลให้แผลผ่าตัดสะอาดและไม่เปียกน้ำเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
3.ดูแลความสะอาดของร่างกายทั่วไปและสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
4.ทำแผลให้ผู้ป่วยวันละ 1 ครั้ง ทุกวัน และในกรณีที่แผลผ่าตัดมีเลือดซึมมาก dressing แผลให้ใหม่โดยใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ เพื่อให้แผลสะอาดและป้องกันภาวการณ์ติดเชื้อของแผล
8.ผู้ป่วยเสี่ยงต่อภาวะการดื้อยา เนื่องจากได้รับยา textCefazillin เป็นเวลานาน
วัตถุประสงค์
ผู้ป่วยไม่เกิดการดื้อยาจาการได้รับยา Cefazillin เป็นเวลานาน
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยได้รับยา Cefazillin ตามแผนการรักษาของแพทย์ได้ตรงเวลาและได้รับปริมาณยาที่ถูกต้อง
กิจกรรมการพยาบาล
1.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาที่ถูกต้องโดย ยึดหลัก 6 R
-Right drug ความถูกต้องในเรื่องชนิดของยา -Right dose ขนาดของยา -Right technique ชนิดยาที่ให้ -Right time เวลาที่ให้ยา
-Right Patient ถูกตัวผู้ป่วย -Right route ทางที่ให้ยา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
2.ตรวจบันทึกสัญญาณชีพอาการเปลี่ยนแปลงผู้ป่วยเพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลง
3.ประเมินความผิดปกติที่จะเกิดกับผู้ป่วยจากภาวะข้างเคียงของยา เพื่อรู้สาเหตุและวิธีแก้เปลี่ยนแปลงของยา
9.เสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงในช่องกล้ามเนื้อสูง (Compartment syndrome) เนื่องจากมีการใส่ pin เข้าไป ยึดติดกระดูกที่ข้อเท้าข้างขวา
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดภาวะความดันในช่องกล้ามเนื้อสูง
เกณฑ์การประเมิน
1.ประเมินการทำงานของเส้นประสารทและหลอดเลือด (Neurovasculsr assessment) 7 P ประเมิน
1.1.อาการปวด อาการซีด อาการชา คลำชีพจรส่วนปลาย อวัยวะส่วนปลายเย็น อาการอ่อนแรงของอวัยวะ บวมตึง ที่บริเวณเท้าขวาที่ On External fixator ไว้
1.2.ตรวจสอบความดันแน่นเกินไปของการพัน Elastic bandage
1.3.ประเมินค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดที่นิ้วเท้าข้างขวาและนิ้วเท้าขวาข้างซ้าย > 95
กิจกรรมการพยาบาล
1ประเมินการทำงานของเส้นประสาทและหลอดเลือด
(Neurovascular assement) 7Pอาการปวด
-อาการซีด (pallor) -ประเมินอาการชา (paresthesia -ประเมินคลำชีพจรหลังเท้าข้างขวา
-ประเมินอาการเคลื่อนไหวและการอ่อนแรงบริเวณเท้า -ประเมินอุณหภูมิ ความเย็นบริเวณเท้าและขาข้างขวา -ประเมินความตึงและอาการบวมบริเวณเท้าขวาและขา
เพื่อลดอาการภาวะแทรกซ้อน เพื่อประเมินการไหลเวียนเลือดอวัยวะส่วนปลาย เพื่อประเมินว่ามีเส้นประสาทรับความรู้สึกผิดปกติหรือไม่ เพื่อดูการไหลเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณเท้าขวา
2.ตรวจสอบความคับแน่นเกินไปของการพัน elastic bandage ที่ขาข้างขวาเพราะจะทำให้กดทับเส้นประสาทและเลือดไหลไม่สะดวก
3.ประเมินค่าอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด ที่บริเวณนิ้วเท้าข้างขวา เพื่ิอดูค่าออกซิเจนในเลือดของบริเวณเท้า
4.ยกส่วนที่ใส่External fixator ให้สูงกว่าระดับหัวใจ โดยการใช้หมอนรองบริเวณยาและเท้าขวาที่ใส่external fixator เพราะการยกอวัยวะที่ใส่ External fixator สูงกว่าระดับหัวใจจะทำให้เลือดแดงไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อที่บาดเจ็บได้น้อยลง