Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 13 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของ ระบบทางเดินปัสสาวะ…
บทที่ 13 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของ
ระบบทางเดินปัสสาวะ ระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง
13.1 Uro : Infection :star:
cystitis
การติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะ (cystitis)
• เชื้อ แบคทีเรีย E. Coli ร้อยละ 80
• จากเชื้อรา (Fungal)
• แบคทีเรีย แกรมลบ Staphylococi
• แบคทีเรีย แกรมลบ Neisseria gonorrhea
• แบคทีเรีย แกรมลบ Tricomonas vaginaris
• การมีก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
• การคาสายสวนปัสสาวะ
• กายวิภาคของท่อทางเดินปัสสาวะของเพศหญิงที่ทำให้มีอัตราการติดเชื้อที่สูงกว่าเพศชาย
• การมีเพศสัมพันธุ์ ซึ่งเป็นถ่ายทอดเชื้อโรคสู่เพศตรงข้าม (exposure)
• การฉายรังสี (radiation)
คือ การอักเสบของผนังกระเพาะปัสสาวะ (inflammatory) มักมีสาเหตุจากการติดเชื้อที่เกิดขึ้นบริเวณผนังของกระเพาะปัสสาวะ
พยาธิสรีรวิทยากระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis)
เมื่อมีการติดเชื้อเกิดขึ้น จะมีการอักเสบของกระเพาะ
ปัสสาวะชั้นmucosa และ submucosa เท่านั้น
เนื้อเยื่อจะบวมแดงทั่วไปหรือเป็นหย่อมๆบางแห่งอาจมี
เลือดออก
หากไม่ได้รับการรักษาจะกลายเป็นการอักเสบเรื้อรัง
มีการลุกลามไปกล้ามเนื้อรอบๆ
ภาวะแทรกซ้อนกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis)
• ต่อมลูกหมากอักเสบ
• กรวยไตอักเสบ
• นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
อาการและอาการแสดง
• เจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะ (burning)
• ปัสสาวะบ่อยและบางครั้งกลั้นปัสสาวะไม่ได้
• อยากถ่ายปัสสาวะบ่อย (urgency)
• ปวดบริเวณหัวเหน่า
• ปัสสาวะขุ่น หรือสีโคล่าหรือสีแดง
อาการแสดง
มีอาการไข้สูง อ่อนล้า
ไม่สุขสบายบริเวณช่องท้อง, เชิงกราน
มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
อาจส่งผลให้มีการอักเสบของกรวยไตด้วย
การประเมินภาวะสุขภาพ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis)
การซักประวัติ
การตรวจร่างกาย
การตรวจทางห้องปฎิบัติการ พบ WBC ,RBC
การพยาบาล
ให้ความรู้ในเรื่องการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ให้ยาแก้ปวด (analgesic) พวกPyridium (phenazo pyridine) เพื่อลดปัสสาวะ
งดเว้นเครื่องดื่มที่มี caffeine , แอลกอฮอล์
ทั้งนี้เพราะระคายเคืองกระเพาะปัสสาวะ
การประคบด้วยความร้อนบริเวณล าตัวด้านบน
หลัง อาจช่วยให้สุขสบายลดความเจ็บปวดได
ในรายที่มีไข้ ดูแลให้ยาลดไข้ เช็ดตัวลดไข้และ
ประเมินสัญญาณชีพอย่างต่อเนื่อง
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ให้ถูกวิธี
โดยเฉพาะเพศหญิง เช็ดจากบนลงล่าง
ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ให้ถูกวิธีโดยเฉพาะเพศหญิง เช็ดจากบนลงล่าง
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
มาพบแพทย์ตามนัด
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
Urinary Tract Infection (UTI)
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะแบบไม่ซับซ้อน
(uncomplicated UTI)
คือ การติดเชื้อในผู้ป่วยที่มีสุขภาพแข็งแรงโดยมีหน้าที่หรือโครงสร้างของระบบทางเดินปัสสาวะปกติ
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะแบบซับซ้อน (complicated UTI)
คือการติดเชื้อในผู้ป่วยที่อ่อนแอ หรือ มีโครงสร้างและหน้าที่ของระบบทางเดินปัสสาวะผิดปกติ
เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินปัสสาวะได้ 3 ทางคือ
1.การติดเชื้อย้อนกลับขึ้นไปจากท่อปัสสาวะ (ascending infection)
2.เชื้อโรคกระจายตัวมาทางกระแสเลือด (hematogenous route)
3.เชื้อโรคกระจายมาทางกระแสน้ำเหลือง (lymphatic route)
อาการและอาการแสดงของ UTI
•ขึ้นกับต าแหน่งของการติดเชื้อเป็นสำคัญ
•แบ่งอาการออกตามตำแหน่งที่มีการติดเชื้อเป็น upper และ lowertract UTI
Upper UTI
มีอาการเจ็บชายโครง ร่วมกับมีไข้หรือไม่ก็ได้
Lower UTI
ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะบ่อย แสบขัด หรือมีปัสสาวะเป็นเลือด
ภาวะแทรกซ้อน
•ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ถ้าได้รับการรักษาทันทีและเหมาะสม แต่ถ้ารักษาล่าช้าจะมีความรุนแรงของโรคมากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด UTI มากยิ่งขึ้น
1.นิ่วหรือการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
2.Vesico-ureteral reflux (VUR)
Incomplete emptying of bladder
เบาหวาน
อายุ
พฤติกรรม
Catheterization
การสูบบุหรี่
แนวทางการรักษาการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
•คือ การให้ยาปฏิชีวนะโดยชนิด ขนาดยา และระยะเวลาที่ใช้ยาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ เชื้อที่เป็นสาเหตุซึงควรให้ยาตาม bacteria sensitive
•ยาแก้ปวด ยาลดไข้
•ยาบรรเทาอาการอาการคลื่นไส้อาเจียน
•การให้สารน้ าอย่างเพียงพอ
•การตรวจติดตามผลการตรวจปัสสาวะซ้ าเพื่อประเมินว่ายาที่ไห้ได้ผลหรือไม่
การพยาบาล
1.บรรเทาความเจ็บปวดและดูแลความไม่สุขสบายของผู้ป่วย
ดูแลให้ผู้ป่วยได้ดื่มน้ าและรับประทานอาหารพอเพียง
ป้องกันและประเมินภาวะช็อกจากการติดเชื้อ
ติดตามประเมินผลการรักษาและหน้าที่ของไต
ดูแลทางด้านจิตใจ
คำแนะนำที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
•ให้ดื่มน้ำมากๆ
•ปัสสาวะทุก 2-3 ชั่วโมง ปัสสาวะก่อนนอนและหลังมีเพศสัมพันธ์
•หลีกเลี่ยงการใช้ diaphragm
•หลีกเลี่ยงยาฆ่าเชื้ออสุจิ
•หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอ้อม
•หลีกเลี่ยงการใช้ bubble bath หรือสารเคมีที่ใช้เติมลงในอ่างอาบน้ า
13.2 Nephro: Infection :star:
กรวยไตอักเสบ (pyelonephritis : PLN)
Pyelonephritis สาเหตุมักเกิดจาก
bacteria gram – negative และเริ่มมาจากlower tract. แบคทีเรีย เช่น E.Coli, เครบเซลล่า (klebsiella pneumoniae) Proteusmirabilis, Psudomonas aeruginosa,streptococous
กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน (Acute pyelonephritis)
มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดสีข้าง
บริเวณ costovertebral agel (flank) และบริเวณหัวเหน่า พบได้บ่อยร่วมกับการตั้งครรภ์และเบาหวาน
กรวยไตอักเสบ (Chronic pyelonephritis)
มักเกิดจากการไหลย้อนกลับของปัสสาวะจากกระเพาะ
ปัสสาวะสู่ท่อไต
ภาวะแทรกซ้อน
ความดันโลหิตสูง
ภาวะยูรีเมีย (Uremia)
การรักษา chronic pyelonephritis
การให้ยาปฏิชีวนะ
หากการท าลายเนื้อไต (renal parenchyma) มีความ
ผิดปกติมาก
กรวยไตอักเสบ (pyelonephritis : PLN)
อาการและอาการแสดง
อาจมีไข้ต่ำๆ เป็น ๆ หาย ๆ
การรักษา Acute pyelonephritis
• ยาปฏิชีวนะควรให้ยาตาม bacteria sensitive
• การให้ยาจ าพวกต้านการหดเกร็งของกระเพาะปัสสาวะ
• ให้รับประทานอาหารมีประโยชน์
• พักผ่อนอย่างเพียงพอ
การพยาบาล
• ดื่มน้ำให้มากอย่างน้อยวันละประมาณ 3000 ml/day
• ติดตามผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ
• การนอนหลับ
ไตอักเสบเฉียบพลัน
(Acute GlomeruloNephritis)
สาเหตุ
โรคนี้มักเกิดตามหลังการติดเชื้อแบคทีเรีย กลุ่ม Betastreptococcus group A เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ ผิวหนังักเสบ ไฟลามทุ่ง พุพองตามผิวหนังประมาณ 1-4 สัปดาห์(เฉลี่ย 10-14 วัน) โดยทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นที่หน่วยไต ทำให้หน่วยไตเกิดการอักเสบไปทั่ว นอกจากนี้ยังอาจเกิดร่วมกับโรคเอ
สเอลอี , ซิฟิลิส , การแพ้สารเคมี (เช่น ตะกั่ว) เป็นต้น
อาการและอาการแสดง
1.ปัสสาวะเป็นเลือด
ความดันโลหิตสูง
3.อาการบวม
4.ปัสสาวะน้อย (Oliguria) และปัสสาวะผิดปกติ
5.เลือดผิดปกติ มียูเรีย ไนโตรเจนในเลือดสูง และโปรตีนในเลือด
6.อาการไข้สูง หัวใจโต น้ าในช่องเยื่อหุ้มปอดสิ่งตรวจพบ
อาการแทรกซ้อน
อาจมีความดันโลหิตสูงมาก ๆ จนเกิดอาการทางสมอง เช่น ชัก ไม่ค่อยรู้สึกตัว
ภาวะปอดบวมน้ า (pulmonary edema) ฟังปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation)
อาการหอบเหนื่อยและเกิดภาวะหัวใจวาย
อาจท าให้เกิดภาวะไตวาย ร้ายแรงถึงตายได
กิจกรรมการพยาบาล
มีไข้ ให้ยาลดไข้ เช็ดตัวลดไข้
หายใจหอบเนื่องจากมีภาวะน้ำเกิน ดูแลให้ออกซิเจน
มีอาการบวมกดบุ๋ม lab Albumin ต่ า ให้ 20% albumin
ปัสสาวะออกน้อย ดูแลให้ยาขับปัสสาวะ
ความดันโลหิตสูง ดูแลให้ bed rest และให้ยาลดความดันตามแผนการรักษาของแพทย์
ดูให้งดอาหารเค็ม Na, K สูง เนื่องจากไตมีการอักเสบ
ดูแลให้ยา ATB ตามแผนการรักษา
Antibiotic ที่นิยมใช้
ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ได้แก่
Gentamycin , Amikin
Netilmycin
Norflox, Olfloxacin
หากปัสสาวะเป็นหนอง Pyuria
Tetracycline, Doxycyclin,
ยาบรรเทาอาการปวด, แสบขัด
ให้ยาลดเกร็งการหดตัวของกระเพาะปัสสาวะ
Antipasmodic drugs เช่น Urispas
Anatomyของไต
Kidney:ไต
Renal pelvis:กรวยไต
Ureter:ท่อไต
Urinary Bladder:
กระเพาะปัสสาวะ
Urethra:ท่อปัสสาวะ
หน้าที่ของไต
ขับของเสียออกจากร่างกาย (BUN,Cr,Uric acid)
ปรับความสมดุลของน้ำ เกลือแร่ ความเป็นกรดด่าง
ควบคุมความดันโลหิต (Na,H2O)
ขับสารต่างๆ (ยาที่รับประทานเข้าไป สารเคมี )
สร้างฮอร์โมน
Distal tubule หลั่ง Renin Aldosterone ดูดกลับของNa, H2O
Renal tubule สร้าง Erythropoietin กระตุ้นไขกระดูกสร้าง
เม็ดเลือด (Wbc,Rbc,Plt)
Vit D ช่วยในการดูดกลับของ Ca จากล าไส้มาเก็บสะสมที่กระดูก
Prostaglandine ช่วยในการหด และขยายของหลอดเลือด
13.1 Uro : Non infection :star:
ชนิดของการอุดกั้น
แบ่งตามลักษณะการอุดกั้น
1.1 Partial obstruction อุดกั้นเพียงบางส่วน
น้ าปัสสาวะไหลผ่านไปได้บ้าง พบมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างมากกว่าหน้าที่
1.2 Complete obstruction อุดกั้นอย่าง
สมบูรณ์ น้ำปัสสาวะไม่สามารถไหลผ่านลงไปได้ การอุดกั้นลักษณะนี้จะเสียหน้าที่อย่างรวดเร็ว
จำแนกตามตำแหน่งที่เกิด
2.1 การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะส่วนบน
2.2 การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง
หลักการรักษา
แก้ไขปัญหาปัสสาวะคั่งเฉียบพลัน โดยที่แก้ไขที่สาเหตุนั้นๆ
ระบายน้ำปัสสาวะเหนือตำแหน่งที่มีการอุดกั้น เพื่อลดการคั่งค้างของน้ำปัสสาวะ และแก้ไขภาวะอุดกั้น
ขจัดการติดเชื้อ
นิ่วระบบทางเดินปัสสาวะ
สาเหตุของการเกิดนิ่ว
1.สาเหตุความผิดปกติที่เกี่ยวกับภายในตัวผู้ป่วยเอง
1.1 พันธุกรรม
1.2 อายุและเพศ
1.3 ความผิดปกติในการท างานของต่อม พาราไทรอยด์ ซึ่งหลั่งฮอร์โมนที่ควบคุมสารแคลเซียมออกมามากกว่าปกติ
1.4 มีการตีบแคบของระบบทางเดินปัสสาวะ
1.5 ความเข้มข้นของน้ำปัสสาวะ
1.6 ความเป็นกรด - ด่างของน้ำปัสสาวะ
1.7 การอักเสบติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
1.8 สิ่งแปลกปลอมที่หลุดเข้าไปในทางเดินปัสสาวะ
1.9 ยาบางอย่าง
2.สาเหตุที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ป่วย
2.1 สภาพภูมิศาสตร์ เช่น ภาคเหนือ และภาคอิสาน
2.2 สภาพอากาศและฤดูกาล
2.3 ปริมาณน้ำดื่ม
2.4 สภาพโภชนาการ
2.5 อาชีพ
สาเหตุเกี่ยวกับลักษณะของน้ำปัสสาวะ
ปกติน้ำปัสสาวะมีส่วนประกอบของ เกลือ ฟอสเฟตหรือ
คาร์บอเนตของแคลเซี่ยม แมกนีเซียม หรือแอมโมเนีย
ถ้าเมื่อไหร่เกิดความไม่สมดุล ของสารตกผลึกกับสาร
คอลลอยด์ จะมีการรวมตัวตกผลึกเป็นนิ่ว
ชนิดของนิ่ว
1) แคลเซียมออกซาเลท (calcium oxalate)
2) แคลเซียมฟอสเฟต (calcium phosphate)
3) แมกนีเซียม แอมโมเนียมฟอสเฟต (magnesium ammonium phosphate)
นิ่วในไต
(renal calculi, RC)
• มักพบในผู้ใหญ่
• นิ่วที่เกิดขึ้นนั้นหากยังมีขนาดเล็ก ประมาณ 4 – 5 มม.จะเคลื่อนที่ตามแรงบีบตัวไล่ปัสสาวะจากไตผ่านท่อไต และลงสู่กระเพาะปัสสาวะได
• ถ้านิ่วก้อนใหญ่หรือเป็นแบบชนิดกิ่ง
(staghorn calculus)
อาการและอาการแสดง
ถ้ามีการอุดกั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมาก
จนดิ้น (colicky pain)
ปวดที่สีข้างหรือด้านหลังอาจปวดร้าวลงมาที่อวัยวะสืบพันธุ์หรือหน้าขา
• ปัสสาวะเป็นเลือด
• การตรวจร่างกายมักจะกดเจ็บบริเวณไตข้างนั้น
• ในรายที่เป็นเรื้อรัง มักมีไตบวมน้ำ (hydronephrosis)ก็อาจคลำพบก้อนได้
นิ่วในหลอดไต (ureteric calculi, UC)
ตำแหน่งที่เกิดการอุดกั้น ที่สำคัญ 3 ตำแหน่ง
ตรงรอยต่อของกรวยไตกับท่อไต (ureteropelvic junction)
บริเวณที่ท่อไตพาดผ่านเส้นเลือดไอลิแอค (pelvic brim)
รูเปิดของท่อไตเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ(ureterovesical junction)
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (vesical calculi, VC)
ส่วนมากเกิดการอุดกั้นที่คอปัสสาวะ (bladder neck)
มักเกิดการคั่งค้างของปัสสาวะร่วมกับการติดเชื้อ
อาการและอาการแสดงนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
• ผู้ป่วยมีอาการถ่ายปัสสาวะล าบาก
• ปวดเอวหรือปวดหลัง ปวดท้อง
• บางรายมีอาการปัสสาวะหยุดไหลอย่างกระทันหันขณะที่กำลังถ่ายอุดกั้นตำแหน่งนี้มีผลรบกวนการทำงานของไตได้ทั้ง 2 ข้าง
• เมื่อก้อนนิ่วเลื่อนมาอุดที่ทางออกของกระเพาะปัสสาวะ การ
• พบปัสสาวะสีเหลืองเข้มปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่น มีแบคทีเรีย หนองและตกตะกอนแขวนลอย (Crystals)
การตรวจวินิจฉัย
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจเลือดมี 2 วิธี
• ตรวจพบระดับแมกนีเซียมฟอสเฟต
• ตรวจหาพาราไทรอยด์ฮอร์โมน
• KUB (Kidney, Ureters, Bladder) ดูว่านิ่วอยู่บริเวณใด
• IVP (Intraveneous pyelography)
การรักษา
การเจาะผ่านผิวหนังเข้าสู่ไตเปิดแผลเล็ก ๆ บริเวณสีข้าง ใส่ท่อเล็กๆ ที่ติดกล้องส่องผ่านเข้าไปเพื่อขบนิ่วให้แตก
การสลายนิ่ว อาศัยคลื่นเสียงความถี่สูงวิ่งผ่านน้ำเล็งเข้าที่
นิ่วคลื่นจะกระทบนิ่วแตกละเอียด และเศษนิ่วหลุดออกมาทางปัสสาวะ (extracorporeal shock wave lithotripsy, ESWL)
หลักการดูแลผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อน
หลังการรักษานิ่วโดยการผ่าตัด
ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด
การตกเลือด
การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะจากเศษนิ่ว
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
หลักการดูแลที่สำคัญ ดังนี้
การเตรียมผู้ป่วยทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
2.อธิบายและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา pre-post op
3.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการระบายปัสสาวะทางสายยางต่าง ๆ
ดูแลและป้องกันภาวะตกเลือดหลังผ่าตัด
บันทึกจำนวนสารน้ำที่ได้รับและที่ขับออกจากร่างกายในแต่ละวัน
การดูแลเกี่ยวกับบาดแผล
การลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัดและอาการปวดจากการมีปัสสาวะคั่งค้างควรหาสาเหตุและแก้ไข
รายงานแพทย์ถ้ามีเลือดออกมากและมีลิ่มเลือดอุดตันในทางเดินปัสสาวะหรือสายยางระบายปัสสาวะ
การกระตุ้นให้ผู้ป่วยฟื้นฟูสภาพโดยเร็ว (early ambulation)
กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ ามาก ๆ อย่างน้อย 3,000 ซีซีต่อวันถ้าไม่มีข้อจำกัดเพื่อชะล้างเศษนิ่วที่ค้างออกมาด้วย
หลักการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการสลายนิ่ว (ESWL)
• ประโยชน์ของเครื่องสลายนิ่ว
ใช้สลายนิ่วขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร
สามารถกำจัดนิ่วในไต โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีรอยแผลเป็น
ผู้ป่วยจะไม่เจ็บปวดเหมือนการผ่าตัดทั่วไป จึงไม่ต้องดมยาสลบ
• ข้อจำกัดในการสลายนิ่ว...
นิ่วไม่ควรมีขนาดโตเกินไป โดยรวมแล้วนิ่วในไตไม่ควรโตเกิน 2.5 ซ.ม. นิ่วในท่อไตไม่ควรโตเกิน 1-1.5 ซ.ม.
นิ่วไม่ควรเป็นชนิดแคลเซียมออกซาเลตโนโนไฮเดรต หรือนิ่วซีสตีนเพราะไม่ตอบสนองกับการรักษา
ไม่มีการอุดตันของทางเดินปัสสาวะในส่วนที่อยู่ต่ำกว่าก้อนนิ่ว
ไตด้านที่มีนิ่ว และต้องการสลายนิ่วนั้น ควรจะยังทำงานได้เป็นปกติ
นิ่วที่มีการอักเสบร่วมด้วย เช่น มีไข้ปัสสาวะเป็นหนอง ฯลฯ เพราะเมื่อนิ่วกระจาย จะทำให้มีการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
นิ่วในท่อไตส่วนกลาง หรือส่วนที่กระดูกบัง
นิ่วที่กรวยไตที่ติดแน่นกับผนัง
นิ่วที่มีการอุดตันของท่อไตร่วมด้วย
นิ่วเขากวาง (staghorn) เพราะนิ่วชนิดนี้ใหญ่มาก ต้องทำการสลายหลายครั้งซึ่งจะทำให้ไตช้ำได้
ผู้ป่วยที่มีรูปร่างใหญ่ น้ำหนักมากและอ้วน
• ข้อห้ามในการสลายนิ่ว
ผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์
ผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดแดงในช่องท้องโป่งพอง
• การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ
งดน้ำ งดอาหาร กาแฟ ชา ช็อคโกแลต น้ำอัดลมบุหรี่และเครื่องดื่มคาเฟอีนก่อนเข้ารับการตรวจอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
คัดกรองคนไข้โดยแพทย์
อาการภายหลังทำการสลายนิ่ว
อาการปวด อาจมีอาการปวดตื้อๆ คล้ายเมื่อยังมีนิ่วอยู่ ถึงแม้จะได้รับการฉีดยาแก้ปวดไปแล้วก็ตาม
สลายนิ่วแล้วนิ่วที่แตกเป็นก้อนเล็กๆ จะออกมาปนกับน ้าปัสสาวะซึ่งอาจมีเลือดปนออกมาด้วย ปัสสาวะจะเป็นลักษณะนี้อยู่ประมาณ 2-3 วัน หลังทำ
บางรายอาจมีคลื่นไส้ อาเจียน
อาการไข้
การรักษาด้านอายุรศาสตร์
เป็นวิธีที่ใช้ในระยะเฝ้ารอเพื่อให้ก้อนนิ่วหลุดออกมาเองในกรณีที่ก้อนนิ่วมีขนาดเล็ก
บรรเทาอาการปวด ประคับประคองโดยให้ยาแก้ปวด ในรายที่ปวดมาก
กระตุ้นให้ดื่มน้ำให้เพียงพอประมาณ 3,000 ซีซีต่อวัน ในกรณีที่ไม่มีข้อห้าม
งดอาหารที่ส่งเสริมให้เกิดนิ่ว ซึ่งขึ้นกับชนิดของนิ่ว พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจ
แนะนำถึงวิธีการใช้ยาบางประเภท
อธิบายให้ผู้ป่วยเห็นความจ าเป็นที่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ ตามแผนการรักษา
แนะนำผู้ป่วยให้มีการออกก าลังกายตามควาเหมาะสม
เมื่อกลับไปอยู่บ้านแนะนผู้ป่วยไม่ควรทำงานหนักหรือยกของหนักอย่างน้อย 6 สัปดาห์
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงความจ าเป็นที่ต้องสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบแพทย์ก่อนวันนัด
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder cancer)
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเกิดจากความผิดปกติของเซลล์บุกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ชนิดตามชนิดของเซลล์
Transitional Cell Cancer (TCC)
Squamous Cell Carcinoma (SCC)
Adenocarcinoma
สาเหตุ
• ปัจจัยเสี่ยง คือ การสูบบุหรี่, เป็นนิ่วเรื้อรัง, สัมผัสสารเคมีนานๆ, กินเนื้อปิ้งย่าง, อาหารไขมันสูง,
• ชายผิวขาวสูงอายุ, ติดเชื้อพยาธิบางชนิด
อาการและอาการแสดง
ในระยะแรก มักไม่มีอาการแสดง อาการที่พบได้ในผู้ป่วย
โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ คือ
•ปัสสาวะเป็นเลือด
•บางครั้งอาจมีอาการคล้ายกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ในระยะลุกลาม
ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง
คลำต่อมน้ำเหลืองได้ที่ขาหนีบหรือเหนือไหปลาร้า เมื่อ
โรคแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง
การรักษาโดยการผ่าตัด
การผ่าตัดโดยการส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะเพื่อตัดชิ้นเนื้องอกของกระเพาะปัสสาวะออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ (Transurethral resection of bladder tumor – TURBT)
การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออกบางส่วน (Partial
cystectomy หรือ Segmental cystectomy)
การผ่าตัดทำทางเดินปัสสาวะใหม่ (Urinary
diversion)
Ileal conduit
Indiana pouch
Neobladder
การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดเปลี่ยนช่องทางขับถ่ายปัสสาวะ
การสังเกตสีและลักษณะของน้ำปัสสาวะ
2.รับประทานอาหารที่ส่งเสริมให้ปัสสาวะเป็นกรด
เช่น น้ำกระเจี๊ยบแดง ควรรับประทานอาหารที่มี
โซเดียม และโปแตสเซียมสูง
การดูแลผู้ป่วยผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะใหม่โดยวิธี
neobladder ฝึกการคลายกล้ามเนื้อหูรูด (sphincter) และเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องช่วย
การดูแลผู้ป่วยที่มีสโตมาเปิดทางหน้าท้องประเมิน
ตำแหน่งและลักษณะของสโตมา
การดูแลผิวหนังรอบๆ สโตมา ผิวหนังรอบ
โตมาอาจระคายเคืองจากการสัมผัสน้ำปัสสาวะที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
5.1 เลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมในการรองรับน้ำปัสสาวะที่
ออกจากสโตมา
5.2 ลอกถุงรองรับปัสสาวะเดิมออกทิ้งด้วยความนุ่มนวล
5.3 ทาผิวหนังรอบๆ สโตมาบริเวณที่แป้นจะติดครอบ
5.4 เมื่อพร้อมที่จะครอบถุงหรือแป้น
5.5 ล้างถุงรองรับน้ำปัสสาวะเดิมเพื่อเตรียมไว้ใช้ในครั้ง
ต่อไป ด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ แล้วแช่ในน้ำส้มสายชูกลั่น
การดูแลด้านจิตใจ
การทำกิจกรรมและการออกกำลังกาย
การทำงาน
การเดินทางไกล การมีสโตมาที่หน้าท้องไม่ได้เป็น
อุปสรรคต่อการเดินทางไกล
การสวมใส่เสื้อผ้า ผู้ป่วยสามารถสวมเสื้อผ้าได้ตามปกติ
แต่ควรหลีกเลี่ยงการกดทับบริเวณ
การมีเพศสัมพันธ์
การสังเกตอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย์
การรักษาโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
รังสีรักษา
เคมีบำบัด
การพยาบาลก่อนผ่าตัด
การดูแลทางจิตใจ
การเตรียมความสะอาดของลำไส้
การสวนล้างกระเพาะปัสสาวะ (Bladder irrigation)
ใช้กระบอกสวนล้าง (Syringe irrigate)
การติดเชื้อท่อปัสสาวะ (urethritis)
การติดเชื้กระเพาะปัสสาวะ(cystitis)
ถ้าการอุดกั้นเพิ่มขึ้นและเป็นอยู่นาน ๆจะทำให้ท่อไตโป่งพองและไตก็จะโป่งพองเกิดภาวะไตบวมน้ำ นำไปสู่ภาวะไตเสียหน้าที่
Pyuria
Hematuria
นอกจากนี้อาจใช้หญ้าหนวดแมว หรือกระเจี๊ยบแดง เพราะมีฤทธิ์เป็นด่าง