Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
นโยบายคุ้มครองและอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ - Coggle Diagram
นโยบายคุ้มครองและอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์
สมัยรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ 1
กฏหมายตราสามดวงมีข้อกำหนดเพื่ออนุรักษ์ป้องกันการทำงานองค์กรศาสนาสงวนรักษาโบราณวัตถุ
กำหนดบทลงโทษไว้ค่อนข้างรุนแรง
แนวทางการอนุรักษ์ยังคงยึดแบบอย่างสมัยอยุธยา
รัชกาลที่ 4
ให้ประกาศเขตรังวัด ผู้ร้ายขุนวัด
เนื่องจากในระยะนั้นผู้นิยมลักลอบขุดแสวงหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามกรุพระอารามและโบราณต่างๆ
ประกาศฉบับนี้มีข้อกำหนอให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขตวัดช่วยดูแลป้องกันพื้นที่
รัชกาลที่5
มีการจัดตั้งหอพระสมุดวชิรญาณเก็บรักษาหนังสือ
เอกสารโบราณต่างๆไว้เป็นชาติ จัดตั้งหอคองคอเดีย
จัดแสดงสมบัติของชาติและของที่มีผู้นำมาถวาย(ภายหลังคือคือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ)
ทางการกระตุ้นคนไทยให้สนใจการสงวนรักษาวัตถุสถานที่เป็นมรดกของชาติ
จัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือพงศาวดาร วรรณคดี ประเพณีและหนังสือน่ารู้อื่นๆ
จัดตั้งสโมสรในปลายรัชกาลเพื่อสำรวจดูแลสมบัติโบราณ
รัชกาลที่ 6
ให้กรรมการหอพระสมุดสำหรับพระนครและราชบัณฑิตตยสภาพมีหน้าที่รับผิดชอบโบราณวัตถุสถาน
ออกประกาศการจัดการตรวจรักษาของโบราณ พ.ศ.2466
กิจการโบราณคดีสโมสรก็ได้รับความสนใจเป็นที่แลกเปลี่ยนงานศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของสยาม ระหว่างนักวิชาการไทยและต่างชาติ
รัชกาลที่ 7
มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติพิพิธภัณฑ์ พ.ศ.2469
มีการรวบรวมโบราณวัตถุตามสถานที่จ่างๆมารวบรวมไว้
ออกพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งโบราณวัตถุและศิลปวัตถุและศิลปวัตถุอออกนอกประเทศต้องได้รับอนุญาติจากราชบัณฑิตยสภา
รัชกาลที่ 8
พ.ศ.2478ออกประกาศหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับโบราณวัตถุสถานและการพิพิธภัณ์ไปให้กรมศิลปากร กระทรวงธรรมการ
พ.ศ.2483 รัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติบำรุงวัฒนธรรมแห่งชาติ 2483 และฉบับที่ 2 พ.ศ.2485 มีการบัญญัติความหมายของคำว่าวัฒนธรรม
ต่อมายกเลิกทั้ง 2 ฉบับ และประกาศใช้พระราชบัญญัตวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2485 มีเป้าหมายจัดระเบียบการแต่งกายและมารยาทในที่สาธารณะ
มีการจัดตั้งสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นกรมในกระทรวงวัฒนธรรม
การศึกษา การค้นคว้าวิจัย
การปลูกฝังเผยแพร่
การปกป้องคุ้มครอง
พ.ศ. 2486 ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ(ฉบับที่ 2 )ยกสภาวัฒนธรรมแห่งชาติขึ้นเป็นทบวงการเมือง อยู่ในบังคับบัญชานายกรัฐมนตรีและได้มีพระราชกฤษฏีกาให้ราษฎรปฏิบัติ
รัชกาลที่ 9
จัดตั้งกระทรวงวัฒนธรรมดูแลกรมการศาสนา กรมการวัฒนธรรม กรมศิลปากร สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ สภาวัฒนธรรมฝ่สยหญิง มีการเร่งส่งเสริมเผยแพร่การให้ความรู้ด้านวัฒนธรรม
พ.ศ.2501
กระทรวงวัฒนธรรมลดฐานะเป็นเพียงกองวัฒนธรรม สังกัดกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ความรับผิดชอบอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ
มีการส่งเสริมวัฒนธรรม เช่น การรื้อฟื้นพระราชพิธีสำคัญ การส่งเสริมงานด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี
การประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พ.ศ.2504
พ.ศ.2512
มีการเพิ่มโทาเกี่ยวกับลักษณธทรัพย์ที่ต่อเนื่องกับศาสนา เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายขององค์การยูเนสโก ว่าด้วยวิธีการป้องกันการลักลอบนำเข้า นำออกโยกย้ายสิธิความเป็นเจ้าของสมบัติวัฒนธรรมในประวัติศาสตร์
ประกาศคณะปฏิวัติ พ.ศ.2515 มีจุดมุ่งหมายที่จะควบคุมและอนุรักษ์แหล่งโบราณคดีสมับบ้านเซียงในพื้นที่อุดรธานีัและสกลนคร
พ.ศ.2522
มีการตราพระราชบัญญัติสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ(สวช.)
เพื่อเป็นหน่วยงานกลางศิลปวัฒนธรรม สำหรับประสานการปฏิบัติด้านวัฒนธรรม ประสานการปฏิบัติด้านวัฒนธรรมสาขาต่างๆของรัฐและเอกชน
พ.ศ.2524
ประกาศนโยบายวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2524 เพื่อให้สอดคล้องกับนับแห่งรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2512
พ.ศ.2545
จัดตั้งกระทรวงวัฒนธรรมตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พ.ศ.2545 เป็นการยกระดับการปฏิบัติงานของ สวช. เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรคจากการทำหน้าที่ของ สวช.
รัฐบาลประกาศแนวทางในการรักษา ส่งเสริม พัฒนาทางวัฒนธรรมแห่งชาติ เพื่อให้หน่วยงานประชาชน ประสานความร่วมมือ
รัฐบาลดำเนินงานสนับสนุนนโยบายวัฒนธรรมแห่งบชาติอีกหลายประการ ริเริ่มจากหน่วยงาน สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
การอนุรักษ์มรดกที่สืบทด
ขนบธรรมเนียมประเพณี
เกี่ยวข้องตั้งแต่เกิดจนตาย
มีการประกอบพิธีกรรมเพื่อสิริมงคลในการประกอบอาชีพและเทศกาลต่างๆ
คติความเชื่อ ลัทธิศาสนา
ปฏบัติต่อเนื่องกันรุ่นสู่รุ่นดดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก
เกรงว่าจะทำผิดข้อห้ามอาจทำให้เกิดอัปมงคล
กรณีที่สังคมเปลี่ยนรูปแบบการดำรงชีวิตไปจากเดิมจะปรับตัวให้ทันสมัยตะวันตก
สังคมกลุ่มหลังยังคงดำรงรักษาภูมิปัญญาวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมไว้ได้มากกว่าสังคมในเมือง
ด้านวัตถุและสุนทนรี
นโยบายปฏิสังขรณ์
เช่น การบูรณะซ่อมแซมพระราชวังและพระอารามต่างๆในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ทำให้รูปเคารพหรืออาคารนั้นๆมีความงดงามสมบูรณ์ตามค่านิยมและฝีมือของช่างในยุคนั้นๆ
ได้รับการใส่ใจทำนุบำรุงจากทุกชนชั้นในสังคมทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์