Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบสืบพันธุ์ - Coggle Diagram
ระบบสืบพันธุ์
อวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย
อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
Penis(อัณทะ)
เป็นอวัยวะสำหรับร่วมเพศ มีลักษณะรูปร่างทรงกระบอก เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่นำพาตัวอสุจิผ่านเข้าปากมดลูกเพศหญิงขณะร่วมเพศ
Scrotum (ถุงอัณฑะ)
เป็นส่วนของผิวหนังที่ไม่มีไขมันใต้ผิวหนัง ยื่นลงมาจากหน้าท้องมีกล้ามเนื้อเรียบปรากฏอยู่ (Dartus muscle) เป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยปรับอุณหภูมิของอัณฑะ ให้ต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกาย ประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส
อวัยวะสืบพันธุ์ภายใน
Testis (ลูกอัณฑะ)
เป็นอวัยวะสำคัญที่สุดในระบบสืบพันธุ์เพศชาย ทำหน้าที่สร้างอสุจิ และฮอร์โมนเพศชาย อัณฑะมีลักษณะรูปไข่อยู่ในถุงอัณฑะ ทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโทสเตอโรน (Testosterone)
-
Vas deferens(ท่อนำอสุจิ)
ท่อนำอสุจิ มี 2 ท่อเป็นหลอดอยู่ถัดจากหลอดอสุจิ ท่อนำอสุจินี้จะผ่านเข้าสู่ช่องท้องแล้วออกมารวมกับถุงเก็บน้ำอสุจิ (Seminal vesicle) ผ่านต่อมลูกหมากออกไปต่อกับท่อปัสสาวะสำหรับนำตัวอสุจิออกไปสู่ภายนอก
-
-
Ejaculatory duct
เป็นท่อสั้นๆยาวประมาณ 2 เซ็นติเมตร รับสารที่สร้างมาจาก seminal vesicle และ ductusdeferens แล้วแทงทะลุเข้าทางด้านหลังของต่อมลูกหมาก เข้ำไปเชื่อมต่อกับท่อปัสสาวะที่อยู่ในต่อมลูกหมาก
-
Maturation ของเชื้ออสุจิ
- ส่วนกลาง (Middle) : มีลักษณะเป็นแท่ง มีไมโทคอนเดรียผลิตพลังงานไว้ส าหรับการเคลื่อนที่ของอสุจิ
- ส่วนหัว (Head) : บรรจุสารพันธุกรรม มีนิวเคลียส โดยด้านหน้าเป็นส่วนของอะโครโซม (Acrosome) มีลักษณะเป็นถุงบรรจุเอนไซม์เพื่อสลายเยื่อหุ้มเซลล์ไข่ ซึ่งโครงสร้างนี้เปลี่ยนแปลงมาจาก Golgi Apparatus
- ส่วนหาง (Tail) : มีไมโครทูบูล ท าหน้าที่ โบกพัดได้เพื่อว่ายไปหาเซลล์ไข่
การเปลี่ยนแปลงที่มดลูก
proliferative phase
- ระหว่างวันที่ 1-5 ของรอบเดือนนั้นเป็นช่วงที่มีการหลุดลอกของผนังชั้นตื้นๆ ของเยื่อบุมดลูกเป็นประจำเดือน
- หลังจากนั้นระหว่างวันที่ 5-14 ของรอบเดือน เป็นช่วงที่เยื่อบุมดลูกจะเริ่มมีการเจริญเติบโต
- stromal cell ที่อยู่ในผนังชั้นลึกของเยื่อบุมดลูกจะเริ่มแบ่งเซลล์สร้างเซลล์ขึ้นใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่หลุดออกไป
- การเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูกในระยะนี้ จะตรงกับระยะ follicular phase ของการเปลี่ยนแปลงในรังไข่
Secretory phase
- เป็นระยะที่มีการเตรียมเยื่อบุมดลูกสำหรับการฝังตัวของไช่ที่ผสมกับอสุจิแล้ว
- หลังจากตกไข่ การเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนโพรเจสทอโรนและฮอร์โมนเอสโทรเจนจากคอร์พัสลูเทียม จะทำให้เส้นเลือดแดงที่เยื่อบุมดลูกมีมากขึ้น
- เซลล์ต่อมจะหลั่งเมือกซึ่งมีแป้งมากออกมารวมทั้งการสะสมไขมันและไกลโคเจนภายในไซโทพลาสซึม และ stromal cell มากขึ้น
- จนทำให้เยื่อบุมดลูกมีความหนาประมาณ 5-6 มิลลิเมตรเป็นระยะที่เตรียมไว้เพื่อการฝังตัวของตัวอ่อนหลังการปฏิสนธิ
Menstrual phase
- หลังการตกไข่ราว 7 วัน ถ้าไม่มีการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิ คอร์พัสลูเทียมจะสลายตัว
- ทำให้ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนและเอสโทรเจน ลดลงอย่างรวดเร็ว
- จะกระตุ้นการปล่อย PGF24 ซึ่งจะไปทำให้เกิดการตีบตัวของหลอดเลือดเล็กชนิดขด(uterine spiral arteriole)
- ผลก็คือทำให้เซลล์ที่บุมดลูกขาดเลือดและอาหารไปเลี้ยงจึงตายและหลุดลอกปนกับเลือดออกมาเป็นประจำเดือน (menstruation, Mense)
-
-
-
-
-