Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน - Coggle Diagram
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
2.สัญญาจ้างแรงงาน
นายจ้าง
นายจ้างหมายถึงผู้ซึ่งตกลงรับลูกจ้างเข้าทำงานโดยจ่ายค่าจ้างให้
ลูกจ้าง
ผู้ซึ่งตกลงทำงานให้นายจ้างโดยรับค่าจ้าง
1.หลักกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
เป็นกฎหมายที่บัญญัติถึงสิทธิหน้าที่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
1.1พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 เป็นบทบัญญัติการคุ้มครองแรงงาน เพื่อให้การใช้แรงงานเป็นไปอย่างเป็นธรรม
1.2พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่2)พ.ศ.2551 โดยแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับการห้ามนายจ้างเรียกหรือรับหลักประกันการทำงานหรือความเสียหายภายในการทำงาน
ขอบเขตการลำดับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงาน
1.ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องิ่นเนื่องจากมีกฎหมายเฉพาะของตนเอง
2.นายจ้างซึ่งจ้างลูกจ้างทำงานที่รับไปที่บ้าน
3.รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายแรงงาน ว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เนื่องจากมีกฎหมายเฉพาะของตนเอง
ข้อห้ามและข้อปฏิบัติของนายจ้างต่อลูกจ้าง
1.ห้ามมิให้นายจ้างเรียกรับหลักประกันการทำงาน หรือหลักประกันความเสียหายในการทำงานไม่ว่าจะเป็นเงินหรือทรัพท์สินอื่นๆ
2.กรณีเปลี่ยนนายจ้าง หากมีผลให้ลูกจ้างไปเป็นลูกจ้างของนายจ้างใหม่จะต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างนั้นด้วย
3.ใหเช้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างให้ถูกต้องตามสิ?และหน้าที่ที่กำหนดไว้
4.นายจ้างต้องปฏิบัติลูกจ้างชายและหญิงเท่าเทียมกัน
กฎหมายแรงงานทั่วไป
1.การทำงานปกติ
1.1การทำงานปกติต้องไม่เกิน 8 ชม.
1.2งานที่อาจเป็นอัตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกจ้าง ที่กำหนไว้ในกฎกระทรวงให้มีเวลาทำวันนึงไม่เกิน 7 ชม. ได้แก่
2.งานที่เกี่ยวกับมันตภาพรังสี
3.งานเชื่อม
4.งานขนส่งวัตถุอันตราย
1.งานผลิตสารเคมีอันตราย
2.เวลาพักระหว่างทำงาน
ให้ลูกจ้างมีเวลาพักวันนึงไม่เกิน 1 ชม.
3.การทำงานล่วงเวลา
การทำงานนอกเวลาหรือล่วงเกินเวลาปกติในการทำงานแต่ละวันที่นายจ้างตกลงกัน
4.การทำงานในวันหยุด
กฎหมายคุ้มครองแรงงานมิให้นายจ้างทำงานในวันหยุด ได้แก่ วันหยุดประจำสัปดาห์ ถ้าจะให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุดต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง
สวัสดิการแรงงาน
1.ระดับชาติ เป็นกรรมการสวัสดิการแรงงาน ระบบไตรภาคีเพื่อกำหนดนโยบายสวัสดิการการแรงงานระดับชาติ
2.ระดับประกอบกิจการ สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ให้นายจ้างจัดให้มีคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ
3.กฎหมายคุ้มครองแรงงานหญิงและเด็ก
ด้วยหญิงมีสรีระแตกต่างจากชายโดยเฉพาะหญิงมีครรภ์ซึ่งจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
แรงงานเด็ก
ลูฏจ้างนั้นต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์
วันหยุดของลูกจ้าง
หมายความว่าให้ลูกจ้างหยุดประจำสัปดาห์ หยุดประจำเทศกาล หยุดประจำปี
วันลาของลูกจ้าง
ลาป่วย
ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง
ลาทำหมัน
กฎหมายให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อทำหมันได้ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด
ลาคลอด
ลาได้ปีละไม่น้อยกว่า3วันทำงานโดยได้รับค่าจ้างปกติ
ให้ลาคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วันนายจ้างจะให้ค่าจ้างตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ไม่เกิน 45 วัน
ค่าจ้าง
เงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงานตามสัญญาจ้างจากนายจ้าง
ค่าชดเชย
1.เงินที่นายจ้างให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง
2การเลิกจ้าง มีสาเหตุมาจากนายจ้าง อันมิใช่สาเหตุมาจากตัวลูกจ้าง ดังนั้น ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชย
3.สาเหตุมาจากนายจ้าง เช่น งานหรือสัญญาของนายจ้างสิ้นสุดลงปิดโครงการเพื่อไปเริ่มกิจการใหม่
การจ่ายค่าชดเชย
1.ลูกจ้างทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี จ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน
2.ลูกจ้างทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ถึง 3 ปีจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน
ค่าชดเชยพิเศษ
เป็นเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิ์ที่จะได้รับจากนายจ้างเมื่อลูกจ้างลาออกจากงานที่ทำกับนายจ้างหรือลูกจ้างบอกเลิกสัญญากับนายจ้าง ทั้งสอลกรณีเป็รฃนสิทธิของลูกจ้างเพราะมีสาเหตุพิเศษเกิดจากนายจ้าง ที่นายจ้างประสงค์ 2 กรณี คือ นายจ้างจะย้ายสถานที่ประกอบการ และอีกประการหนึ่งจะปรับปรุงกระบวนการผลิต การจำหน่าย การประกอบกิจการใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคน นายจ้างจึงมีหน้าที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษให้กับลูกจ้าง