Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Melioidosis วัณโรค - Coggle Diagram
Melioidosis วัณโรค
การจัดแบ่งประเภท
Bacteremic melioidosis
พบการติดเชื้อจากการเพาะเชื้อในกระแสเลือดแต่จากการประเมินทางคลินิกแล้วไม่พบว่ามีอวัยวะใดที่น่าจะเกิดการติดเชื้อขึ้นผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจมีอาการเพียงไข้เท่านั้น หรือไม่มีอาการเลย อาจจะเป็นการแสดงเริ่มต้นของการติดเชื้อ
-
Localized melioidosis
มีการติดเชื้อเฉพาะที่ เช่น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ เป็นต้น โดยตรวจไม่พบเชื้อในกระแสเลือด
-
-
-
อาการของโรค
การติดเชื้อที่ปอด
-เกิดจากการสูดดมเชื้อเข้าไป ซึ่งเป็นรูปแบบการติดเชื้อที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคนี้ โดยการติดเชื้อที่ปอดนั้นอาจจะทำให้เกิดการอักเสบและทำให้มีฝีหนองในปอดตามมา อาการที่ปรากฏให้เห็นมีได้ตั้งแต่หลอดลมอักเสบชนิดไม่รุนแรงไปจนถึงอาการของโรคปอดบวมชนิดรุนแรง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีไข้ ปวดศีรษะ ไอ ไม่อยากอาหาร หายใจหอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก มีอาการเจ็บกล้ามเนื้อโดยทั่วไป รวมถึงอาจไอเป็นเลือด บางครั้งอาการเหล่านี้อาจทำให้สับสนกับวัณโรคหรือโรคปอด ซึ่งมีอาการคล้ายกัน
การติดเชื้อเฉพาะที่เฉียบพลัน
- เป็นการติดเชื้อเฉพาะตำแหน่งที่สัมผัสเชื้อโรค หากเป็นที่ผิวหนังจะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อมีอาการเจ็บ บวม มีแผลเปื่อยสีออกขาวเทา และอาจเกิดเป็นหนอง รวมถึงส่งผลให้มีอาการไข้และเจ็บกล้ามเนื้อตามมา แต่หากติดเชื้อที่ต่อมน้ำลาย ต่อมน้ำลายจะอักเสบบวม โต เจ็บ อาจเกิดหนอง หรือหากเชื้อเข้าตาจะส่งผลให้เยื่อตาอักเสบ นอกจากนี้ การอักเสบเฉพาะอวัยวะเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดการอักเสบของต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงอวัยวะนั้น ๆ ร่วมด้วย จนทำให้ต่อมน้ำเหลืองโต คลำแล้วเจ็บ และอาจเกิดเป็นหนอง ทั้งนี้ การติดเชื้ออาจจำกัดอยู่ที่บริเวณดังกล่าวหรือแพร่ผ่านกระแสเลือดต่อไปก็ได้
การติดเชื้อในกระแสเลือด
-ผู้ป่วยด้วยโรคที่มีความเสี่ยงต่อเชื้อเมลิออยด์ เช่น โรคเบาหวาน ภาวะไตวาย หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะติดเชื้อลักษณะนี้มากที่สุด มักทำให้เกิดอาการช็อก และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง ทั้งนี้ หากเชื้อแบคทีเรียเมลิออยด์เข้าสู่กระแสเลือด อาจส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะ มีไข้ หายใจลำบาก รู้สึกไม่สบายท้อง ปวดข้อต่อ และมีภาวะสูญเสียการรับรู้ด้านสถานที่ เวลา และบุคคลได้ ปกติการติดเชื้อในลักษณะนี้จะแสดงอาการอย่างรวดเร็ว และอาจพบฝีทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในตับ ม้าม หรือต่อมลูกหมาก
เชื้อกระจายทั่วร่างกาย
-เชื้อเมลิออยด์สามารถแพร่กระจายจากผิวหนังผ่านเลือดไปสู่อวัยวะอื่น ๆ จนกลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรังที่อาจส่งผลต่อหัวใจ สมอง ตับ ไต ม้าม ต่อมลูกหมาก ข้อต่อ ต่อมน้ำเหลือง กระดูก และดวงตา ซึ่งการติดเชื้อเหล่านี้อาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลันหรือเรื้อรังก็ได้ สังเกตจากอาการของผู้ป่วยที่อาจมีไข้ น้ำหนักลด ปวดท้อง เจ็บหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ ปวดศีรษะ หรือเกิดอาการชัก
การรักษา
-
-ยาปฏิชีวนะแบบฉีดในการป่วยเฉียบพลันอย่างน้อย 14วัน (บางรายอาจต้องนานกว่า)
Ceftazidime,Imipenem หรือ Meropenem
-ยาปฏิชีวนะแบบกินเพื่อให้ต่อจนครบ 12-20สัปดาห์
Trimethiprim/Sulfamethoxazole, Choramphenicol, Amoxicillinclavulinate
-
-
สาเหตุของโรค
มีสาเหตุจากแบคทีเรีย Burkholderia Pseudomallei ซึ่งพบได้ในน้ำ ดิน หรือตามพืชพันธ์ุต่าง ๆ แบคทีเรียชนิดนี้อาจติดต่อสู่มนุษย์โดยตรงผ่านการสัมผัสหรือแพร่ผ่านสัตว์เลี้ยงทีมีเชื้อนี้อยู่ในร่างกายอย่างแมว สุนัข หมู ม้า วัว ควาย แกะ หรือแพะก็ได้ โดยเฉพาะการสัมผัสกับเชื้อบริเวณผิวหนังที่มีแผลเปิดนั้นเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อสูง
คนและสัตว์ต่างเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อจากการสูดหายใจเอาฝุ่นผงเข้าไป ทั้งการได้รับละอองน้ำเล็ก ๆ หรือการรับประทานน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียนี้เจือปนอยู่ ยิ่งในฤดูฝนจะเป็นช่วงที่เชื้อแพร่กระจายได้ง่ายที่สุด ส่วนการแพร่กระจายระหว่างมนุษย์กับมนุษย์นั้นมีการรายงานว่าพบได้น้อย
ความหมายของชื่อโรค
โรคเมลิออยด์มีความใกล้ชิดกับเชื้อ Burkholderia mallei ซึ่งก่อโรคแกลนเดอร์ส (Glanders) หรือโรคมงคล่อพิษในม้า ลา และล่อ ชื่อโรคเมลิออยด์นี้มาจากภาษากรีกว่า melis หมายความว่า "โรคติดเชื้อของลา" และคำท้าย -oid หมายถึง "คล้ายคลึง" และ -osis หมายถึง "ภาวะ" ดังนั้นชื่อโรคจึงหมายความว่า ภาวะซึ่งคล้ายกับโรคแกลนเดอร์ส
การวินิจฉัย
แพทย์วินิจฉัยโรคเมลิออยด์ได้จากลักษณะอาการของผู้ป่วย แหล่งที่อยู่อาศัย ประวัติโรคประจำตัว การตรวจร่างกาย การตรวจรอยโรคที่ผิวหนัง การตรวจภาพเอกซเรย์ปอด การตรวจเชื้อและการตรวจเพาะเชื้อจากเลือดและสารคัดหลั่ง เช่น เสมหะ ปัสสาวะ หรือแผลที่ผิวหนังของผู้ป่วย ซึ่งเป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ รวมถึงการตรวจเลือดหาสารก่อภูมิต้านทานการติดเชื้อนี้ (Serologic Test) และการหาสารพันธุกรรมของเชื้อ โดยการตรวจเลือดนั้นเป็นวิธีที่มักใช้วินิจฉัยการติดเชื้อเมลิออยด์ที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน
การป้องกันโรค
ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทางร่างกายบกพร่อง เช่น โรคเอดส์ มะเร็ง หรือต้องรับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง หรือผู้ที่มีแผลเปิดบนผิวหนังควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับดินและน้ำที่อาจมีเชื้อแบคทีเรียเจือปน โดยเฉพาะบริเวณที่มีฟาร์มปศุสัตว์
-
ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดผู้ป่วย เช่น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการ ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันอย่างเหมาะสม ได้แก่ หน้ากากอนามัย ถุงมือ และเสื้อคลุม
ภาวะแทรกซ้อน
อาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อโรคเมลิออยด์ ได้แก่ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด กระดูกอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดฝีในสมอง ม้าม หรือตับ และหากติดเชื้อรุนแรงอาจทำให้เสียชีวิตได้