ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urine incontinence [UI]) หมายถึง ภาวะที่มีการเล็ด/ รั่วของปัสสาวะโดยไม่ตั้งใจและไม่สามารถควบคุมได้ สําาหรับประเทศไทยมีข้อมูลความชุกของภาวะ ปัสสาวะกลั้นไม่ได้ในผู้สูงอายุที่มารับการรักษาท่ี ห้องตรวจผู้ป่วยนอกอายุรกรรมในประเทศไทย ประมาณร้อยละ 30(Limpawattana P. Sawanyawisuth K, Soonpornrai S, Huangthaisong W,2011)ซึ่งใกล้เคียงกับข้อมูลในต่าง ประเทศส่วนอุบัติการณ์ของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่ได้ พบมากขึ้น(Keilman LJ. 2005) โดยในประเทศไทย มีรายงานอุบัติการณ์ประมาณร้อยละ 16-22
มีสาเหตุและปัจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุมีหลายประการ ดังนี้ 1. ภาวะอ้วน เป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ โดยทำให้ความดันในกระเพาะปัสสาวะสูงขึ้น จากการศึกษา พบว่าคนที่น้ำหนักและดัชนีมวลกายมากกว่าคนปกติ จะพบความชุกของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เพิ่มขึ้นและทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น(Dwyer,Lee&Hey,อ้างถึงในชุติมนต์ อสัมภินวงศ์ 2560) 2.ภาวะโรคร่วม (co-morbidities) ได้แก่ โรคเบาหวาน อาจส่งผลให้เกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวผิดปกติ (detrusor overactivity or overactive bladder) นอกจากนี้อาจเกิดจากการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ดี มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ส่งผลให้มีการขับน้ำปัสสาวะมากผิดปกติ นอกจากนี้ โรคอื่นๆ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลวจากการมีน้ำคั่ง ข้ออักเสบซึมเศร้าและความบกพร่องทางสติปัญญา จะทำให้มีความสี่ยงของการเกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่สูงขึ้น (Wagg, 2013 อ้างถึงใน จิรวรรณ อินคุ้น) 3.ยาบางชนิดส่งผลต่อการควบคุมกรขับถ่ายปัสสาวะ ทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ เช่น ยาในกลุ่ม a-adrenoceptor antagonits ส่งผลให้กล้ามเนื้อเรียบในท่อปัสสาวะหดตัว ลดลง ส่งผลให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ง่าย หรือยาในกลุ่ม Calcium channel blocker ส่งผลให้เกิดภาวะท้องผูก จึงเป็นสาหตุของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ เป็นต้น (Wagg,2013) 4.ปัจจัยอื่นได้แก่ ภาวะใด ๆ ที่ทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้นเป็นเวลานาน เช่น การยก ของหนัก การไอรื้อรัง และท้องผูกเรื้อรัง เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงตามวัยที่เกี่ยวข้องกับภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุ 1. ในวัยสูงอายุกล้ามเนื้อกระเพราะปัสสาวะจะอ่อนกำลังลง กำลังการบีบตัวของ กล้ามเนื้อ detrusor ของกระเพาะปัสสาวะลดลง ทำให้มีปัสสาวะคงในกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น ประกอบกับความของกระเพาะปัสสาวะลดลงจาก 500 เหลือเพียง 250 มิลลิลิตร นอกจากนี้ กล้ามเนื้อหูรูดบีบรัดตัวไม่ดี ปัสสาวะคงค้างในกระเพาะปัสสาวะเพิ่มขึ้น การไหลของปัสสาวะถูกกีดขวางเพิ่มขึ้นโดยฉพาะผู้สูงอายุชายเนื่องจากต่อมลูกหมากโต 2. การเคลื่อนไหวของร่างกายลดลง เช่น การอ่อนเพลีย การไม่เคลื่อนไหว หรือมี ข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว เป็นผลให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้ 3. การดื่มน้ำลดลง ซึ่งอางเนื่องมาจากกวามรู้สึกกระหายน้ำที่ลดลงเมื่ออายุมาก ขึ้นหรือความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับการดื่มน้ำ เช่น ผู้สูงอายุอาจคิดว่าการดื่มน้ำน้อยจะช่วยลดการ เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นต้น (นัยนา พิพัฒน์วณิชา) ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีความเสื่อมโทรม (Wear and tear theory) ทฤษฎีนี้เปรียบเทียบสิ่งมีชีวิตเหมือนเครื่องจัก เมื่อใช้งานนานๆ ย่อมมีการสึกหรอ แต่สิ่งมีชีวิตสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอนั้นได้เองและสามารถทำงานต่อไปได้ โดยกระบวนการสร้างใหม่เพื่อยกเว้นเซลล์บางชนิดที่ไม่สามารถแบ่งตัวได้อีก เช่น เซลล์ของประสาทและกล้ามเนื้อลาย เซลล์พวกนี้จะค่อยๆ เสื่อมโทรมลงและตาย ทำให้การทำหน้าที่ของอวัยวะส่วนนั้นลดลง
ผลการตรวจร่างกายผู้สงอายุผลการประเมินตามแบบประเมินความสามารถเชิงปฏิบัติดัชนีจุฬาเอดีแอล (Chula ADL Index) 5 คะเนน คะแนนระดับต่ำ มีภาวะพึ่งพาส่วนใหญ่ ผลการประเมินตามแบบประเมินความสามารถเชิงปฏิบัติดัชนีจุฬาเอดีแอล (Chula ADL Index) 5 คะเนน คะแนนระดับต่ำ มีภาวะพึ่งพาส่วนใหญ่
สรุปข้อวินิจฉัยการพยาบาลงจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ประกอบกับการใช้กรอบแนวคิดทฤษฎีการเสื่อมโทรมตามวัย ประกอบกับข้อมูลผู้สูงอายุ สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยงและอาการแสดงทำให้สรุปเป็นข้องวินิจฉัยการพยาบาล กลั้นปัสสาวะไม่อยู่เนื่องจากการเสื่อมตามวัย เนื่องจากขาดความรู้ในการดูแลตนเอง