Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis), image, image, image, image, image, image,…
โรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis)
อาการและอาการแสดง
ไข้สูง มีอาการ sepsis
ปอดติดเชื้อเฉียบพลัน
ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
ติดเชื้อในข้อ
ฝี
ต่อมน้ำลายพาโรติดอักเสบเป็นฝี
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการรุนแรงและเฉียบพลัน
ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว
สาเหตุ
มีสาเหตุจากแบคทีเรีย Burkholderia Pseudomallei ซึ่งพบได้ในน้ำ ดิน หรือตามพืชพันธ์ุต่าง ๆ
อาจติดต่อสู่มนุษย์โดยตรงผ่านการสัมผัสหรือแพร่ผ่านสัตว์เลี้ยงทีมีเชื้อนี้อยู่ในร่างกายอย่างแมว สุนัข หมู ม้า วัว ควาย แกะ
จากการสูดหายใจเอาฝุ่นผงเข้าไป ทั้งการได้รับละอองน้ำเล็ก ๆ หรือการรับประทานน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียนี้เจือปนอยู่
ความหมาย
เป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ปนเปื้อนได้ในน้ำและดิน แพร่กระจายสู่คนผ่านการสัมผัสเชื้อโดยตรงหรือโดยการติดต่อจากสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น สุนัข แมว หมู ม้า วัว ควาย แกะ แพะ พบอัตราการป่วยมากที่สุดในช่วงฤดูฝน
การวินิจฉัย
การตรวจหาเชื้อด้วยวิธี (PCR)
ควรได้รับการเพาะเชื้อจากเลือด ปัสสาวะ เสมหะ (ถ้ามี)และสิ่งส่งตรวจอื่นๆ เช่น หนองตามที่ต่างๆ (ถ้ามี)
การวินิจฉัยด้วยการตรวจทางพันธุกรรม (Serology)เช่น
่ IHA และ IFA มีความไวต่ำ(มักใช้ผลลบลวงผู้ป่วยโรคเมอร์ลิออยด์)ความจำเพาะต่ำ ((มักใช้ผลบวกลวงผู้ป่วยโรคเมอร์ลิออยด์))
วิธีการติดต่อ
เชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายคนโดยผ่านทางผิวหนัง
โดยสัมผัสดินและน้ำ โดยไม่ จำเป็นต้องมีรอยขีดข่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีการสัมผัสดินและน้ำเป็นเวลานานๆ เช่น การทำนาและ การจับปลา และ ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันลดลงเช่นผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยโรคไต
กรณีที่มีบาดแผลและไปสัมผัส ดินและน้ำจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดโรคเมลิออยด์มากขึ้น
เชื้อเมลิออยด์สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการ รับประทานโดยการทานอาหารที่มีดินปนเปื้อน หรือการกินน้ำที่ไม่ได้ผ่านการต้มสุก
ผ่านทางการหายใจโดย การหายใจฝุ่นดินเข้าไปในปอดหรืออยู่ภายใต้ลมฝน
นักจุลชีววิทยาอาจติดเชื้อจากอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการได้
โดยปกติไม่ติดต่อจากคนสู่คน แต่อาจติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ถ้าสัมผัสสารคัดหลั่งที่ออกมาจากสัตว์ที่เป็น โรค หรือรับประทานเนื้อหรือนมจากสัตว์ที่เป็นโรค
การรักษา
การรักษาภาวะฉุกเฉิน (acute treatment)
เนื่องจากผู้ป่วยเมลิออยด์ที่มีภาวะ severe sepsis หรือ septic shock จะเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว
การใช้ ยาต้านจุลชีพที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
ยาที่มีการศึกษาพบว่ามีผลต่อเชื้อเมลิออยด์คือยา
1st ceftazidime
imipenem ยานี้อัตราการเสียชีวิตไม่ต่างกับ ceftazidimeแต่ อัตราการล้มเหลวมากกว่า ใช้เมื่อมีข้อห้ามต่อ ceftazidime หรือ ไม่ตอบสนอง
meropenem ยานี้อัตราการเสียชีวิตไม่ต่างกับ ceftazidimeแต่ ใน severe sepsis จะมีอัตราการเสียชิวิตที่ต่ำกว่า
การให้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมด้วยความรวดเร็ว และ การควบคุมการติดเชื้อ
เช่น การเจาะระบายหนอง การล้างข้อที่ติดเชื้อ และการผ่าตัดเพื่อเอาก้อนหนองออกนั้นควรทำเมื่อไม่สามารถ เจาะดูดได้และผู้ป่วยอาการไม่ดีขึ้นจากการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีไข้สูงต่อเนื่องโดยเฉลี่ยประมาณ 9 วันผู้ป่วยควรได้รับการเพาะเชื้อ จากเลือดซ้ำทุกอาทิตย์ หรือเมื่อมีอาการแย่ลงและต้องการเปลี่ยนยา
ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแบบฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน และจนกว่าไข้จะลงดี อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
การเปลี่ยนยาจาก ceftazidime ไปเป็น meropenem ควรพิจารณาจากอาการทางคลินิกเป็นหลัก เช่น ผู้ป่วยอาการแย่ลง มีตำแหน่งติดเชื้อเพิ่มขึ้น หรือ มีผลเพาะเชื้อซ้ำจากเลือดขึ้นเชื้อเมลิออยด์แม้ว่าหลังจากได้รับยา ceftazidime มากกว่า 48 ชั่วโมง
ผู้ป่วย มากกว่าครึ่งจำป็นต้องให้ยาปฏิชีวินะมากกว่า 14 วัน และ อาจนานถึง 90-120 วันในผู้ป่วยที่ติดเชื้อในข้อหรือใน สมอง
การรักษาเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ (oral eradicative treatment)
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาภาวะฉุกเฉินจนสามารถหยุดยาฉีดได้แล้วนั้นต้องรับประทานยาฆ่าเชื้อต่อเนื่อง เป็นเวลาอย่างน้อย 12-20 สัปดาห์เพื่อฆ่าเชื้อที่ยังคงเหลืออยู่ในตัวผู้ป่วยให้หมดและป้องกันการกลับเป็นซ้ำของ โรค
สูตรยามาตรฐานที่ใช้ในการรักษาคือยา
Cotrimoxazole +Doxycline
เป็นสูตรมาตรฐาน เนื่องจากอัตราเป็นกลับซ้ำต่ำสุด
-trimethoprim/sulfamethoxazole
(cotrimoxazole)ในขนาด 8/40 mg/kg/dose รับประทานวันละสองครั้ง
-Doxycline 4 mg/kg/วัน
Co-amoxiclav
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ หรือ ผู้ที่แพ้ cotrimoxazoleAmoxicillin 60 มก./กก./วัน +.8 clavulanic acid 15 มก./กก./วัน แบ่ง 4 ครั้ง ต่อ วันระวัง ได้ยาน้อยกว่า 12 wk กลับเป็นซ้ำ 36% นานกว่า 12 wk เป็นซ้ำเหลือ 10%
Ciprofloxacin +azithromycin
-Ciprofloxacin 500mg bid
-azithromycin 500mg OD ระวัง ได้ยาน้อยกว่า 12 wk กลับเป็นซ้ำ 22% ใช้สูตรนี้เฉพาะ เมื่อมีข้อห้ามใน 2 สูตรแรก เนื่องจากมีราคาแพง
ผู้ป่วยที่มีฝีในตับ ม้ามและในที่ต่างๆ ตามร่างกาย ควรได้รับการตรวจซ้ำที่ 12 หรือ 20 สัปดาห์เพื่อ พิจารณาว่าต้องทานยาต่อเนื่องนานมากกว่า 20 สัปดาห์หรือไม่ ผู้ป่วยบางรายจ ำเป็นต้องทานยามากกว่า 20 สัปดาห์เพื่อให้ฝีหนองตามที่ต่างๆ หายดีจนกลับเป็นปกติ
ผู้ป่วยที่รับประทานยาไม่ครบจะกลับมาเป็นซ้ำ โดยที่การกลับเป็นซ้ ามีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูง เหมือนการเป็นโรคเมลิออยด์ครั้งแรก
การป้องกัน
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันโรคเมลิออยด์
การจึงต้องลดความเสี่ยงในการเผชิญกับเชื้อโรคดังกล่าว
ผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทางร่างกายบกพร่อง
เช่น โรคเอดส์ มะเร็ง หรือต้องรับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง หรือผู้ที่มีแผลเปิดบนผิวหนังควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับดินและน้ำที่อาจมีเชื้อแบคทีเรียเจือปน โดยเฉพาะบริเวณที่มีฟาร์มปศุสัตว์
ผู้ที่ทำการเกษตรควรสวมรองเท้าบูทเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการที่เท้าและขาสัมผัสกับดิน
ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดผู้ป่วย เช่น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ในห้องปฏิบัติการ ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันอย่างเหมาะสม ได้แก่ หน้ากากอนามัย ถุงมือ และเสื้อคลุม
แหล่งอ้างอิง
ศิริลักษณ์ อนันติณัฐศิริ. (2559). โรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis). สืบค้น 10 กุมภาพันธ์ 2564, จาก
http://ams2.kku.ac.th/fileaf/suchat/Mellioidosis/Melioidosis.pdf
วรวุฒิ เจริญศิริ. (2563). โรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis). สืบค้น 10 กุมภาพันธ์ 2564, จาก
https://www.bangkokhealth.com/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%AA-melioidosis/