Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเก็บสิ่งส่งตรวจ (SPECIMEN COLLECTION) - Coggle Diagram
การเก็บสิ่งส่งตรวจ (SPECIMEN COLLECTION)
หมายถึง
ตัวอย่างที่เก็บจากผู้ป่วย แล้วนำมาตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการ
ปัญหาที่พบคือ Human error
ใช้อุปกรณ์/ภาชนะไม่ถูกต้อง
Cotted
เทคนิคการเก็บไม่ดี
เก็บผิดเวลา ผิดวิธี
ปริมาณสิ่งส่งตรวจไม่เพียงพอ
Hemolysis
การนำส่งล่าช้า
รายละเอียดไม่ครบถ้วน
หลักการเก็บสิ่งส่งตรวจ
Preservation and Transportation
ใช้ภาชนะเก็บสิ่งส่งตรวจให้ถูกต้อง
เก็บสิ่งส่งตรวจในสภาวะที่เหมาะสม
นำส่งในระยะเวลาที่กำหนด
Selection and Collection
หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีการปนเปื้อนของ Normal flora
เลือกตำแหน่งที่ต้องการให้ถูกต้อง
เก็บให้ได้ปริมาตร / ปริมาณที่เพียงพอต่อการตรวจ
ใส่ในภาชนะบรรจุที่ถูกต้อง ปลอดภัย
เขียนรายละเอียดการส่งตรวจให้ครบถ้วน ชัดเจน
ประเภทของสิ่งส่งตรวจ
ได้แก่
Blood
การเจาะเลือด
การเจาะเลือดจากเส้นเลือดแดง
ต้องมีความชำนาญ
การเจาะเลือดจากเส้นเลือดฝอยบริเวณผิวหนัง
การเจาะปลายนิ้ว
เจาะในผู้ใหญ่และเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป
นิยมเจาะนิ้วนางและนิ้วกลาง
การเจาะส้นเท้า
เจาะในทารกแรกเกิดและเด็กที่ยังไม่เริ่มเดิน
เจาะบริเวณด้านข้างทั้งสองของส้นท้า
การเก็บเลือด
ใช้ lancet หรือเข็มเจาะผิวหนังบริเวณดังกล่าวในทิศตั้งฉาก ลึกประมาณ 2–3 มม.
Checking the request
เช็ดทำความสะอาดด้วย 70% Alcohal
Patient identification
ใช้สำลีแห้งเช็ดเลือดหยดแรกทิ้งไปแล้วจึงเก็บหยด
การเจาะเลือดจากเส้นเลือดดำ
นิยมเจาะเส้นเลือดดำ
เส้นเลือดดำบริเวณข้อพับแขน (Antecubital fossa)
Median cubital vein
Cephalic vein
Basilic vein
เส้นเลือดดำหลังมือ มี 2 เส้น คือ
Metacarpal plexus
Dorsal venous arch
เส้นเลือดดำหลังเท้า
ใช้ในกรณีที่หาเส้นเลือดในตำแหน่งดังกล่าวไม่ได้ แต่ต้องเป็นผู้ที่มีความชำนาญเท่านั้น
Subclavian vein
Femoral vein
การเก็บเลือด
Checking the request
Preparing the equipments
ไม่ควรรัด Tourniquet นานเกิน 2 นาที
เช็ดทำความสะอาดด้วย 70% Alcohal
Patient identification
แทงเข็มตามแนวเส้นเลือดเอียงทำมุม 15-30 องศา
เตรียมเข็มสำหรับเจาะโดยเลือก size ให้เหมาะสม (No.18-24)
การเจาะเลือดปริมาณมากๆไม่ควรใช้เข็มขนาดเล็ก
ในกรณีที่มีการส่งเลือดตรวจหลายอย่างให้ใส่เลือดเรียงตามลำดับ
การเรียงลำดับการใส่เลือด
ลำดับที่ 1 ขวดอาหารสำหรับเพาะเชื้อ (Hemoculture)
ลำดับที่ 2 หลอดเลือดที่มี sodium citrate (จุกสีฟ้า)
ลำดับที่ 3 Clotted Blood (จุกสีแดง)
ลำดับที่ 4 หลอดเลือดที่มี heparin (จุกสีเขียว)
ลำดับที่ 5 หลอดเลือดที่มี EDTA (จุกสีม่วง)
ลำดับที่ 6 หลอดเลือดที่มี sodium fluoride (จุกสีเทา)
เมื่อใส่เลือดลงหลอดเลือดที่มีสารกันเลือดแข็งต้องMix เลือดโดยเอียงหลอดเป็นมุม 180 องศา 5-10ครั้ง แบบEnd-over-end invertion เพื่อให้เลือดและสารกันเลือดแข็งผสมกันดีและเลือดไม่แข็งตัว (Clot)
การตรวจเลือด
Lactate
Indication
ใช้เป็น Maker ของสภาวะที่เซลล์ขาดออกซิเจน
ช่วยในการวินิจฉัยและรักษาภาวะ Lactic acidosis
ช่วยในการวินิจฉัยโรค bacterial meningitis
Patient preparation
ไม่ใช้ tourniquet รัดก่อนเจาะเลือดเพราะจะทำให้ค่าสูงขึ้น
อาจหลีกเลี่ยงโดยใช้ arterial blood แทนได้
ไม่ควรออกกำลังมือและแขนหรือเกร็งแขนก่อน
เจาะเลือด
ภาชนะเก็บ
หลอดที่มีสารกันเลือดแข็งชนิด Lithium Heparin (เขียว) 3 ml
Syringe blood gas (heparin) 1-5 c.c.
ห้ามรัด Tourniquet
อาจเก็บจาก arterial blood แทน
การนำส่ง
หลังจากเจาะเลือดให้แช่หลอดหรือ Syringe ในน้ำที่ผสมน้ำแข็งทันทีและรีบนำส่งห้องปฏิบัติการทันที หรือภายใน 15 นาที
ห้ามแช่ในน้ำแข็ง เพราะจะทำให้เกิด Hemolysis
Culture
การเก็บสิ่งส่งตรวจสำหรับเพาะเชื้อ
เก็บจากตำแหน่งที่มีการติดเชื้อ
หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนเชื้ออื่น (sterile tecnique)
เก็บในปริมาณและจำนวนที่เหมาะสม
เก็บก่อนให้ยาต้านจุลชีพเสมอ
การเจาะเลือด
เตรียมอุปกรณ์และขวดอาหารสำหรับเพาะเชื้อ
ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และใส่ถุงมือ
เลือกตำแหน่งของหลอดเลือดดำที่จะเจาะเลือด
เช็ดผิวบริเวณที่จะเจาะเลือดด้วย 70 % alcohol และรอให้แห้ง
เช็ดซ้ำด้วย 2% chlorhexidine gluconate in 70% alcohol สำหรับเด็กแรกเกิดให้ใช้ 70% alcohol เช็ดแทน
ใช้เข็มและ syringe เจาะเลือดออกจากหลอดเลือดดำ
ทำความสะอาดจุกยางที่ฝาขวด hemoculture ด้วย 70% alcohol และรอให้แห้ง
แทงเข็มลงตรงกลางจุกยางของขวด hemoculture ฉีดเลือดลงในขวดเบาๆ
หมุนขวดเบาๆเป็นวงกลมบนพื้นโต๊ะประมาณ 5 รอบ และซ้ายขวา ข้างละ 5 ครั้ง
ใช้ 70% alcohol เช็ดจุกยางของขวดอีกครั้ง
เวลาที่เก็บ
ควรเจาะเลือดก่อนที่ผู้ป่วยจะได้รับสารต้านจุลชีพ ถ้าผู้ป่วยได้รับสารต้านจุลชีพแล้ว ให้เจาะเลือด 15 นาทีก่อนที่จะให้สารต้านจุลชีพครั้งถัดไป
ตำแหน่งที่เก็บ
เก็บเลือดจาก peripheral vein ตำแหน่งต่างกัน
และแยกเจาะคนละครั้งสำหรับแต่ละตัวอย่าง
ปริมาณ
: ผู้ใหญ่ ปริมาณ 8-10 ml /ขวด
: เด็กใช้ปริมาณ 3-5 ml/ขวด
การเก็บรักษา : อุณหภูมิห้อง
CBC
Indication
วินิจฉัยโรคทางโลหิตวิทยา เช่น Anemia ,Leukemia
บอกภาวะการติดเชื้อ
ติดตามผลการรักษา
ภาชนะเก็บ : หลอดที่มีสารกันเลือดแข็ง EDTA (ม่วง)
Mix 8-10 ครั้ง ป้องกันการ Clot
นำส่งห้องปฏิบัติการภายใน 2 ชม.หลังการเก็บตัวอย่าง
ปริมาณ
: เด็ก 0.5 ml
: ผู้ใหญ่ 3 ml
Coagulogram
ปริมาณ 2.7 ml
Mix 8-10 ครั้ง ป้องกันการ Clot
นำส่งห้องปฏิบัติการภายใน 2 ชม.หลังการเก็บตัวอย่าง
Indication
หาความผิดปกติของ Blood clotting factors ใน intrinsic , extrinsic และ common pathway
รายการทดสอบ ได้แก่
PT (Prothrombin Time)
APTT (Actived Partial Thromoboplastin Time)
TT ( Thrombin Time)
ภาชนะเก็บ : หลอดที่มีสารกันเลือดแข็งชนิด3.2% sodium citrate (ฟ้า)
เมื่อทำการเก็บเลือดห้ามบีบหรือเค้น เพราะอาจทำให้เม็ดเลือดแดงแตก หรือเกิดการปนเปื้อนของเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดข้อผิดพลาด
Urine
การเก็บสิ่งส่งตรวจ
ให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะตอนแรกทิ้งไปก่อน (ปัสสาวะส่วนแรกทำหน้าที่ขจัดสิ่งปนเปื้อนภายในท่อปัสสาวะทิ้งไป)
ใช้ภาชนะใส , สะอาด , แห้ง และปากกว้าง รองรับ
ตอนกลางของปัสสาวะที่กำลังไหลให้ได้ปริมาณ 10-15 มล.
ปัสสาวะส่วนท้ายให้ทิ้งไป
การนำส่ง
ควรนำส่งทันที เพราะว่าส่วนประกอบของปัสสาวะเริ่มต้นสลายในเวลา 30 นาทีที่อุณหภูมิห้อง หรือภายใน 4 ชั่วโมงเมื่อเก็บไว้ในตู้เย็น
ประเภท
Timed specimen
คือ การเก็บปัสสาวะในช่วงเวลาที่กำหนด เช่นปัสสาวะ 24 ชั่วโมง นิยมตรวจหาสารเคมีหรือฮอร์โมน
Catcheterized specimen
คือ การเก็บปัสสาวะโดยวิธีสวนให้ปัสสาวะไหลออกมาเอง ใส่ในภาชนะบรรจุ
Single specimen
1.1 Random urine : เก็บเมื่อใดก็ได้
1.2 First morning urine : เก็บปัสสาวะครั้งแรกหลังตื่นนอน
1.3 Fractional urine : เก็บปัสสาวะช่วงเวลาที่กำหนด
Stool
วิธีเก็บ : ให้ถ่ายอุจจาระให้ภาชนะที่สะอาด จากนั้นนำไม้เขี่ยอุจจาระโดยเก็บปริมาณเท่านิ้วก้อย (เลือกเก็บบริเวณที่พยาธิสภาพที่ผิดปกติ) แล้วนำส่งตรวจ
กรณีที่ไม่สามารถนำส่งห้องปฏิบัติการได้ภายใน 2 ชั่วโมง : ให้นำ rectal swab สอดเข้าที่ทวารหนักของผู้ป่วย แล้วหมุน 3-5 รอบแล้วดึงออกมาใส่ใน Cary-Blair transport medium นำส่งห้องปฏิบัติการ
ฺBody fluid
ประเภท
Cerebrospinal Fluid (CSF)
Pleural fluid
Peritoneal fluid (Ascites)
Pericardial fluid
Synovial fluid
อุปกรณ์สำหรับเก็บ
ต้องเป็นขวดปราศจากเชื้อ และเก็บอย่างน้อย 3 ขวด
ขวดที่ 2 สำหรับส่งตรวจเพาะเชื้อ และจุลชีววิทยา
ขวดที่ 3 สำหรับส่งตรวจหา cell count , cell differential
ขวดที่ 1 สำหรับส่งตรวจหาโปรตีน , น้ำตาลทางเคมี
คลินิก และตรวจทางภูมิคุ้มกันวิทยาคลินิก
เก็บโดยวิธี aseptic technique
ควรนำส่งทันที หากไม่สามารถนำส่งได้ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง ห้ามแช่เย็น
Orther
Sputum
วิธีเก็บ : ให้เก็บเเสมหะตอนเช้าหลังจากตื่นนอนใหม่ๆ โดยให้ผู้ป่วยบ้วนปากหลายๆ ครั้งก่อน แล้วให้ผู้ป่วยหายใจลึกๆ ไอแรงๆ จากนั้นจึงบ้วนเสมหะใส่ภาชนะ
Pus
วิธีเก็บ : ใช้แอลกอฮอล์เช็ดแล้วรอให้แห้ง จากนั้นจึงใช้เข็มสะกิดแผลให้เปิด แล้วใช้ไม้พันสำลีป้ายแผลใส่ใน Stuart transport medium ถ้าเป็นตุ่มขนาดใหญ่ อาจใช้เข็มและกระบอกฉีดยาเจาะดูด แล้วนำส่งห้องปฏิบัติการ
Pus Gram stain
วิธีเก็บ : ใช้ไม้พันสำลีเก็บเชื้อแล้วป้ายลงบนสไลด์ ไม่ควนเก็บหนาเกินไป แล้วจึงเขียนชื่อผู้ป่วยลงบนรอยฝ้าด้านเดียวกับสิ่งส่งตรวจ
Pus Culture
วิธีเก็บ : กรณีที่เป็นแผลเปิด ให้เก็บโดยใช้ไม้พันสำลีป้ายหนองบริเวณแผล แล้วใส่ลงใน Stuart transport medium นำส่งห้องปฏิบัติการทันที
Pus or Discharge form genital
วิธีเก็บ
ในผู้ชาย : 1) ส่งตรวจ Gram stain ถ้ามี discharge ใช้ไม้พันสำลีป้าย discharge แล้วป้ายลงบนสไลด์ 2) กรณีเพาะเชื้อ ถ้ามี discharge ใช้ไม้พันสำลีป้ายdischarge แล้วใส่ลงใน Stuart transport medium 3) กรณีผู้ป่วยชายที่สงสัยว่าเป็นหนองในชนิดเรื้อรัง อาจนวดต่อมลูกหมากก่อน เมื่อหนองไหลออกมา จึงป้ายด้วยไม้พันสำลีแล้วนำส่งด้วยวิธีเดียวกัน
ในผู้หญิง : กรณีตรวจภายใน แพทย์จะเป็นผู้เก็บสิ่งส่งตรวจ ในกรณีที่ต้องการตรวจ Gram stain ให้ใช้ไม้พันสำลีป้าย discharge ลงบนสไลด์ กรณีตรวจหาเชื้อ Trichomonas vaginalis ให้ใช้ไม้พันสำลีป้ายบริเวณช่องคลอด แล้วจุ่มลงในหลอดแก้วที่มีน้ำเกลือ 0.85 % อยู่ 1 ml.