Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะความดันโลหิตสูง
(Hypertensionหรือ High blood pressure)…
ภาวะความดันโลหิตสูง
(Hypertensionหรือ High blood pressure) คือภาวะที่ความดันช่วงบนมีค่าตั้งแต่ 130 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป และ/หรือความดันช่วงล่างมีค่าตั้งแต่ 80 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป
คนไข้รายนี้มีประวัติป่วยเป็น Hypertension (HT) โรคความดันโลหิตสูงมาประมาณ 6 ปี
ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลเซกา รักษาด้วยการกินยา และกินอย่างต่อเนื่องไม่ได้ขาดยา
หลอดเลือดแดงใหญ่เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง และภาวะเลือดเซาะผนังหลอดเลือดแดงใหญ่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายถึงเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ หลอดเลือดแดงส่วนที่มาเลี้ยงขาและปลายเท้าอาจเกิดภาวะแข็งตัวและตีบได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีการสูบบุหรี่ร่วมด้วย) ทำให้เลือดไปเลี้ยงที่ ขาและปลายเท้าได้น้อย อาจเป็นตะคริวบ่อย หรือปวดน่องขณะเดินมาก ๆ หากหลอดเลือดแดงเกิด การอุดตันก็อาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นขาดเลือดจนกลายเป็นเนื้อตายเน่า (Gangrene) ได้
ความดันโลหิตสูง ทำให้หลอดเลือดที่เลี้ยงไตตีบแคบและแข็งตัวมีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงไตไม่พอ เซลล์ไตขาดเลือดและถูกทำลาย อัตราการกรองของไตลดลงจนไตไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ มีพยาธิสภาพที่เนื้อไต เกิดการคั่งค้างของของเสียจำนวนมากซึ่งมีความรุนแรงมากพอที่จะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
1.รักษาสมดุลของน้ำและความเข้มข้นออสโมลของเกลือแร่ต่างๆในร่างกาย เช่น โซเดียม โพแทสเซียม ไบคาบอเนต ฟอสเฟต ในน้ำนอกเซลล์ให้มีค่าคงที่ เนื่องจากความเข้มข้นออสโมลของน้ำนอกเซลล์เปลี่ยนไปจะทำให้น้ำในเซลล์เปลี่ยนไปด้วย
- กำจัดของเสียที่เกิดขึ้นในร่างกายและสารแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เช่น ยา สารพิษ
- สร้างฮอร์โมนหลายชนิด เช่น
3.1 ฮอร์โมนอิริโทรพอยอิติน (erythropoietin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนทำหน้าที่กระตุ้น
การสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
3.2 ทำหน้าที่เปลี่ยนวิตามินดีจากรูปที่ยังไม่มีฤทธิ์เป็นรูปที่มีฤทธิ์คือ
1,25-dihydroxy- vitamin D เพื่อกระตุ้นการดูดซึมของแคลเซียม
และฟอสเฟตในลำไส้ภายใต้อิทธิพลของฮอร์โมนพาราไทรอยด์ (parathyroid)
3.3 ฮอร์โมนรีนิน (renin) จากเซลล์แกรนูลาร์โดยฮอร์โมนรีนินจะถูกหลั่งเมื่อเลือดที่ไหลมาเลี้ยงไตลดลง
หรือมีการกระตุ้นจากระบบประสาทซิมพาเทติกฮอร์โมนรีนินจะกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนแองจิโอเทนซิน (angiotensin) และอัลโดสเตอโรน
ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมความดันเลือดและสมดุลของโซเดียมในร่างกาย
ไต เป็นอวัยวะที่สำคัญในการควบคุมการขับหรือเก็บน้ำไว้ในร่างกายเมื่อร่างกายขาดน้ำ
เช่นอากาศร้อนจัดเสียน้ำไปทางเหงื่อมากร่างกายจะปรับดุลน้ำโดยที่จะมีการกระหายน้ำ ดื่มน้ำมากขึ้นเป็นการทดแทนน้ำที่เสียไปร่างกายก็อยู่ในสมดุล หรือเมื่อคนเราดื่มน้ำเป็นจำนวนมากเกินความต้องการ ไตก็จะทำหน้าที่ขับน้ำส่วนเกินออกเช่นเดียวกัน แต่เมื่อใดที่ไตผิดปกติการปรับดุลน้ำไม่ได้จะเกิดภาวะน้ำเกินและภาวะขาดน้ำซึ่งถ้ารุนแรงมากมีผลกระทบต่อสมองจนมีอาการสับสน ซึม และชักได้
ซึ่งในคนไข้รายนี้ก็มีอาการ ซึมลง ซึ่งเป็นตัวที่บ่งบอกว่าร่างกายอยู่ในภาวะน้ำเกิน
ESRD c Uremia เกิดจากกรวยไตและหน่วยไตอักเสบเรื้อรัง รวมทั้งมีโรคประจำตัว คือความดันโลหิตสูงทำให้เลือดไปเลี้ยงไตไม่พอ เซลล์ไตขาดเลือดและถูกทำลายทำให้อัตราการกรองของไตลดลงไม่สามรถทำงานได้ปกติ
ค่าการทำงานของไตหรือ GFR เป็นค่าที่บอกว่าไตทำงานได้มากน้อยเพียงใด โดยสามารถแบ่งโรคไตเรื้อรังออกได้เป็น 5 ระยะ ได้แก่
-
-
-
-
-
อาการหลัก คือ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร-ปัสสาวะออกน้อยลง ตัวบวมเห็นชัดที่หน้าแข้ง หลังเท้า หนังตาและส่วนของลำตัวที่อยู่ด้านล่าง เช่นนอนตะแคงขวานาน ๆ ลำตัวและแขนด้านขวาจะบวมถ้านอนหงายนาน ๆ หลังก็จะบวม เหนื่อยอ่อนเพลีย หายใจหอบลึก ไอเวลานอนราบเพราะน้ำท่วมปอดทำให้นอนไม่ค่อยหลับต้องลุกมานั่งหอบกลางอีกหลายครั้ง คันตามผิวหนังโดยไม่มีผื่น กล้ามเนื้อกระตุกหรือเป็นตะคริว
อาการที่พบในผู้ป่วยรายนี้ ได้แก่ เบื่ออาหาร ปัสสาวะออกน้อย เหนื่อย อ่อนเพลีย ลักษณะการหายใจเป็นair hunger
สาเหตุ ของไตเรื้อรังที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคเบาหวาน (ประมาณ 40%) และความดันโลหิตสูง (ประมาณ 20%) โรคอื่น ๆ ที่อาจพบได้คือโรคนิ่วและการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ (obstructive uropathy) โรคไตจากเก๊าท์ โรคภูมิต้านทางต่อเนื้อเยื่อตนเอง (Systemic lupus erythematasus) โรคไต IgA โรคถุงน้ำในไตซึ่งเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ (Autosomal dominant polycystic kidney disease) โรคไตเรื้อรังที่เกิดจากการใช้ยาแก้ปวด (Analgesic and NSAIDS induced nephropathy)
-
พยาธิสรีรวิทยา (pathophysiology) เกิดจากการเสื่อมของไต และการถูกทำลายของหน่วยไต มีผลให้อัตราการกรองท้ังหมดลดลง และการขับถ่ายของเสียลดลง ปริมาณครีตินินและยูเรียไนโตรเจนในเลือดสูงขึ้น หน่วยไตที่เหลืออยู่จะเจริญมากผิดปกติเพื่อกรองของเสียที่มีมากขึ้น ผลที่เกิดทำให้ไตเสียความสามารถในการปรับ ความเข้มข้นปัสสาวะ ปัสสาวะถูกขับออกไปอย่างต่อเนื่องจาก หน่วยไตไม่สามารถดูดกลับเกลือแร่ต่างๆได้ ทำให้สูญเสียเกลือแร่ออกจากร่างกาย จากการท่ีไตถูกทาลายมากขึ้น และการเส่ือมหน้าที่ของหน่วยไต ทาให้อัตราการกรองของไต ลดลง ร่างกายจึงไม่สามารถขจัดน้า เกลือ ของเสียต่างๆ ผ่านไตได้ เมื่ออัตราการกรองของไตน้อยกว่า 10-20 มล./นาที ส่งผลให้เกิดการคั่งของยูเรียในร่างกายเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในท่ีสุด ดังนั้น เมื่อเข้าสู่ระยะดังกล่าวผู้ป่วยจึงควรได้รับการรักษาด้วยการบาบัดทดแทนไต
-
การรักษา :<3:
การปลูกถ่ายไต (kidney transplantation: KT)
เป็นวิธีการบำบัดทดแทนไตที่ดีที่สุด เนื่องจากการผ่าตัดมีอัตราการประสบความสำเร็จสูง ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย เดินทางท่องเที่ยว มีครอบครัวได้เช่นเดียวกับผู้ที่มีสุขภาพดีทั่วไป และมีชีวิตที่ยืนยาวกว่าผู้ป่วยที่ต้องฟอกเลือดหรือล้างไตตลอดชีวิต
การล้างไตทางช่องท้อง (peritoneal dialysis: PD)
เป็นการทำความสะอาดเลือดและขจัดของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกายโดยใช้ตัวกรองที่มีอยู่ตามธรรมชาติซึ่งก็คือ เยื่อบุผนังช่องท้องของร่างกาย
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis) คือขบวนการนำเลือดของผู้ป่วยเข้าสู่เครื่องไตเทียมโดยเลือดที่ออกจากผู้ป่วยจะผ่านตัวกรอง (hemodialyzer) เพื่อแลกเปลี่ยนน้ำสารต่างๆที่ละลายอยู่ในเลือดและน้ำยาด้วยกระบวนการออสโมสิสและอัลตร้าฟิลเตรชั่นใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงต่อรอบก่อนนำเลือดที่ได้รับการฟอกแล้วกลับเข้าสู่ร่างกายโดยไปรับบริการที่สถานรักษาพยาบาล 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถขจัดของเสียออกจากร่างกายได้ในระยะเวลาอันสั้นและแก้ไขภาวะความเป็นกรดของเลือดได้อย่างรวดเร็ว
-
โรคเก๊าท์เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึ่งสาเหตุจากการที่ร่างกายมีกรดยูริดมากกว่าปกติ และตกตะกอนอยู่ภายในข้อ ทำให้เกิดอาการอักเสบ กรดยูริคอาจจะตกตะกอนในไตหรือทางเดินปัสสาวะ ทำให้เป็นนิ่วหรือไตวายเรื้อรังได้
-
คนไข้มีประวัติเป็นโรคเก๊าท์ ประมาณ6ปี
รักษาด้วยวิธีกินยา รับยาที่โรงพยาบาลเซการับยาที่โรงพยาบาลเซกา ขณะรับประทานยาไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ
-
-