Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

กลุ่มอาการถ่ายเหลว มีไข้ - Coggle Diagram

- - - - การเก็บวิธีนี้เหมาะสมสำหรับเด็ก ผู้ที่พักฟื้นไม่มีอาการอุจจาระร่วงและผู้สัมผัสในรายที่ไม่ได้ถ่ายเป็นน้ำ
        
        ใช้ไม้ swab ปราศจากเชื้อจุ่มใน cary-blair บิดให้หมาดสอดเข้าไปในทวารหนักให้ลึกประมาณ 2-4 ซม. แล้วหมุนเบา ๆ ให้ swab สัมผัสผนังของเยื่อบุทวารหนักมากที่สุด ควรมีอุจจาระติดอยู่ที่ไม้ swab ใส่ลงไปในขวด cary-blair ให้ลึกถึงก้นขวด หักไม้ส่วนเกินปากขวดทิ้ง แล้วปิดขวด
    - - โดยใช้ไม้พันสำลีที่ปราศจากเชื้อ ป้ายอุจจาระที่ถ่ายใหม่ ๆ ใส่ลงในขวดที่บรรจุอาหาร cary-blair medium ให้ลึกถึงก้นขวด หักไม้ส่วนเกินปากขวดทิ้ง แล้วปิดขวด
  - - - อาการ
        
        ไข้สูง เกิน 38.5 0C นำมาก่อน 2 - 3 วัน
        
        ปวดท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำ 2 - 3 ครั้ง
        
        ถ่ายเป็นมูกเลือด
        
        ปวดเบ่งเหมือนถ่ายไม่สุด ถ่ายกระปิดกระปรอย
        
        คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย หรืออาจมีอาการชัก
    - - อาการ
        
        ปวดถ่วงในท้องน้อย ถ่ายเหลว เป็นมูกเลือด บางครั้ง
        
        ท้องผูก สลับกับ ท้องร่วง
        
        ปวดทั่วๆท้อง โดยเฉพาะ ทางด้านขวา
        
        อาการปวดท้องของผู้ป่วย อาจทำให้การวินิจฉัยแยกโรคลำบาก จากไส้ติ่งอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ ลำไส้อุดตัน ช่องท้องอักเสบ
        
        มีอาการเป็นเรื้อรัง สลับเป็นเฉียบพลัน
  - - - ให้สารน้ำ ทางเส้นเลือดดำ ในกรณีร่างกายขาดสารน้ำ จากการถ่ายอุจจาระมาก และเป็นการรักษาสมดุลของเกลือแร่ หรือใช้ยาแก้ ปวดท้องและยาแก้ไข้ถ้ามีอาการปวดท้องมากและไข้สูง
    - - หากพบว่าเชื้อ Shigella เป็นสาเหตุของบิด ยาปฏิชีวนะที่ได้ผลจะเป็นยา Ciprofloxacin และ Bactrim
      - หากพบว่าเชื้ออมีบาเป็นสาเหตุ ยาปฏิชีวนะ ที่ใช้ได้ผลคือ Metronidazole ซึ่งจะต้องใช้ระยะยาว
        อย่างน้อย 10 วัน
      - เชื้ออื่นๆ
        
        เช่น E. Coli ยาปฏิชีวนะ Ciprofloxacin ใช้ได้ผลเช่นกันแต่บางตำราไม่แนะนำ ให้รักษาด้วยยาปฏิชีวนะเพราะจะทำ ให้เกิดโรคแทรกซ้อน เช่น เม็ดเลือดแดงแตกหรือภาวะไตวายได
- - - - ปวดหัว หรือปวดกล้ามเนื้อร่วมกับอาการอื่น ๆ
      - เหนื่อยล้า อ่อนแรง
      - รู้สึกป่วย เป็นไข้ต่ำ ๆ
      - ปวดเกร็งท้อง และมีเสียงโกรกกราก
      - ไม่อยากอาหาร
      - คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาเจียนพุ่งอย่างรุนแรง
      - ท้องเสีย
  - - - ตรวจอุจจาระ ( Stool exam)
      - ความสดดุลของElectrolyteส่งตรวจเพื่อดูความสมดุลของสารน้ำและอิเล็กโทรไลต์ใน
        ร่างกายและเพื่อประเมินภาวะขาดน้ำได้ด้วย
      - เพาะเชื้อแบคทีเรียจากอุจจาระ (Stool Culture) เพื่อตรวจหาเชื้อที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหาร
- - - - อาจมีปวดท้องหรือ คลื่นไส้อาเจียนได้
      - มีอาการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ วันละหลายครั้ง แต่จำนวนอุจจาระไม่เกินวันละ 1 ลิตร ในผู้ใหญ่
    - - มีท้องเดิน มีเนื้ออุจจาระมาก ต่อมามีลักษณะเป็นน้ำซาวข้าวมีกลิ่นเหม็นคาว ถ่ายอุจจาระได้โดยไม่มีอาการปวดท้อง
      - มีอาเจียนโดยไม่คลื่นไส้
      - อุจจาระออกมากถึง 1 ลิตร ต่อชั่วโมง และจะหยุดเองใน 1 - 6 วัน
  - - - หาเชื้อแบคทีเรียวิบริโอ โคเลอรีในอุจจาระของผู้ป่วย โดยจะส่องหาเชื้อผ่านกล้องจุลทรรศน์ เชื้อแบคทีเรียจะมีรูปร่างคล้ายเครื่องหมายจุลภาค
    - - การสังเคราะห์ชิ้นส่วนดีเอ็นเอในหลอดทดลอง ซึ่งถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อนำมาตรวจเชื้ออหิวาต์
    - - เหมาะกับผู้ที่ม่สามารถเข้ารับการวินิจฉัยด้วยวิธีตรวจตัวอย่างอุจจาระได้การตรวจด้วยแถบวัดนี้อาจไม่แม่นยำเสียทีเดียว วิธีวินิจฉัยที่เที่ยงตรงที่สุดคือการตรวจตัวอย่างอุจจาระผู้ป่วย ซึ่งทำการตรวจในห้องทดลองด้วยผู้เชี่ยวชาญ
- - - - การตรวจอุจจาระโดยการส่องกล้องจุลทรรศน์เพื่อตรวจเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง หนอนพยาธิและโปรโตซัวต่าง ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของท้องร่วง เช่น Giardia lamblia, Entamoeba histolytica เป็นต้น
    - - อาจช่วยในการวินิจฉัยการติดเชื้อแบคทีเรีย Campylobacter jejuni โดยการย้อมสีแกรมจะพบแบคทีเรียแกรมลบรูปร่างเหมือนปีกนกนางนวล (gull wing) หรือรูปโค้งเหมือนตัวอักษร “C” มีความไวและความจำเพาะ
    - - การเพาะเชื้อในอุจจาระจากผู้ป่วยที่มีอาการท้องร่วง เฉียบพลันมีโอกาสได้ผลบวก คือ พบเชื้อแบคทีเรียได้น้อย จึงไม่จำเป็นต้องส่งเพาะเชื้อในผู้ป่วยทุกราย การตรวจอาจได้ประโยชน์ในกรณีที่มีอาการบ่งชี้การติดเชื้อ แบคทีเรียชนิดรุกล้ำ ได้แก่ การถ่ายอุจจาระมีมูกเลือด ร่วมกับมีอาการปวดท้องหรือไข้สูง
    - - ส่งตรวจเพื่อดูความสมดุลของสารน้ำและอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายและเพื่อประเมินภาวะขาดน้ำ
  - - - การรักษาตามอาการ (Supportive treatment)
        
        ได้แก่ การแก้ไขภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ คือ การให้น้ำเกลือในรูปแบบของการดื่ม (ORS) หรือ การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำหากมีการสูญเสียสารน้ำในปริมาณที่มาก, การให้ยาลดอาการท้องเสีย ในผู้ป่วยบางราย, การให้ยาลดอาการปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนหรือยาลดไข้ เป็นต้น
      - ขึ้นอยู่กับเชื้อที่ตรวจเจอและให้ในผู้ป่วยบางกลุ่มเท่านั้น เช่น หากตรวจเจอเชื้อแบคทีเรีย จะให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อแบคทีเรีย หากเจอพยาธิ ให้ยาฆ่าพยาธิ เป็นต้น