Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยทมี่ีปัญหาของ ระบบทางเดินปัสสาวะ ระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง …
การพยาบาลผู้ป่วยทมี่ีปัญหาของ ระบบทางเดินปัสสาวะ ระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง
ไตบาดเจ็บเฉียบพลัน
สาเหตุ
ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงไตหรือการก าซาบของเนื้อเยื่อไต (renal perfusion) ลดลง
ความดันต่ า (hypotension)
ปริมาณสารน้ าในร่างกายน้อยกว่าปกติ (hypovolemia)
Prerenal acute renal failure ได้จะท าให้ไตกลับมาทา หน้าทไี่ดด้ังเดมิ อย่างรวดเร็ว แต่ถา้ปลอ่ยทิ้งไว ้ จะท า ให้เซลลแ์ละหลอดฝอยของไตตาย
ภาวะหวัใจวายเลือดคั่ง (congestive heart failure) และโรคตบัแขง็ (cirrhosis)
สารพษิและยาที่มีผลตอ่ไต (nephrotoxins)
พยาธสิภาพ
ไตมีเลือดไปเลี้ยงน้อยลงจนมีการกระตุ้นระบบ Angiotensin ท าให้มีการหลั่งแอลโดสเตอโรน (Aldersterone) ซึ่งเพิ่มการดูดกลับของน้ าที่หลอดไตส่วนปลายมากขึ้น ร่วมกับมีการ หลั่ง ADH
ระยะเรมิ่แรก (initial phase) ระบบประสาท ซิมพาธิติค และมีการหลั่งสารที่ท าให้หลอดเลือดทั่วร่างกายหดตัว ซึ่งมีผลต่อการปรับระดับการไหลเวียนของเลือด ความดันโลหิต เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงที่อวัยวะส าคัญ ท าให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง (ischemia) ระยะนี้ อาจจะอยปู่ระมาณ 2 – 3 ชม.ถงึ 2 วัน
ระยะที่มกีารทา ลายของเนอื้ไต (maintainance) ไตเสียหนา้ที่ในการขบัของเสียและรักษาสมดลุน้ า อิเลคโตรลยัท์ ความ เป็นกรด – ด่าง ตรวจพบอตัราการกรองของไตลดลงเหลือ 5 – 10 มล. / นาที ปัสสาวะจะออกน้อยมาก หรอืนอ้ยกว่า 400 มล.ต่อวัน ค่า BUN, creatinin สูงกว่าปกติ ภาวะแทรกซอ้นของระยะนคี้อืภาวะของเสียคั่งในเลือด (uremia)
ระยะที่มีปัสสาวะออกมาก (Diuretic phase)
ระยะที่ไตเริ่มฟนื้ตัว (recovery phase) ค่า BUN, creatinin จะคอ่ย ๆ ลดลงสรู่ะดับปกติ
ผลกระทบของไตบาดเจ็บเฉยีบพลัน
ท าใหก้ารขบั Na ,K กรดและนา้ ลดลง
ภาวะแทรกซอ้นทางสมอง (ซึม ชัก) เนื่องจาก ภาวะยูรีเมีย (uremia)
แต่ถา้ระดับสงูขนึ้ จะมกีารเปลี่ยนแปลงของ EKG เช่น peak T wave, PR prolong, ผู้ป่วยอาจมีหัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง การหายใจล้มเหลว (ค่า K ปกติ 3.5-5.1. mmol/L )
ภาวะติดเชื้อง่าย เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ า
การปอ้งกนัภาวะไตบาดเจ็บเฉยีบพลัน
การใหส้ารนา้ เพื่อแก้ไขภาวะ pre-renal ช่วยให้ ไตฟื้นสู่สภาพ ปกติ
การใชย้าป้องกนั โดยใช้ยากลุ่มที่ใช้เพื่อเพิ่ม RBF กลุ่มยาที่ใช้เพื่อลดภาวะ inflammation
การประเมินหาปัจจยัเสยี่งของผู้ป่วย
การรักษาผปู้ว่ยที่มภีาวะไตบาดเจบ็เฉยีบพลนัจากสาเหตุ ก่อนไต ต้องพยายามเพมิ่ การก าซาบที่ไต (renal perfusion) เพื่อให้ร่างกายรักษาระดับความดัน
การรกัษาภาวะไตบาดเจ็บเฉยีบพลัน
การรักษาแบบประคับประคอง (Conservative treatment) สารน้ าและสารอเิลคโตรลยัท์ (Fluid and Elyte) เพื่อป้องกันภาวะขาดสารน้ าและ Na ดังนั้น ปริมาณสารน้ าที่ให้เท่ากับปริมาณของปัสสาวะรวมกับ ปริมาณของน้ าที่เสียไปโดยไม่รู้สึกตัว
ให้ 10% แคลเซยีมกลโูคเนต หรือ 10% แคลเซยีม คลอไรด์ 10 มิลลลิิตรเขา้ทางหลอดเลือดด าอยา่งชา้ ๆ ในเวลา 5 นาที การรกัษาด้วยวธิีนจี้ะไดผ้ล ภายใน 5 – 15 นาที
การรกัษาผู้ป่วยที่มีภาวะไตบาดเจ็บเฉยีบพลนั จากสาเหตุที่ไต ต้องแก้ไข ภาวะยูรีเมียก่อน โดยการท าไดอะลัยสิสก่อน แล้วจึง แก้ไขหรือรักษาภาวะการอุดตัน
ให้โซเดียมไบคาร์บอเนต 50 มิลลลิติร เข้าทางหลอด เลือดด าอยา่งช้า ๆ และ ให้กลูโคส 30 กรัมเขา้ทางหลอดเลอืดด า แลว้ ตามด้วยเรกลูา่อนิสลุนิ วิธีนไี้ด้ผลภายใน 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง
ภาวะฟอสเฟตสงู (Hyperphosphatemia) อาจใหย้าพวก Phosphate – binding antacid (Aluminum hydroxide) ซึ่งจะเป็น ตัวที่ช่วยขบัฟอสเฟตออกทางอจุจาระ
อาหาร (Diet) ผู้ป่วยในภาวะนจี้า เปน็ต้องได้รับพลงังานจากอาหารจา นวนปกติ ต้องจ ากดัอาหาร พวกโปรตีน
ไตเรื้อรัง (chronic kidney disease)
ไตมีความผิดปกติ มีการสูญเสียหน่วยไต (nephron) ไป มากกว่าครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่ตามปกติในการขจัดของเสีย ผลการตรวจเลือดพบ ครีเอตินนิ (creatinin) มากกวา่ 3 มก./ดล. เป็นเวลานานกวา่ 3 เดือน
ตรวจพบความผดิปกติทางโครงสร้างหรือพยาธสิภาพจากผลการเจาะเนอื้เยอื่ไต
ผู้ป่วยที่มี GFR น้อยกวา่ 60 มล./นาที/1.73 ตารางเมตร ติดต่อกนั เกิน 3 เดือน
สำเหตุของไตเรื้อรัง
กรวยไตอกัเสบเรื้อรงั
โรคหลอดเลอืด ได้แก่ หลอดเลือดแดงที่ไตตีบ
กลุ่มอาการเนฟโฟตคิกลายเป็นหลอดเลอืดฝอยไตอกัเสบเรอื้รงั
มีความผิดปกติของไตแตก่า เนิด
การอดุกนั้ทางเดนิปัสสาวะ เช่น นิ่วในไต
โรคที่มผีลทั่วระบบ (systemic disease) เช่น เอส.แอล.อี (SLE) โกลเมอรลูัสเสอื่มจากโรคเบาหวาน
พยาธิสรีรวิทยาของไตเรอื้รัง
อาการและอาการแสดงของไตเรื้อรงั จะปรากฎเมื่อหน้าที่ของไตเสียไป มากกวา่ร้อยกวา่ 75 – 80
4 ระยะ
ไตเสื่อมสมรรถภาพ (renal insufficiency)
ไตวาย (renal failure)
การท างานของไตลดลง (Early stage or diminished renal reserve)
ไตวายระยะสุดทา้ยหรอืยรูเีมีย (uremia) มีภาวะไม่สมดลุของน้ า E’lyte และกรด - ด่างมากขนึ้
อาการและอาการแสดง
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
นอนไม่หลับหรือหลับแล้วฝันร้ายบ่อยๆ
อาการอื่นที่อาจพบร่วม คือ ซึม ลง มึนงง
•เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน
น้ าหนักลด ชาตามปลายมือปลายเท้า คันตามตัว
มีการบวมของใบหนา้ ท้องและหลงัเท้า
โรคไตระยะสุดทา้ย End State Renal Disease (ESRD )
ลักษณะทางคลนิิก CKD
ความผิดปกตใินภาวะสมดลุของสารเคมี อิเลคโตรลยัต์ และสารน้ า ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการเสื่อมหน้าทขี่องไต
ความเปลยี่นแปลงในการทา หน้าทขี่องอวยัวะตา่ง ๆ ของร่างกาย
ผลกระทบของภาวะไตเรอื้รงัระยะสุดท้าย
ระบบหวัใจและหลอดเลือด มี ภาวะแทรกซอ้นที่ส าคัญความดันโลหติสงู พบมากว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยที่มีภาวะไตเรื้อรัง
ภาวะหวัใจลม้เหลว พบบอ่ยมาก สาเหตุจาก ความดันโลหติสงูภาวะนา้ และโซเดียมในรา่งกายสงูมาก เกินไป ภาวะโลหติจาง อาจพบไดใ้นผู้ป่วยที่รกัษาด้วยเครื่องไตเทียม
ภาวะเยอื่หมุ้หวัใจอกัเสบ พบบ่อยร้อยละ 30–50 มักพบร่วมกับภาวะมีน้ าในช่องเยื่อหมุ้หวัใจมีหรือไม่ มีอาการหรือมเีพียงเจ็บหน้าอก
ระบบทางเดินหายใจ ที่พบบอ่ยคอื น้ า ท่วมปอด ปอดอกัเสบ
ระบบประสาท ระบบประสาทสว่นกลาง อาการ restless leg syndrome
ระบบทางเดนิอาหาร ภาวะยูรีเมียกระทบต่อ ทางเดินอาหารทุกส่วน
ภาวะโลหิตจาง เป็นภาวะที่ท าให้โรคไตรุนแรงขึ้น พบว่า ระดับ Hb ต่ ากว่า 6 gm% อาจเกดิจากสาเหตุมกีารสรา้งฮอรโ์มน
มีผลใหฟ้อสเฟตคงั่ค้างในเลอืดมาก ร่วมกับ ระดับแคลเซยีมสงูขนึ้รวมตวักนัเป็นแคลเซยีม ฟอสเฟต
ตา มักพบตามสีีแดง (red eye syndrome) เนื่องจาก แคลเซยีมไปเกาะเยอื่บตุา
หลักการการรักษา
การรกัษาเฉพาะเจาะจงตามชนดิของโรคไตเรอื้รงั เช่น คุมระดับ น้ าตาลใน เลือดในกรณีเป็นเบาหวาน
ชะลอการเสอื่มของไต
ประเมนิและรกัษาโรคหรอืภาวะอยา่งอนื่ที่พบรว่มด้วย
ป้องกนัและรกัษาโรคหัวใจและหลอดเลอืด
ป้องกนัและรกัษาผลแทรกซอ้นทเี่กดิขึ้นเนอื่งจากการทา งานของไตลด ลง
.เตรยีมผู้ปว่ยสา หรบักรณไีตวายเรอื้รงั รวมถงึเตรียมการรกัษาทดแทน ไต
การรักษาไตเรื้อรัง
จะเน้นเรื่องการรกัษาแบบประคบัประคอง (conservative treatment) ซึ่งเป็นการรักษาด้วยอาหาร น้ า และยา
อาหาร (diet intervention) ความจ าเป็นที่ต้องควบคุม อาหารและจ ากัดสารอาหาร
การรกัษาแบบประคบัประคอง
ขณะฟอกเลอืด
่ร่างกายจะสญูเสยีสารอาหารโปรตนี ดังนั้น ผู้ป่วยควรเลือกรับโปรตีนให้ เพียงพอโดยกินไข่ขาววันละ 2 ฟอง และกินเนื้อสัตว์ไขมันต่ า
หลีกเลี่ยงเนอื้สัตวแ์ปรรปู เช่น ไส้กรอก กุนเชียง หมูยอ หมูหยอง แหนม ลูกชิ้น
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารกระป๋อง ของหมกัดอง อาหารทะเล อาหารถกูปรงุแต่ง
การจา กดัน้ า (fluid restriction) จะจ ากัดน้ าเมื่อไตไม่ สามารถขับปัสสาวะได้ ฉะนั้นในผู้ป่วยที่ไม่มีปัสสาวะ
ยา (Medication therapy) ยาที่ใชบ้อ่ย คือ ยาขับปสัสาวะ ยาลด ความดันโลหติ ยาระบาย ยาแกอ้าเจยีน
การบา บดัทดแทนไต (renal replacement therapy; RRT)
การล้างไตทางหน้าท้อง (peritoneal dialysis)
การผ่าตัดปลูกถ่ายไต (kidney transplantation)
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis)
ข้อห้ามในการท าการล้างไตทางชอ่งท้อง
ผู้ป่วยที่มี Ileostomy, Nephrostomy,Ileal conduit
ผู้ป่วยที่มภีาวะปวดเรอื้รัง Degenerative disc disease
มีภาวะที่ขดัขวางการไหลของน้ ายาลา้งไต
มีการติดเชื้อที่ผวิหนงัทางหนา้ท้องทางชอ่งท้อง
น้ าหนกัตัวในผู้ป่วยที่มีนา้ หนกัตัวมากกวา่ 100 กิโลกรมั
ผู้ป่วยมีความผิดปกตขิองล าไส้
ภาวะแทรกซอ้นจากการทา การลา้งไต
ปวดท้องในชว่งที่นา้ ยาไหลออก เกิดจากสายอุดตัน
มีการรวั่ของนา้ ยาบรเิวณปากแผล (leakage)
ปวดท้องช่วงที่ปลอ่ยนา้ ยาเขา้ เกิดจาก น้ ายาล้างไตมีอุณหภูมิต่ า ปล่อยเร็ว เกินไป
น้ ายาล้างไตมีเลือดปน เกิดจากผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกง่าย หรือช่องท้อง มีพังผืดมาก
แรงดนัในชอ่งท้องสงู แก้ไขโดยการจัดท่าศีรษะสูง
ภาวะแทรกซ้อนอนื่ๆ e,lyte imbalance น้ าเกนิ ความดันต่ า สูญเสยีโปรตีนทางนา้ ยาล้างไต
การขจัดของเสียออกทางเยื่อบุช่องท้อง CAPD
การล้างไตวิธีหนึ่ง ที่อาศัยผนังเยื่อบุ ช่องท้อง (peritoneum) ท าหน้าที่คล้ายเมมเบรนของตัวกรองฟอกเลือด แยกระหว่างส่วนของเลือด (blood compartment) กับส่วนของน้ ายาไต
การล้างไตวิธีหนึ่ง ที่อาศัยผนังเยื่อบุ ช่องท้อง (peritoneum) ท าหน้าที่มีการเปลี่ยนน้ ายาล้างไตวันละ 4 วงจร ( 4 ครั้ง/วัน )
โดยตั้งแต่ปล่อยน้ ายาใหม่เข้าช่องท้อง ทิ้งค้างไว้นาน 4-6 ชม. เมื่อครบเวลาก็ปล่อยน้ ายาออก นับเป็น 1 วงจร
การพยาบาลผู้ป่วยทำ continuous ambulatory peritoneal dialysis (CAPD)
ท่อล้างไต (Catheter)
เป็นท่อซลิิโคน
ใช้เปน็ชอ่งทางส าหรบัการผ่านเขา้ - ออกของน้ ายาพดีี มีรูเปิดเล็ก ๆ จ านวนมากรอบปลายทอ่ฝง่ัที่อยู่ภายใตช้อ่งทอ้ง
มีปลอกหุ้มเป็นปุยสขีาว (คัฟฟ์) จ านวน 2 ปลอก
การฝังท่อลา้งไต
การฝังท่อโดยไม่ตอ้งผ่าตัดเปิดผนังชอ่งท้อง ท า การฝังโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโรคไต
การฝังท่อโดยการผ่าตดั (Surgical) เป็น การฝังท่อในห้องผ่าตัดผู้ป่วยจำเป็นต้องนอนพักใน โรงพยาบาล
การดแูลสาย (Tenckhoff)
หลังจากใส่สาย CAPD ควรปิดแผลด้วยก๊อสแห้งหลายชั้น และไม่ต้องเปลี่ยนถ้าไม่มี เลือดซึมหรือน้ ายารั่ว
ไม่ต้องเปลี่ยนแผลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ยกเว้นมีเลือดซึม ปวดแผลมากขึ้น
เปลี่ยนแผลโดยวิธีปราศจากเชื้อ ใช้ก๊อสแห้งธรรมดาปิด ไม่ควรทาน้ ายา โพวิดีน (povidine) ที่แผลช่องทางออกของสาย
ยึดตรึงสายด้วยเทปไว้กับส่วนของร่างกาย เช่น ที่ปุ่มกระดูกเชิงกราน (iliact crest)
ห้ามอาบน้ าเพื่อไม่ใหแ้ผลถกูน้ าจนกว่าแผลจะหายดี ใช้เวลา 2 – 3 สัปดาห์
หลีกเลี่ยงการยกของหนักขึ้นบันได เบ่งถ่ายอุจจาระ เพราะเสี่ยงต่อ การเกิดไส้เลื่อนให้รับประทานผักและผลไม้
การพยาบาลกอ่นท า CAPD
สังเกตลักษณะของน้ ายาไดอะลัยส์ที่ออกจากช่องที่ออกจากช่องท้องผู้ป่วยทุก ครั้งว่า ** มีเลือดปน มีเยื่อวุ้น (fibrin) ปนมากับน้ ายาหรือไม่ ถ้ามี ลักษณะดังกล่าว ให้ซักถามอาการปวดท้อง ตรวจดูลักษณะแผล การกดเจ็บ
ทวารหลอดเลอืดชนิดชวั่คราว (temporary vascular access)
ใช้ในระยะเวลา ≤ 1-3 สัปดาห์ ส าหรับผู้ปว่ย ARF ใส่ได้ ทันทีเมื่อตอ้งการ ในต าแหน่ง internal jugular vein ,femoral vein
ทวารหลอดเลอืดชนิดถาวร (permanent vascular access)
Arteriovenous fistula, AV fistula, AVF
แพทยจ์ะต่อเสน้เลือดดา เขา้กบัเสน้เลือดแดงโดยตรงทบี่รเิวณขอ้มอืหรอื ข้อศอก จะท าใหแ้รงดนัเลือดจากเสน้เลือดแดงไหลเทเขา้เส้นเลือดด า
การผ่าตัดต่อเสน้เลือดเทียม (arteriovenous graft, AVG) คือ การผ่าตัดใช้เสน้เลือดเทียมเชอื่มต่อระหวา่งเส้นเลอืดแดงกบัเสน้เลือดดา บรเิวณ แขน
ค าแนะน าในการดูแล AVF และ AVG
สังเกตอาการผิดปกติหลังการผ่าตัด ได้แก่ ติดเชื้อ ตีบตัน เลือดออก
โดยปกติจะนัดตัดไหม 10 – 14 วัน
ระวังไม่ให้แผลเปียกน้ ายกแขนสูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อลดอาการบวม
แนะน า Fistula hand-arm exercise ( hand grip exercise )
อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่องในระยะ 2–3 เดือนแรก ก่อนการแทงเข็ม
ระวังไม่ให้แขนข้างที่ต่อเส้นเลือดกระแทก ถูกของมีคม
การพยาบาลกอ่นท า Hemodyalysis
ดูแลการใช้ยาลดการแข็งตัวของเลือด
ประเมินทางด้านจิตสังคม และปัญหาทางระบบประสาท
ประเมินความสมดุลของน้ าและสารอิเลคโตรลัยส์
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
วัดสัญญาณชีพ
ภาวะแทรกซอ้นทพี่บขณะฟอกเลือดด้วยเครอื่งไตเทียม ในหอผู้ปว่ยวกิฤต
Hypoxemia
Bleeding
Hypotension
Electrolyte disturbance and cardiac arrhythmias
Disequilibrium syndrome
การบา บดัทดแทนไตแบบตอ่เนื่อง (continuous renal replacement therapy: CRRT)
ประโยชนข์องการท า CRRT
มีการขจดันา้ และของเสียออกจากผู้ป่วยอยา่งชา้ๆและต่อเนอื่ง าให้ปริมาณนา้ เกลือแร ่และภาวะกรดดา่งไมเ่ปลยี่นแปลง ขึ้นลง เหมือนกับการท า intermittent hemodialysis
การท า CRRT ขจัดของเสียได้ช้ากว่า intermittent hemodialysis เนื่องจากมีการขจัดของเสียอย่างต่อเนื่อง
ขจัดของเสียที่มีโมเลกุลกลางและใหญ่ๆได้ จึงเหมาะกับผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อ
ปรับอัตราการขจัดน้ าออกจากตัวผู้ป่วยได้เหมาะสมตลอดเวลา
ขจัดน้ าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท าให้ไม่มีข้อจ ากัดในการให้สารน้ า
หลักการทา งานของ CRRT ในการจัดการของเสีย
การแพรผ่่าน(Diffusion) คือวิธีการที่ CRRT ใช้ในการขจัดของเสียที่มี โมเลกุลขนาดเล็กในระหว่างการฟอกเลือด
การพา (Convection) หรือบางครั้งเรียกว่า solvent drag ใช้ในการขจัดของเสียทั้งที่มี โมเลกุลขนาดเล็กและใหญ่ โดยอาศัยความแตกต่าง ของความดันระหว่างเลือดและสารน้ าทดแทน
การกรองแบบ Ultrafiltration • อาศัยความดันของน้ าเลือดที่สูงกว่า (positive pressure)ในการผลักดันให้ของเหลวในน้ าเลือด เคลื่อนผ่านแผ่นกรองไปยังสารน้ าทดแทน
การดูดซบั (Adsorption) อาจท าให้เกิดข้อจ ากัดในการขจัดของ เสียบางชนิดออกจากเลือด ชนิดของ แผ่นกรองมีผลต่อแนวโน้ม
การพยาบาลผู้ปว่ยทา CRRT
ระยะกอ่นการรกัษา
การเตรียมพร้อมด้านร่างกาย
การเตรียมอุปกรณ์เพื่อการรักษา
การเตรียมพร้อมด้านจิตใจ
ระยะใหก้ารรกัษา
ประเมินอาการแพ้ตัวกรอง อาการหน้า มืด ใจสั่น ปวดหลัง ชาตามปลายมือปลาย เท้า
Lab สังเกต อาการ E,lyte imbalance
ป้องกันการเลื่อนหลุดของวงจร
ระยะสนิ้สดุการรกัษา
เป็นการดูแลสายสวนหลอดเลือดให้สามารถใช้งานได้ในครั้งต่อไป ดูแลเหมือนกับ Hemodialysis
ภาวะแทรกซอ้นทพี่บไดบ้อ่ยจากการทา CRRT
Disconnection
Air embolism
Thrombosis และ Thromboembosis
ภาวะติดเชื้อ
Bleeding
การผ่าตัดปลกูถา่ยไต (Renal transplantation)
การพยาบาลกอ่นทำ
เตรียมผู้ป่วย โดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผ่าตัดปลูกถ่าย ไต ข้อดี - ข้อเสียในการรักษา
เตรยีมผู้ปว่ยผ่าตัด พยาบาลต้อง ประเมินสภาพจิตใจของผู้ป่วย ,เจาะเลือดดูกลไกการท างานของตับ กลไกการหยุดเลือด ,การท าหน้าที่ของหัวใจ
การพยาบาลขณะทำ
ขณะเข้าห้องผ่าตัด ผู้ป่วยอาจวิตกกังวล กลัว แปลกสถานที่และบุคคล พยาบาลควรอยู่ใกล ้ๆ กับผู้ป่วย พูดคุยเพื่อลดความกลัว
การพยาบาลหลงัผา่ตดั
สังเกตอาการและอาการเปลี่ยนแปลง วัดสัญญาณชีพ ,ดูแลการได้รับสารน้ าและอิเลคโตรลัยส์ ,ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ,กระตุ้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวมีกิจกรรมในระยะแรกหลังผ่าตัด
เมื่อผู้ป่วยจะกลบับา้น
ความรู้เรื่องยา การจ ากัดอาหารและกิจกรรม สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะสลัดไต สังเกตภาวะติดเชื้อ
AKI on top CKD
ไตเสื่อมเฉียบพลัน ในคนที่มีไตวาย เรื้อรังระยะต้นอยู่แล้ว ส่งผลท าให้ไตวายมากขึ้น
โรคของระบบอวัยวะสืบพันธ์เพศชาย
ต่อมลูกหมากโต
สาเหต ุ ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าอะไรเป็นต้นเหตุ เพียงแต่ เข้าใจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่สมดุลระหว่างฮอร์โมนแอน โดรเจน กับเอสโตรเจนในผู้สูงอายุ
อาการและอาการแสดง
• ผู้ป่วยจะปสัสาวะบ่อย • จะมีอาการถา่ยปสัสาวะขดั • สายปัสสาวะอ่อนลง ปัสสาวะไม่พงุ่ • การตดิเชอื้จะเกดิรว่มด้วยเสมอ
การตรวจวนิิจฉ
1.การตรวจทางทวารหนกั 2.การตรวจด้วยเครื่องมือส่องดูภายใน ได้แก่ panendoscope 3. การตรวจทางรงัส ีเช่น plain KUB IVP 4. ตรวจเลอืดหาคา่ BUN, Cr เพื่อดูการท างานของไตซึ่งเป็นผลมาจาก การอุดกั้น 5. การตรวจหาสาร PSA
การรกัษา
• ควรงดดื่มของเหลวหรอืแอลกอฮอล์ • แพทยอ์าจะสงั่ยาบางชนดิให้ •รักษาดว้ยความรอ้น
รักษาดว้ยการผ่าตดัดว้ยการส่องกล้อง เพื่อตดัเอาชนิ้เนื้อส่วนที่ เกินออกมาจากตอ่มลูกหมาก (TURP) ส่งท่อทมี่ี กล้องขนาดเล็กผ่านเขา้สู่ทอ่ปสัสาวะ ตรงปลายท่อจะมีเครอื่งมือ ผ่าตัดขนาดเล็กใชส้า หรับตดัเนื้อเยอื่ตอ่มลกูหมาก
transurethral resection of the prostate (TURP)
มะเร็งตอ่มลุกหมาก prostate cancer
สาเหตุและปัจจยัเสยี่ง
ประวัติครอบครัว พบว่าชายที่มีพ่อหรือพี่น้องเป็นมะเร็งตอ่มลูกหมากจะมี โอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากสูงกว่าคนทั่วไป
เชื้อชาติ พบไม่บ่อยในชาวเอเชียแต่พบบอ่ยในอเมริกา
อายุ มะเร็งต่อมลูกหมากพบในผู้ป่วยอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
อาหาร พบว่าผู้ที่บริโภคมันจากสัตว์มากมีโอกาสเป็น มะเร็งต่อมลูกหมากส่วนผู้ที่บริโภคผักและผลไม้จะลด
บุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
อาการของมะเร็งต่อมลูกหมาก
ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะเวลากลางคืน เวลาเริ่มปสัสาวะจะล าบาก ปัสสาวะไมพุ่ง อ่อนเพลีย ผอมลง น้ าหนักลด
การรกัษา
radical perineal prostatectomy
transurethral resection of the prostate (TURP)
radical retropubic prostatectomy
Hormonal therapy
Radiation therapy
cryotherapy
Chemotherapy
ผลข้างเคยีงของการรกัษา
การผ่าตัด จะท าให้เจ็บปวดในระยะแรก และผู้ป่วยต้องคาสายสวน ปัสสาวะ10 วัน-3 สัปดาห์ การผ่าตัดอาจจะท าให้กลั้นปัสสาวะและอุจาระ ไม่ได้
การฉายรงัสี จะท าให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียการผักผ่อนเป็นเรื่องที่ส าคัญ แต่ก็ควรออกก าลังเท่าที่จะท าได้การฉายรังสีอาจจะท าให้ผมร่วง
การใหฮ้อรโ์มน จะท าให้ผู้ป่วยเกิดอาการเหมือนชายวัยทองคือมีอาการกาม ตายด้านร้อนตามตัว
กิจกรรมการพยาบาล
สอนให้ผู้ป่วยให้สังเกตภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการ รักษาด้วยวิธีการต่างๆที่จะเกิดขึ้น
ส่งเสริมความรู้ในเรื่องผลกระทบของการรักษาด้วยวิธีการต่างๆที่อาจมี ผลต่อการมีเพศสัมพนัธ
แนะน าผู้ป่วยเมื่อต้องเผชิญกับความปวดจากผลการรักษาด้วยวิธีต่างๆให้ บอกกับบุคลากรทีมสุขภาพ เพื่อได้รับการบรรเทาความปวด
อธิบายให้ผู้ป่วยและครอบครัวทราบเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงของระบบ สืบพันธ์ที่เกิดขึ้น
เพิ่มเติมความรู้ในเรื่องการเตรียมตัวก่อนและหลังผ่าตัด
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก