Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 13 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของ ระบบทางเดินปัสสาวะ…
บทที่ 13 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของ
ระบบทางเดินปัสสาวะ ระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง
Anatomyของไต
Renal pelvis:กรวยไต
Kidney:ไต
Ureter:ท่อไต
Urinary Bladder:
กระเพาะปัสสาวะ
Urethra:ท่อปัสสาวะ
หน้าที่ของไต
ขับของเสียออกจากร่างกาย (BUN,Cr,Uric acid)
ปรับความสมดุลของน้ า เกลือแร่ ความเป็นกรดด่าง
ควบคุมความดันโลหิต (Na,H2O)
ขับสารต่างๆ (ยาที่รับประทานเข้าไป สารเคมี )
สร้างฮอร์โมน
13.1 Uro : Infection
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะUrinary Tract Infection (UTI)
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะแบบซับซ้อน (complicated UTI)
การติดเชื้อในผู้ป่วยที่อ่อนแอ หรือ มีโครงสร้างและหน้าที่ของระบบทางเดินปัสสาวะผิดปกตได้แก่ผู้ชาย เด็ก สตรีตั้งครรภ์ มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะส่วนบน มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ า ได้รับการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลหรือหลังรักษาด้วยยาแล้วยังคงมีอาการตลอดผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ มีการติดเชื้อจากโรงพยาบาล
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะแบบไม่ซับซ้อน
(uncomplicated UTI)
การติดเชื้อในผู้ป่วยที่มีสุขภาพ
แข็งแรงโดยมีหน้าที่หรือโครงสร้างของระบบทางเดินปัสสาวะ
ปกติ
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract
Infection: UTI)
เกิดการอักเสบของระบบ
ทางเดินปัสสาวะอันมีสาเหตุจากการติดเชื้อ หมายรวมถึงการติดเชื้อตั้งแต่ท่อปัสสาวะไปจนถึงไต
การติดเชื้อที่ไต กระเพาะปัสสาวะ หรือท่อปัสสาวะและ
สามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นได้
อุบัติการณ์และระบาดวิทยา
ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบพบบ่อยมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเนื่องจากท่อปัสสาวะผู้หญิง
สั้นกว่าผู้ชาย
ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและผู้ป่วยที่เคยมี
การอักเสบสามารถเกิดการติดเชื้อได้อีก
พยาธิสรีรวิทยา
เมื่อมีการติดเชื้อขึ้นในระบบทางเดินปัสสาวะ เชื้อจะเข้าไปในบริเวณท่อไตซึ่งจะกระตุ้นท่อ
ไตให้บีบตัว เชื้อบางชนิด
1.การติดเชื้อย้อนกลับขึ้นไปจากท่อปัสสาวะ (ascending infection)
2.เชื้อโรคกระจายตัวมาทางกระแสเลือด (hematogenous route)
3.เชื้อโรคกระจายมาทางกระแสน้ าเหลือง (lymphatic route)
อาการและอาการแสดงของ UTI
ขึ้นกับตำแหน่งของการติดเชื้อเป็นสำคัญ
แบ่งอาการออกตามตำแหน่งที่มีการติดเชื้อเป็น upper และ lower
tract UTI
Upper UTI
มีอาการเจ็บชายโครงร่วมกับมีไข้หรือไม่ก็ได
ในกลุ่มอาการรุนแรงอาจมีอาการ sepsis จนกระทั่งถึงช็อกได้
อาจพบเชื้อหลายชนิด ในผู้ป่วยที่มี ileal conduit, neurogenic bladder หรือ vesicocolic fistula, chronic renal abscess
หรือใส่สายสวนปัสสาวะคานานๆ
Lower UTI
•ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะบ่อย แสบขัด หรือมีปัสสาวะเป็นเลือด
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ จะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ถ้าได้รับการรักษา
ทันทีและเหมาะสมแต่ถ้ารักษาล่าช้าจะมีความรุนแรงของโรคมากขึ้น เช่น
การติดเชื้อใหม่
ปัจจัยเสี่ยงที่ท าให้เกิด UTI มากยิ่งขึ้น
1.นิ่วหรือการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
2.Vesico-ureteral reflux (VUR)
Incomplete emptying of bladder
เบาหวาน
พฤติกรรม
อายุ
Catheterization
การสูบบุหร
การตรวจวินิจฉัยโรค
1.การซักประวัต
3.การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ (urine analysis)
2.การตรวจร่างกาย
4.การตรวจทางรังสี
แนวทางการรักษาการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
การให้ยาปฏิชีวนะโดยชนิด ขนาดยา และระยะเวลาที่ใช้ยาขึ้นอยู่กับ
ความรุนแรงของอาการ
•ยาแก้ปวด ยาลดไข้
ยาบรรเทาอาการอาการคลื่นไส้อาเจียน
การให้สารน้ าอย่างเพียงพอ
การตรวจติดตามผลการตรวจปัสสาวะซ้ าเพื่อประเมินว่ายาที่ไห้ได้ผลหรือไม
การติดเชื้อซ้ า (recurrent UTI)
Reinfection
Relapse
การพยาบาล
1.บรรเทาความเจ็บปวดและดูแลความไม่สุขสบายของผู้ป่วย
ดูแลให้ผู้ป่วยได้ดื่มน้ าและรับประทานอาหารพอเพียง
ป้องกันและประเมินภาวะช็อกจากการติดเชื้อ
ติดตามประเมินผลการรักษาและหน้าที่ของไต
ดูแลทางด้านจิตใจ
คำแนะนำที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อซ้ า
ให้ดื่มน้ ามากๆ
•ปัสสาวะทุก 2-3 ชั่วโมง ปัสสาวะก่อนนอนและหลังมีเพศสัมพันธ
หลีกเลี่ยงการใช้ diaphragm
หลีกเลี่ยงยาฆ่าเชื้ออสุจิ
หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอ้อม
หลีกเลี่ยงการใช้ bubble bath หรือสารเคมีที่ใช้เติมลงในอ่างอาบน้ า
ในกรณีที่ติดเชื้อบ่อยกว่า 2 ครั้งภายใน 6 เดือน หรือ มากกว่า 3 ครั้ง ภายใน12เดือนอาจพิจารณาให้ยาป้องกันการติดเชื้อระยะยาว
cystitis
การติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะcystitis
แบคทีเรีย แกรมลบ Neisseria gonorrhea
จากเชื้อรา (Fungal)
คือ การอักเสบของผนังกระเพาะปัสสาวะ (inflammatory)มักมีสาเหตุจากการติดเชื้อที่เกิดขึ้นบริเวณผนังของกระเพาะปัสสาวะ
เชื้อ แบคทีเรีย E. Coli ร้อยละ 80
แบคทีเรีย แกรมลบ Staphylococi
แบคทีเรีย แกรมลบ Tricomonas vaginaris
สาเหตุกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis)
การมีก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
การคาสายสวนปัสสาวะ
กายวิภาคของท่อทางเดินปัสสาวะของเพศหญิงที่ท าให้มีอัตราการติดเชื้อที่สูงกว่าเพศชาย
การมีเพศสัมพันธุ์ ซึ่งเป็นถ่ายทอดเชื้อโรคสู่เพศ
ตรงข้าม (exposure)
การฉายรังสี (radiation)
พยาธิสรีรวิทยากระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis)
เมื่อมีการติดเชื้อเกิดขึ้น จะมีการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะชั้นmucosa และ submucosa เท่านั้น
เนื้อเยื่อจะบวมแดงทั่วไปหรือเป็นหย่อมๆบางแห่งอาจมเลือดออก เนื่องจากการฉีกขาดของเนื้อเยื่อที่ขยายตัวมากขึ้น เมื่อมีการบวม และมีการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะส่วนล่างร่วมด้วย
หากไม่ได้รับการรักษาจะกลายเป็นการอักเสบเรื้อรัง มีการลุกลามไปกล้ามเนื้อรอบๆ กระเพาะปัสสาวะอักเสบด้านนอก มีพังผืดเกิดขึ้น ทำให้กระเพาะปัสสาวะหดเล็กลง ความจุของกระเพาะปัสสาวะจะลดลงด้วย
ภาวะแทรกซ้อนกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ต่อมลูกหมากอักเสบ
กรวยไตอักเสบ
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
อาการและอาการแสดง
เจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะ(burning)
ปัสสาวะบ่อยและบางครั้งกลั้นปัสสาวะไม่ได้
อยากถ่ายปัสสาวะบ่อย (urgency)
ปวดบริเวณหัวเหน่า
ปัสสาวะขุ่น หรือสีโคล่าหรือสีแดงซึ่งเป็นสีของการมี R.B.C., W.B.C. หรือทั้ง 2 อย่างรวมกัน
มีอาการไข้สูง อ่อนล้า
ไม่สุขสบายบริเวณช่องท้อง, เชิงกราน
มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
อาจส่งผลให้มีการอักเสบของกรวยไตด้วย
การประเมินภาวะสุขภาพ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ (cystitis)
การซักประวัต
การตรวจร่างกาย
การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
การพยาบาล
ให้ความรู้ในเรื่องการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการ
ติดเชื้อ
ให้ยาแก้ปวด (analgesic)
หลีกเลี่ยงการสวนปัสสาวะ
ดูแลให้ได้รับสารน้ าอย่างเพียงพอ ให้ดื่มน้ ามากๆ
บันทึกจำนวนสารที่เข้าและออก
แนะนำให้ผู้ป่วย สวมเสื้อผ้า
สนับสนุนให้ผู้ป่วยรับประทานผลไม้หรือน้ าผลไม้ที่ช่วยเพิ่มความเป็นกรดให้กับปัสสาวะ เช่น องุ่น,
ส้ม, แอบเปิ้ล มะเขือเทศ
งดเว้นเครื่องดื่มที่มี caffeine , แอลกอฮอล์
การประคบด้วยความร้อนบริเวณล าตัวด้านบน
หลัง
พยายามถ่ายปัสสาวะบ่อยๆ ไม่กลั้นปัสสาวะ
ในรายที่มีไข้ ดูแลให้ยาลดไข้ เช็ดตัวลดไข้และประเมินสัญญาณชีพอย่างต่อเนื่อง
ขณะมีประจ าเดือนต้องดูแลเรื่องความสะอาด
เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ
ท าความสะอาดอวัยวะสืบพันธ์ให้ถูกวิธี
โดยเฉพาะเพศหญิง เช็ดจากบนลงล่าง
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
มาพบแพทย์ตามนัด
13.1 Uro : Non infection
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ
การอุดกั้นของระบบทางเดินปัสสาวะ
การขัดขวางการไหลของปัสสาวะ อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่บริเวณไต ท่อไต
กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ ปัสสาวะที่ขังอยู่ท าให้มีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่การท างานของไต
ชนิดของการอุดกั้น
แบ่งตามลักษณะการอุดกั้น
1.1 Partial obstruction
1.2 Complete obstruction
จำแนกตามต าแหน่งที่เกิด
2.1 การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
ส่วนบน
2.2 การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
ส่วนล่าง
พยาธิสรีรวิทยาของการอุดกั้นในระบบทางเดินปัสสาวะ
การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเหนือต าแหน่ง
ที่อุดกั้น
เมื่อมีน้ าปัสสาวะขัง จะมีแรงดันเพิ่มขึ้น
เหนือต าแหน่งที่มีการอุดกั้น
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจะมีทั้งทางด้านรูปร่างและหน้าที่
การอุดกั้นในระยะแรก
กล้ามเนื้อจะบีบตัวแรงขึ้น
เพื่อผลักดันให้ปัสสาวะไหลผ่านได้ตามปกติ
กล้ามเนื้อจะโตและหนาขึ้นระยะนี้เป็นการ
ท างานทดแทน โดยไม่เสียหน้าที่เรียกว่า
Compensatory hypertrophy
ถ้าการทางานทดแทนเสียไป กล้ามเนื้อจะอ่อนแอ โป่งพองและบางลง เรียกว่า Decompensatory
การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นจะเกิดขึ้นได้มากน้อยขึ้นกับว่า การอุดกั้นเกิดขึ้น
มาก
ถ้าไตข้างหนึ่งเสียหน้าที่ ไตข้างที่เหลือจะท าหน้าที่ทดแทนจนเท่ากับการ
ทำงานของไต 2 ข้าง
หลักการรักษา
แก้ไขปัญหาปัสสาวะคั่งเฉียบพลัน
ระบายน้ำปัสสาวะเหนือตำแหน่งที่มีการอุดกั้น
ขจัดการติดเชื้อ
นิ่วระบบทางเดินปัสสาวะ
การรวมตัวจับเป็นก้อนผลึกของสารที่ละลายอยู่ในน้ าปัสสาวะกับสาร
คอลลอยด์
สาเหตุของการเกิดนิ่ว
1.สาเหตุความผิดปกติที่เกี่ยวกับภายในตัวผู้ป่วยเอง
1.1 พันธุกรรม
1.2 อายุและเพศ
1.3 ความผิดปกติในการทำงานของต่อมพาราไทรอยด์
1.4 มีการตีบแคบของระบบทางเดินปัสสาวะ
1.5 ความเข้มข้นของน้ าปัสสาวะ
1.6 ความเป็นกรด - ด่างของน้ าปัสสาวะ
1.7 การอักเสบติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
1.8 สิ่งแปลกปลอมที่หลุดเข้าไปในทางเดินปัสสาวะ
1.9 ยาบางอย่าง
2.สาเหตุที่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของผู้ป่วย
2.1 สภาพภูมิศาสตร
2.2 สภาพอากาศและฤดูกาล
2.3 ปริมาณน้ าดื่ม
2.4 สภาพโภชนาการ
2.5 อาชีพ
สาเหตุเกี่ยวกับลักษณะของน้ าปัสสาวะ
ชนิดของนิ่ว
1) แคลเซียมออกซาเลท
2) แคลเซียมฟอสเฟต
3) แมกนีเซียม แอมโมเนียมฟอสเฟต
พยาธิสรีรวิทยาของการเกิดนิ่ว
•การทำหน้าที่ของไตลดลง
•การระคายเคืองเฉพาะท
การติดเชื้อที่เกิดขึ้นร่วมกับนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
นิ่วในไต (renal calculi, RC)
นิ่วในไต
(renal calculi, RC)
• มักพบในผู้ใหญ่
นิ่วที่เกิดขึ้นนั้นหากยังมีขนาดเล็ก ประมาณ 4 – 5 มม.จะเคลื่อนที่ตามแรงบีบตัวไล่ปัสสาวะจากไตผ่านท่อไต และลงสู่กระเพาะปัสสาวะได้
• ถ้านิ่วก้อนใหญ่หรือเป็นแบบชนิดกิ่ง
(staghorn calculus)
จะไม่มีการเคลื่อนท
นิ่วชนิดนี้จะไม่เกิดการอุดตันในทันที
ไม่มีอาการเลย
อาการและอาการแสดง
อาการปวดมากจนดิ้น (colicky pain)
ปวดที่สีข้างหรือด้านหลังอาจปวดร้าวลงมาที่อวัยวะสืบพันธุ์หรือหน้าขา
ปัสสาวะเป็นเลือด
การตรวจร่างกายมักจะกดเจ็บบริเวณไตข้างนั้น
ในรายที่เป็นเรื้อรัง มักมีไตบวมน้ า (hydronephrosis)
ก็อาจคล าพบก้อนได้
นิ่วในหลอดไต (ureteric calculi, UC)
ต าแหน่งที่เกิดการอุดกั้น ที่ส าคัญ 3 ต าแหน่ง คือ
ตรงรอยต่อของกรวยไตกับท่อไต (ureteropelvic junction)
บริเวณที่ท่อไตพาดผ่านเส้นเลือดไอลิแอค (pelvic brim)
รูเปิดของท่อไตเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ
(ureterovesical junction)
นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (vesical calculi, VC)
อาการและอาการแสดงนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
ผู้ป่วยมีอาการถ่ายปัสสาวะลำบาก
ปวดเอวหรือปวดหลัง ปวดท้อง
บางรายมีอาการปัสสาวะหยุดไหลอย่างกระทันหันขณะที่
กำลังถ่าย
พบปัสสาวะสีเหลืองเข้มปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขุ่น มีแบคทีเรีย หนองและตกตะกอนแขวนลอย (Crystals)
Pyuria
Hematuria
การตรวจวินิจฉัย
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจเลือดมี 2 วิธ
ตรวจพบระดับแมกนีเซียมฟอสเฟต
ตรวจหาพาราไทรอยด์ฮอร์โมน
KUB (Kidney, Ureters, Bladder)
• IVP (Intraveneous pyelography)
การรักษา
การผ่าตัด
การเจาะผ่านผิวหนังเข้าสู่ไตเปิดแผลเล็ก ๆ บริเวณสีข้าง ใส่ท่อเล็ก
ๆ ที่ติดกล้องส่องผ่านเข้าไปเพื่อขบนิ่วให้แตก
การสลายนิ่ว อาศัยคลื่นเสียงความถี่สูงวิ่งผ่านน้ า เล็งเข้าที่นิ่วคลื่นจะกระทบนิ่วแตกละเอียด และเศษนิ่วหลุดออกมาทางปัสสาวะ
ก้อนนิ่วถูกท าให้แตกเป็นเศษเล็ก ๆ โดยการใช้เลเซอร์ (laser
therapy)
หลักการดูแลผู้ป่วยให้ปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อน
หลังการรักษานิ่วโดยการผ่าตัด
ภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด ที่อาจพบได้บ่อย
การตกเลือด
การอุดกั้นทางเดินปัสสาวะจากเศษนิ่ว
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
มีรูทะลุเข้าไปในทางเดินปัสสาวะ
มีการฉีกขาดหรืออักเสบของทางเดินปัสสาวะ
หลักการดูแลที่สำคัญ ดังนี้
การเตรียมผู้ป่วยทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
2.อธิบายและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษา pre-post op
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการระบายปัสสาวะทางสายยางต่าง ๆ
ดูแลและป้องกันภาวะตกเลือดหลังผ่าตัด
บันทึกจ านวนสารน้ าที่ได้รับและที่ขับออกจากร่างกายในแต่ละวัน
การดูแลเกี่ยวกับบาดแผล
การลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัดและอาการปวดจากการมีปัสสาวะคั่งค้าง
รายงานแพทย์ถ้ามีเลือดออกมาก
การกระตุ้นให้ผู้ป่วยฟื้นฟูสภาพโดยเร็ว
กระตุ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ ามาก ๆ
หลักการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการสลายนิ่ว (ESWL)
ประโยชน์ของเครื่องสลายนิ่ว
ใช้สลายนิ่วขนาดไม่เกิน 2 เซนติเมตร
สามารถก าจัดนิ่วในไต โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีรอยแผลเป็น
ผู้ป่วยจะไม่เจ็บปวดเหมือนการผ่าตัดทั่วไป
ข้อห้ามในการสลายนิ่ว
. ผู้ป่วยที่ก าลังตั้งครรภ
ผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดแดงในช่องท้องโป่งพอง
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ
. งดน้ า งดอาหาร กาแฟ ชา ช็อคโกแลต น้ าอัดลม บุหรี่และเครื่องดื่มคาเฟอีนก่อนเข้ารับการตรวจอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
คัดกรองคนไข้โดยแพทย์
อาการภายหลังท าการสลายนิ่ว
อาการปวด
สลายนิ่วแล้วนิ่วที่แตกเป็นก้อนเล็กๆ จะออกมาปนกับน ้าปัสสาวะซึ่งอาจมีเลือดปนออกมาด้วย ปัสสาวะจะเป็นลักษณะนี้อยู่ประมาณ 2-3 วัน หลังทำ
บางรายอาจมีคลื่นไส้ อาเจียน
4.อาการไข้
การรักษาด้านอายุรศาสตร์
เป็นวิธีที่ใช้ในระยะเฝ้ารอเพื่อให้ก้อนนิ่วหลุดออกมาเองในกรณีที่
ก้อนนิ่วมีขนาดเล็ก
บรรเทาอาการปวด
กระตุ้นให้ดื่มน้ าให้เพียงพอประมาณ 3,000 ซีซีต่อวัน
งดอาหารที่ส่งเสริมให้เกิดนิ่ว
แนะน าถึงวิธีการใช้ยาบางประเภท
อธิบายให้ผู้ป่วยเห็นความจ าเป็นที่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ
แนะน าผู้ป่วยให้มีการออกก าลังกายตามควาเหมาะสม
เมื่อกลับไปอยู่บ้านแนะน าผู้ป่วยไม่ควรท างานหนักหรือยกของหนัก
อย่างน้อย 6 สัปดาห
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงความจ าเป็นที่ต้องสังเกตอาการผิดปกติที่ต้อง
มาพบแพทย์ก่อนวันนัด
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder cancer)
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder cancer)
โรคที่
เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในกระเพาะปัสสาวะที่มีการเจริญเติบโต แบ่งตัวเพื่อเพิ่มจ านวนเซลล์อย่างรวดเร็วและมาก
ผิดปกติจนกลายเป็นก้อนเนื้องอกขึ้นมา
หากตรวจพบโรคได้เร็วก็จะมีโอกาสหายได้
แม้จะตรวจพบได้ในระยะแรกและรักษาหายแล้ว แต่มะเร็งชนิด
นี้ก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ าได้สูง (Recurrence)
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเกิดจากความผิดปกติของเซลล์บุกระเพาะ
ปัสสาวะ ซึ่งแบ่งได้เป็น 3ชนิดตามชนิดของเซลล์
Squamous Cell Carcinoma (SCC)
Adenocarcinoma
Transitional Cell Cancer (TCC)
สาเหตุ
ชายผิวขาวสูงอายุ, ติดเชื้อพยาธิบางชนิด
ปัจจัยเสี่ยง
การสูบบุหรี่, เป็นนิ่วเรื้อรัง, สัมผัสสารเคมี
นานๆ, กินเนื้อปิ้งย่าง อาหารไขมันสูง
อาการและอาการแสดง
ในระยะแรก
ในระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง อาการที่พบได้ในผู้ป่วย
ปัสสาวะเป็นเลือด
บางครั้งอาจมีอาการคล้ายกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ในระยะลุกลาม
มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง
าจคล าได้ก้อนที่บริเวณหัวหน่าว
มีอาการแสดงของภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ภาวะซีด,
ปวดหลัง
คล าต่อมน้ าเหลืองได้ที่ขาหนีบหรือเหนือไหปลาร้า เมื่อ
โรคแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ าเหลือง
การตรวจวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis)
การตรวจเลือดซีบีซี (CBC)
การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
การตรวจไตและทางเดินปัสสาวะโดยการฉีดสี (Intravenous pyelogram – IVP)
การตรวจหาเซลล์มะเร็งในน้ าปัสสาวะ (Urine cytology)
การรักษาโดยการผ่าตัด
การผ่าตัดโดยการส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะเพื่อตัดชิ้นเนื้องอกของ
กระเพาะปัสสาวะออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ
การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออกบางส่วน (Partial
cystectomy หรือ Segmental cystectomy)
การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออกทั้งหมด (Radical cystectomy)
การผ่าตัดท าทางเดินปัสสาวะใหม่ (Urinary diversion)
•Ileal conduit
Indiana pouch
• Neobladder
การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดเปลี่ยนช่องทางขับถ่ายปัสสาวะ (Lewis et al., 2011;
Cleveland Clinic, 2009)
การสังเกตสีและลักษณะของน้ำปัสสาวะ
การรับประทานอาหารและน้ำ
การดูแลผู้ป่วยผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะใหม่โดยวิธี
neobladder
การดูแลผู้ป่วยที่มีสโตมาเปิดทางหน้าท้องประเมิน
ต าแหน่งและลักษณะของสโตมา
การดูแลผิวหนังรอบๆ สโตมา ผิวหนังรอบส
โตมา
5.1 เลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมในการรองรับน ้าปัสสาวะที่
ออกจากสโตมา
5.2 ลอกถุงรองรับปัสสาวะเดิมออกทิ้งด้วยความนุ่มนวล
5.3 ทาผิวหนังรอบๆ สโตมาบริเวณที่แป้นจะติดครอบ
5.4 เมื่อพร้อมที่จะครอบถุงหรือแป้น
5.5 ล้างถุงรองรับน ้าปัสสาวะเดิมเพื่อเตรียมไว้ใช้ในครั้งต่อไป ด้วยน ้าสบู่อุ่นๆ แล้วแช่ในน ้าส้มสายชูกลั่น
การดูแลด้านจิตใจ
การท ากิจกรรมและการออกกำลังกาย
การทำงาน
การเดินทางไกล
การสวมใส่เสื้อผ้า
การมีเพศสัมพันธ์
การสังเกตอาการผิดปกติที่ควรมาพบแพทย
การรักษาโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
รังสีรักษา
เคมีบำบัด
การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะตามระยะของโรค
ระยะที่ 0-1 การรักษาอาจทำโดย
•การผ่าตัดโดยการส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะ (Transurethral resection) และใช้ยาเคมีบ าบัดใส่เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ
ระยะที่ 2-3 การรักษาอาจท าโดย
การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออกทั้งหมด
•การให้ยาเคมีบ าบัดหลายชนิดร่วมกัน
การฉายรังสีรักษาจากภายนอกเพียงอย่างเดียว
การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออกบางส่วน
•การผ่าตัดโดยการส่องกล้องผ่านทางท่อปัสสาวะ
ระยะที่ 4 ถ้ามะเร็งยังไม่แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
การให้ยาเคมีบ าบัดเป็นหลัก
การฉายรังสีรักษาจากภายนอกเพียงอย่างเดียวหรือร่วมกับการให้ยาเคมี
บ าบัด
•การผ่าตัดท าทางเดินปัสสาวะใหม่ (Urinary diversion)
การพยาบาลก่อนผ่าตัด
การดูแลทางจิตใจ
การเตรียมความสะอาดของลำไส
3.การเตรียมผิวหนังส าหรับทำผ่าตัด
13.2 Nephro: Infection
กรวยไตอักเสบ (pyelonephritis : PLN)
เป็นการอักเสบของกรวยไตอาจเกิดหนองเป็นหย่อม ๆ บริเวณเนื้อไต หลอดไต
พยาธิสรีรวิทยากรวยไตอักเสบ
เมื่อมีการอักเสบไตจะขยายใหญ่ขึ้นมี
การติดเชื้ออย่างรุนแรงเป็นหย่อมๆ
กรวยไตจะบวมและมีลักษณะแดงจัด
ะมีลักษณะขรุขระจากการเกิดแผลเป็นและมีผังผืด (fibrosis)
ภาวะแทรกซ้อน
ความดันโลหิตสูง
ภาวะยูรีเมีย (Uremia)
อาการและอาการแสดง
ระคายเคืองของกระเพาะปัสสาวะ
ปวดบริเวณไตทั้งสองข้าง
อาจมีไข้ต่ า ๆ เป็น ๆ หาย ๆ
เมื่อเป็นนานๆ พบมี ความดันโลหิตสูง
• ไตฝ่อลีบ
การรักษา Acute pyelonephritis
การให้ยาปฏิชีวนะ
หากการท าลายเนื้อไต (renal parenchyma) มีความ
ผิดปกติมาก
การพยาบาล
ประเมินสัญญาณชีพ
ผู้ป่วยมักมีไข้สูง
ให้ค าแนะน าในการดูแลสุขภาพของตนเอง
การนวดหลัง ลำตัว
ดื่มน้ าให้มากอย่างน้อยวันละประมาณ 3000 ml/day
ติดตามผลตรวจทางห้องปฎิบัติการ
การนอนหลับ
ไตอักเสบเฉียบพลัน
(Acute GlomeruloNephritis)
สาเหตุ
โรคนี้มักเกิดตามหลังการติดเชื้อแบคทีเรีย กลุ่ม Betastreptococcus group A
อาการและอาการแสดง
1.ปัสสาวะเป็นเลือด
ความดันโลหิตสูง
3.อาการบวม
4.ปัสสาวะน้อย
5.เลือดผิดปกติ มียูเรีย ไนโตรเจนในเลือดสูง และ
โปรตีนในเลือด
6.อาการไข้สูง หัวใจโต น้ าในช่องเยื่อหุ้มปอด
สิ่งตรวจพบ
อาการแทรกซ้อน
อาจมีความดันโลหิตสูงมาก ๆ
ภาวะปอดบวมนำ
อาการหอบเหนื่อยและเกิดภาวะหัวใจวาย
อาจทำให้เกิดภาวะไตวาย
ยาบรรเทาอาการปวด, แสบขัด
ให้ยาลดเกร็งการหดตัวของกระเพาะปัสสาวะ Antipasmodic drugs เช่น Urispas