Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Case Study เตียง 19
(Pneumonia with UTI)
DE4081F3-5C0C-434F-B185…
Case Study เตียง 19
(Pneumonia with UTI)
ข้อมูลพื้นฐาน
ผู้ป่วยชายไทย อายุ 88 ปี ตึก มภร.10/1 เตียง 19
เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ
อาชีพ : ข้าราชการบำนาญ รายได้ : 12,000 บาท
ระดับการศึกษา : ปริญญาตรี
วันที่รับไว้ในโรงพยาบาล 5 กุมภาพันธ์ 2564
วันที่รับไว้ในความดูแลของนักศึกษา 8 กุมภาพันธ์ 2564
วันที่พ้นความดูแลของนักศึกษา 11 กุมภาพันธ์ 2564
การวินิจฉัยโรคครั้งแรก : Pneumonia (ปอดอักเสบ)
การวินิจฉัยโรคครั้งสุดท้าย : Pneumonia with UTI (ปอดอักเสบ และติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ)
พยาธิสภาพของโรค
Pneumonia (ปอดอักเสบ)
ข้อมูลผู้ป่วย
ผู้ป่วยเป็นโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง COPD
ผู้ป่วยสูบบุหรี่มาเป็นเวลาประมาณ 65 ปี
ผู้ป่วยมีอาการไอแห้งๆตลอดเวลา
มีเสมหะสีขาวจำนวนมาก
หายใจหอบเหนื่อย
ทฤษฎี
ปอดอักเสบ ( Pneumonia)
เป็นการอักเสบของถุงลมปอดและเนื้อเยื่อโดยรอบ ทำให้เนื้อปอดแข็งและมีหนองหรือสารคัดหลั่งในถุงลมปอด มักพบในคนที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ที่สูบบุหรี่
พยาธิสรีรวิทยา แบ่งเป็น 3 ระยะ
-ระยะปอดคั่ง (stageofcongestive) เมื่อมีเชื้อโรคเข้าปอดและมีการแบ่งตัวเกิดการอักเสบ ร่างกายมีกลไกป้องกันตัวตอบสนองต่อการอักเสบมีเลือดมาคั่งบริเวณที่อักเสบหลอดเลือดขยายมีเชื้อโรค WBC ไฟบริน RBC ออกมาจับกินสิ่งแปลกปลอมระยะนี้ใช้เวลา 24-48 ชั่วโมงหลังจากเชื้อโรคเข้าปอด
-ระยะปอดแข็ง (stageofconsolidation) หากอักเสบรุนแรงเชื้อโรคจะลุกลามไปยังเนื้อปอดเม็ดเลือดขาวจะมีจำนวนมากขึ้นเพื่อจับกินเชื้อโรคมีสารคัดหลั่งคล้ายหนอง(exudate) เซลล์โพลีมอร์โฟและไฟบริน ทำให้หลอดเลือดฝอยที่ผนังถุงลมหดตัวการแลกเปลี่ยนก๊าซไม่เพียงพอเกิดการอุดตั้นทางเดินหายใจ ทำให้ความดันในถุงลมลดลงเลือดไปเลี้ยงร่างกายขาด O2 ระยะนี้ใช้เวลา 3-5 วัน
-ระยะปอดฟื้นตัว (stage of resolution) หากร่างกายสามารถต่อต้านเชื้อโรคที่เข้าสู่ปอดได้โดย WBC สามารถจับกินสิ่งแปลกปลอมได้หมด ร่างกายหลั่งเอนไซม์มาละลายไฟบริน WBc และหนองออกมาเป็นเสมหะ การอักเสบจะหายไปเกิดพังผืดแทน ระยะฟื้นตัวในผู้ใหญ่ 2 สัปดาห์
อาการและอาการแสดง
-ไอมีเสมหะ
-หายใจเร็ว หายใจหอบ หายใจลำบาก
-มีไข้ เหงื่อออก หนาวสั่น
-คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย
-อ่อนเพลีย
-ผู้สูงอายุ อาจมีมีอาการซึม ความรู้สึกสับสน
-เด็กเล็ก อาจมีอาการท้องอืด อาเจียน ซึม ไม่ดูดนมหรือน้ำ
การวินิจฉัยโรค
-ตรวจนับเม็ดเลือดขาวในเลือด เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
-การตรวจวัดออกซิเจนในเลือด เพื่อดูประสิทธิภาพของปอดในการลำเลียงออกซิเจน
-ตรวจและเพาะเชื้อจากเสมหะและเลือด เพื่อดูชนิดของเชื้อและสาเหตุของโรค
-เอ็กซเรย์ภาพทรวงอก
-การทดสอบทูเบอร์คูลิน
การรักษา
-การให้ยาปฏิชีวนะ โดยจะใช้ยาปฏิชีวนะตามเขื้อที่เป็นสาเหตุของโรค
-การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ เช่น การขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ
-การรักษาภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายจากปอดเข้าสู่กระแสเลือด
การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ(Urinary tract infection)
ทฤษฎี
การติดเชื้อทางเดินปัสสาะ (UTI)
การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มักมีสาเหตุมาจากแบคทีเรีย เกิดได้ทุกส่วนของทางเดินปัสสาวะ ในสภาพปกติ ureterovesical junction จะปิดเมื่อมีการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ เพื่อป้องกันการไหลย้อนกลับของปัสสาวะไปสู่ท่อไตและไต แต่ UTI จะพบการติดเชื้อแบคทีเรียย้อนกลับเข้าสู่ท่อปัสสาวะและกระทะปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ(Cystitis)
-พยาธิสรีรวิทยา เชื้อที่ทำให้เกิด cystitisพบบ่อยคือเชื้อ E.coli ผู้ชายมีการติดเชื้อได้น้อยกว่าผู้หญิง เนื่องจากมีท่อปัสสาวะที่ยาวกว่าและมีสารคัดหลังจากต่อมลูกหมากช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ในผู้หญิงมีท่อปัสสาวะใกล้กับทวารหนักทำให้ติดเชื้อง่าย ปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายคือความแข็งแรงของร่างกายในการป้องกันเชื้อโรคไม่ให้ลุกลามและความรุนแรงของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายลักษณะปัสสาวะมีความสำคัญต่อการติดเชื้อ ปัสสาวะที่สามารถยับยั้งเชื้อโรคได้ควรมีค่าpH น้อยกว่า6 มียูเรียและ glycoprotein สูง
-อาการและอาการแสดง ปัสสาวะบ่อย ปวดขณะปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่น มีเลือด ปวดหัวเหน่า ปวดหลัง
-การวินิจฉัยและการรักษา สามารถวินิจฉัยได้เมื่อเพาะเชื้อจากปัสสาวะ เป็นโรคที่กลับเป็นซ้ำได้ จึงต้องให้ยาปฏิชีวนะนาน 7 วัน
กรวยไตอักเสบเฉียบพลัน (Acute pyelonephritis)
-พยาธิสรีรวิทยา ทำให้เกิดการอุดตัน ปัสสาวะคั่ง ไตอักเสบ ไตบวมและปัสสาวะเป็นหนอง การเกิดการอักเสบในชั้น medulla ไป cortex ทำให้มีผลกระทบต่อหลอดไต แต่ไม่ทำเกิดไตล้มเหลว
-อาการและอาการแสดง มีไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส หนาวสั่น ปวดสีข้างอย่างเฉียบพลัน โดยจะปวดข้างใดข้างหนึ่งอาจจะปวดร้าวมาถึงขาหนีบ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน อาจปัสสาวะบ่อย ปวดเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่นหรือเป็นหนอง
-การรักษา ให้ยาปฏิชีวนะโดยการฉีดเข้าหลอดเลือดและให้นานกว่า เพื่อป้องกันการ
กลับเป็นซ้ำ
กรวยไตอักเสบเรื้อรัง (Chronic pyelonephritis)
-พยาธิสรีรวิทยา พบการอุดตันของทางเดินปัสสาวะอย่างเรื้อรัง ทำให้แบคทีเรียที่มีอยู่ตามปกติไม่สามารถระบายออกมาในปัสสาวะ เป็นผลให้มีการอักเสบมากจนเกิดพังผืด บริเวณกรวยไต calyces จะขยายตัวและมีการทำลายของหลอดไต มีผลต่อหน้าที่ของไตโดยไม่สามารถทำปัสสาวะเข้มข้นได้ พบปัสสาวะเจือจางและเกิดโรคไตเรื้อรัง
-อาการและอาการแสดง มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดบั้นเอว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื้อยกล้ามเนื้อ ถ้าเคาะ costovertebral angle จะรู้สึกเจ็บ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะลำบาก ปวดลำตัว เมื่อมีอาการมากขึ้น จะเกิดการขาดน้ำจากปัสสาวะมากขึ้น เกิดโรคไตเรื้อรัง
-การวินิจฉัยและการรักษา วินิจฉัยโรคได้จากการตรวจปัสสาวะ การทำ IVP อัลตราซาวด์ ให้ยาปฏิชีวนะเป็นระยะเวลานาน
นิ่วในไต (Renal stone)
-พยาธิสรีรวิทยา ก้อนนิ่วเล็กๆที่เกิดขึ้นในไตอาจหลุดผ่านท่อไตและท่อปัสสาวะออกมาได้ โดยไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของไต แต่ถ้าก้อนอุดกั้นทางเดินปัสสาวะตรงส่วนใดส่วนหนึ่ง อวัยวะที่อยู่เหนือขึ้นไปจะเกิดการคั่งของน้ำปัสสาวะทำให้เกิดการอักเสบและการติดเชื้อ นอกจากนี้การที่มีนิ่วอุดกั้นทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดการอักเสบ เป็นแผล และมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ ก้อนนิ่วที่โตขึ้นเรื่อยๆจะเบียดเนื้อไตจนไม่มีเซลล์เนื้อไตที่จะทำงานกลั่นกรองและขับปัสสาวะได้
-อาการและอาการแสดง มีไข้ ปวดบั้นเอว ปัสสาวะขุ่นหรือมีเม็ดทราย อาจมีภาวะของกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง คือ ถ่ายปัสสาวะบ่อย ปวดแสบขณะถ่ายปัสสาวะ อาจมีการถ่ายปัสสาวะปนเลือด มีอาการปวดบีบรัดที่ไต (renal colic) คือ ปวดอย่างรุนแรงทันทีทันใดที่ตำแหน่งใต้ชายโครงด้านหลังเหนือบั้นเอว และอาจปวดร้าวไปตามแนวของไต อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด
-การรักษา การบำบัดรักษามีหลายวิธีดังนี้ คือ
รักษาแบบประคับประคอง ให้ดื่มน้ำมากๆ ให้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ จำกัดอาหารที่มียูริกสูง
การผ่าตัด ในบางรายที่มีอาการปวดบีบรัดที่รุนแรง เมื่อมีก้อนนิ่วมาอุดที่กรวยไต ท่อไต ถ้าใช้ยาระงับปวดไม่ได้ผล
ใช้ยาละลายนิ่ว ใช้น้ำยากรดอ่อนๆที่มีกรดซีตริคผสมอยู่ละลายนิ่วเป็นฟอสเฟต ไม่ค่อยนิยม
การสลายนิ่ว เป็นการทำให้นิ่วแตกโดยใช้พลังงานจากภายนอกร่างกาย นิ่วที่แตกเป็นผงจะขับออกมากับปัสสาวะ
ข้อมูลผู้ป่วย
ผู้ป่วยมีประวัติต่อมลูกหมากโต
ผู้ป่วยมีนิ่วในไตทั้ง 2 ข้าง
ปัสสาวะมีกลิ่นฉุน มีตะกอนในปัสสาวะ และมีเลือดออกที่ปลาย penis
urine culture พบเชื้อ Gram negative bacilli
ผู้ป่วยนอนหมักปัสสาวะ อุจจาระอยู่บ่อยๆ
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
-
-
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลข้อที่ 4 : เสี่ยงต่อการเกิดภาวะพร่องสารอาหาร เนื่อจากไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้ (on Gastrostomy)
ข้อมูลสนับสนุน
: ผู้ป่วยใส่สายให้อาหารทางหน้าท้อง (PEG) ประมาณ 2 ปี
: ผู้ป่วยน้ำหนักลดลงจากเมื่อก่อน
: ผู้ป่วยมีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้
วัตถุประสงค์
: เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เกณ์การประเมิน
: ผู้ป่วยได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ
กิจกรรมการพยาบาล
1.ประเมินภาวะพร่องโภชนาการและความรุนแรงของการพร่องโภชนาการ ได้แก่ อ่อนเพลีย ผิม ซีด น้ำหนักลด
2.ประเมินภาวะขาดน้ำ (dehydration) ได้แก่ การตึงตัวของผิวหนังลดลงริมฝีปากแห้ง กระหายน้ำ การเปลี่ยนแปลงการรับรู้
3.ดูแลให้ได้รับสารอาหาร สารน้ำ รวมถึงยาบรรเทาอาการอาเจียน ท้องเสียตามแผนการรักษาของแพทย์
4.ติดตามอาการและอาการแสดงของการพร่องสมดุลของสารน้ำและอิเล็คโตรไลต์ และรายงานแพทย์เพื่อช่วยเหลืออย่างเหมาะสม
ประเมินผล
: ผู้ป่วยไม่มีอาการแดงของภาวะพร่องโภชนาการ
-
-
-
-
-
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
-
-
-
การประเมินสภาพร่างกาย
อุณิหภูมิ 36.7 องศาเซลเซียส
อัตราการหายใจ 22 ครั้งต่อนาที
อัตราการเต้นของชีพจร 84 ครั้งต่อนาที
ความดันโลหิต 108/79 มิลลิเมตรปรอท
Oxygen saturation 96%
Neuro signs : E4M6V4
-
-
ยาและสารน้ำที่ได้รับ
Sodium Bicarbonate
ข้อบ่งใช้ : รักษา Hyperacidity ภาวะท้องเสียอย่างรุนแรงซึ่งทำให้สูญเสีย Bicarbonate รักษาภาวะเฉียบพลันของ Metabolic acidosis เนื่องจากภาวะช็อก
การออกฤทธิ์ : ระยะสั้น สามารถลดกรดในกระเพาะอาหารได้อย่างรวดเร็ว โดยช่วยเปลี่ยนเป็นโซเดียมคลอไรด์ โซเดียมคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ส่วนที่เหลือจะถูกขับออกทางปัสสาวะ ยานี้ไม่เหมาะสมสำหรับการรักษาแผลในกระเพาะอาหาร เพราะการออกฤทธิ์ระยะสั้นมีปริมาณของโซเดียมสูง และทำให้ท้องอืด
ผลข้างเคียง : มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เกิดภาวะ Metabolic alkalosis ความไม่สมดุลของเกลือแร่
Doxofylline
ข้อบ่งใช้ : ยาขยายหลอดลม รักษาหอบหืด หลอดลมอุดกั้น
การออกฤทธิ์ : เสริมฤทธิ์ corticosteroid ชนิดสูดในการช่วยลดการอักเสบ
ผลข้างเคียง : นอนไม่หลับ ใจสั่น ผื่นขึ้น หายใจไม่ออก บวมตามอวัยวะต่างๆ
Rivaroxaban
ข้อบ่งใช้ : ต้านการแข็งตัวของเลือดและป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
การออกฤทธิ์ : ยับยั้ง factorXa อย่างจำเพาะเจาะจงในการกระตุ้น prothrombin เปลี่ยนไปเป็น thrombin แล้วกระตุ้นให้ fibrinogen เปลี่ยนไปเป็น fibrin ซึ่งทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด
ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ปวดท้อง วิงเวียนศีรษะ ผื่นคัน ลมพิษ ปวกแขนขา
Vortioxetine
ข้อบ่งใช้ : รักษาอาการซึมเศร้า
การออกฤทธิ์ : ทำงานโดยการปรับสมดุลของสารบางชนิดในสมอง เช่น ซีโรโทนิน (serotonin) ยานี้อาจปรับปรุงด้านการนอนหลับที่ผิดปกติ ความอยากอาหาร ฟื้นฟูระดับพลังงานของร่างกาย
ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก
Carbocisteine
ข้อบ่งใช้ : ยาละลายเสมหะ ลดความเหนียวข้นของเสมหะ ให้เสมหะถูกขับออกโดยการไอได้ดีขึ้น
การออกฤทธิ์ : เป็นmucoregulatorช่วยละลายเสมหะและปรับความเข้มของเสมหะให้เหมาะสมใช้บำบัดทั้งภาวะเสมหะเหนียวข้นหรือเสมหะมาก
ผลข้างเคียง : คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ผื่นขึ้นบวมตามใบหน้า ลิ้นและลำคอ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ
Atorvastatin
ข้อบ่งใช้ : ลดระดับ LDL C และ TC ในผู้ป่วย Hypercholesterolemia และสามารถลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ ได้ปานกลางในผู้ป่วย Hypertriglyceridemia
การออกฤทธิ์ : ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 3-hydroxy-3-methylglutaryl-coenzyme-A reductase ในการสังเคราะห์คอเลสเตอรอล
ผลข้างเคียง : มีไข้ เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก อุจจาระอัดแน่น ท้องอืด และปวดกล้ามเนื้อ
Paracetamol
ข้อบ่งใช้ : ควบคุมอาการปวด ลดไข้
การออกฤทธิ์ : ยับยั้งการสังเคราะห์ Prostaglandins ในระบบประสาทส่วนกลางได้ดี แต่ยับยั้งสารนี้นอกสมองได้น้อยโดยเฉพาะบริเวณที่เกิดการอักเสบ ซึ่ง Prostaglandins เป็นตัวทำให้เกิดความปวด และทำให้เกิดไข้ ออกฤทธิ์สูงสุดในเวลา 30-60 นาทีหลังได้รับยา ใช้เกินขนาดมีผลต่อตับและไต ไม่ควรใช้ติดต่อกันเกิน 7 วัน
ผลข้างเคียง : ง่วงซึม แพ้ยา เช่น มีผื่น บวม เป็นแผลในเยื่อบุช่องปาก มีไข้
Tiotropium
ข้อบ่งใช้ : ใช้ในการรักษาโรคปอด เช่น โรคหอบหด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดลมอักเสบหรือถุงลมโป่งพอง
การออกฤทธิ์ : Muscarinic receptorเกี่ยวกับการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ M1receptor เกิดการส่งสัญญาณประสาท cholinergic neurotransmitter M2 อยู่บริเวณปลายประสาท cholinergic และทำให้การหลั่งสาร acetylcholine ลดลง
ผลข้างเคียง : ปากแห้ง วิงเวียนศีรษะ ปัสสาวะติดขัด การหายใจแย่ลง ตามีอาการปวดบวมแดง ผื่นขึ้น คันหรือบวม
Meropenem
ข้อบ่งใช้ : ใช้รักษาการติดเชื้อในช่องท้อง การติดเชื้อผิวหนัง การติดเชื้อทางเดินหายใจและปอดอักเสบ
การออกฤทธิ์ : ออกฤทธิ์กว้าง สามารถออกฤทธิ์ต้านแบคทีเรียได้ทั้งแกรมบวกและลบ และชนิดที่ไม่ใช้ออกซิเจน โดยการรบกวนการสร้างผนังเซลล์ของแบคทีเรีย เนื่องจากสามารถดูดซึมเข้าผนังเซลล์ของแบคทีเรียได้ดี ทำให้จับ Penicillin Binding proteins ของแบคทีเรียได้รวดเร็ว และยังทนต่อเอนไซม์ serine beta-lactamase
ผลข้างเคียง : มีผื่นแดง คัน เหงื่อออก ลมพิษ การฉีดเข้าเส้นเลือดดำอาจทำให้ปวดบริเวณที่ฉีด อาจเกิดปฏิกิริยาแพ้ทั้งระบบ (hypersensitivity)
Salmeterol+Fluticasone
ข้อบ่งใช้ : ควบคุมอาการหอบหืด ป้องกันการเกิดหลอดลมหดเกร็งจากโรคอุดกั้นของทางเดินทางหายใจ
การออกฤทธิ์ : กระตุ้น Beta2-adrenergic receptors ในปอดทำให้กล้ามเนื้อหลอดลมคลายตัว ผลการรักษา ลดการหดเกร็งของหลอดลม และแรงต้านภายในทางเดินหายใจ
ผลข้างเคียง : ปวดศีรษะ ไอ มือสั่น เวียนศีรษะ คอแห้ง ระคายคอ คอหอยอักเสบ อาจพบใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว คลื่นไส้ ไม่สบายในท้อง
-
การตรวจพิเศษ
Bilateral renal parenchymal disease with renal cysts of right kidney size 4x6.2 cm. and few tiny stones at both kidney 2-3 mm. Urinary bladder mild thickness wall. Prostate gland is measured about 3.5x4.2 cm. No ascites fluid
: มีเนื้อเยื่อที่ไต และมีก้อนเนื้อทีไตข้างขวา ขนาด 4x6.2 cm. และมีนิ่วในไตขนาด 2-3 mm. ที่ไตทั้ง 2 ข้าง ผนังกระเพาะปัสสาวะหนาขึ้น ต่อมลูกหมากมีขนาด 3.5x4.2 cm. ไม่มีท้องมาน