Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
12ขั้นตอนการทอผ้าฝ้าย, เด็กหญิงเมญาวี คำมูล ชั้นประถมศึกษาปีที่5 เลข8,…
12ขั้นตอนการทอผ้าฝ้าย
- การเก็บฝ้าย การเลือกเก็บฝ้ายที่มีสมอแก่ แตกฟูเต็มที่เป็นปุยขาว เลือกเก็บเฉพาะปุยฝ้ายเท่านั้น ระวังอย่าให้เศษใบฝ้าย และริ้วประดับที่แห้งอยู่ที่สมอ ติดปะปนไปกับปุยฝ้าย ฝ้ายมีความแห้งสนิทไม่อับชื้น
- การอีดฝ้ายหรือหีบฝ้าย การนำปุยฝ้ายที่ตากแห้งสะอาดดีแล้วมาใช้มือหนึ่งจับที่จับ ค่อย ๆ หมุนฟันเฟืองไปอย่างต่อเนื่อง อีกมือจับปุยฝ้ายที่เตรียมไว้ใส่เข้าไประหว่างไม้กลมเกลี้ยงขนานชิดกัน ซึ่งมีฟันเฟืองอยู่ด้านนอก ส่วนที่เป็นปุยฝ้ายจะถูกหนีบลอดข้ามไปหล่นลงตะกร้าหรือกระบุงที่เตรียมไว้ ส่วนเมล็ดก็จะร่วงลงพื้นทำต่อเนื่องไปจนหมด อุปกรณ์ที่ใช้ในการอีดฝ้าย เรียกว่า เครื่องอีดฝ้าย
- การปดฝ้าย การดีดฝ้าย การยิงฝ้าย นำปุยฝ้ายที่คัดแยกเมล็ดออกหมดแล้วมาดีด โดยใช้ กงดีดฝ้าย ก๋งยิงฝ้าย หรือ กงแก้บฝ้าย ซึ่งทำจากซี่ไม้ไผ่ เหลาให้ปลายเรียวทั้งสองข้าง ใช้เชือกผูกที่ปลายทั้งสองข้างเพื่อดัดซี่ไม้ให้โค้งเข้าหากันคล้ายกับคันธนู อุปกรณ์คู่กันคือปล้องไม้ไผ่ขนาดเล็กยาวประมาณ 6- 8 นิ้ว และกระบุงขนาดใหญ่พิเศษ ทรงปากกว้างพอประมาณขอบปากกระบุงด้านหนึ่งมัดท่อนไม้ขนาดประมาณ 4 x 6 นิ้ว เพื่อเวลาดีดฝ้าย ปากกระบุงจะได้ยกหนุนสูงขึ้นจากพื้น กระบุงขนาดใหญ่นี้เรียกเป็นภาษาท้องถิ่นต่าง ๆ กันว่า กะเพียด กะเพด หรือกระหลุมยิงฝ้าย นำปุยฝ้ายมาใส่กะเพียด กะเพด หรือกะลม แล้วเอามือหนึ่งจับกงดีดฝ้ายหรือก๋งยิงฝ้าย ถือด้านที่เป็นคันธนูไว้ให้เส้นเชือกถูกปุยฝ้าย แล้วใช้อีกมือจับปล้องไม้ไผ่ ขนาดเล็กดีดเส้นเชือกต่อเนื่องไป เพี่อให้ปุยฝ้ายกระจายตัวเป็นปุยละเอียด หมั่นคนปุยฝ้ายให้เชือาดีดถูกจนทั่วสม่ำเสมอกันเป็นปุยละเอียดเหมือนกันทั้งหมด การดีดฝ้ายแต่ละครั้งจะไม่ใส่ฝ้ายมากนักจะดีดฝ้ายให้เพียงพอเฉพาะการนำมาม้วนฝ้ายหรือล้อฝ้ายเท่านั้น ไม่ควรดีดฝ้ายทิ้งค้างไว้เพราะปุยฝ้ายจะคืนตัวจับกันเป็นก้อนเหมือนเดิม :
- การกิ๊กฝ้าย การนำฝ้ายที่ดีดละเอียดแล้ว มาม้วนเป็นก้อนแบบเรียวยาว วางลงบนแป้นล้อฝ้าย ให้กระจายสม่ำเสมอกัน ประมาณขนาดให้ใหญ่กว่าฝ่ามือเพียงเล็กน้อย แล้ววางไม้ล้อฝ้ายไว้บนส่วนปุยฝ้าย จากนั้นให้เอาฝ่ามือถูปุยฝ้ายให้ม้วนขนานเข้าไปกับไม้ล้อฝ้าย โดยรักษาน้ำหนักมือให้พอเหมาะเพื่อไม่ให้ม้วนฝ้ายแน่นหรือหลวมเกินไป แล้วดีงไม้ล้อฝ้ายออก จะได้ฝ้ายเป็นม้วนหลอดกลมยาวประมาณ 8 - 9 นิ้ว บางท้องถิ่นเรียกหลอดม้วนฝ้ายนี้ว่า ดิ้ว การม้วนฝ้ายหรือล้อฝ้ายนี้จะต้องทำจนหมดปุยฝ้ายที่ดีดไว้ การม้วนฝ้ายหรือล้อฝ้ายนี้ทำสะสมไว้ได้แล้วทยอยนำไปปั่นเป็นเส้นด้าย แต่ก็ไม่ควรเก็บม้วนฝ้ายหรือล้อฝ้ายไว้นานเกินไป โดยปกติหลังจากม้วนฝ้ายหรือล้อฝ้ายได้พอประมาณจึงนำไปปั่นเป็นเส้นใยจนหมดม้วนฝ้าย
- การปั่นฝ้าย การนำฝ้ายที่กิ๊กไว้เป็นก้อนเรียวยาว นำฝ้ายที่ล้อมไว้มาปั่นเป็นเส้นด้าย การเข็นฝ้ายหรือการปั่นฝ้ายต้องใช้เวลาในการฝึกหัด เพราะปัจจุบันจะใช้เส้นด้ายสำเร็จกันเป็นส่วนใหญ่ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเข็นฝ้าย คือ หลา บางแห่งเรียกไน การปั่นฝ้ายเป็นด้ายจะเป็นกรรมวิธีที่ยากกว่าการทำอย่างอื่นๆ เพราะมือต้องสัมพันธ์กันโดยมือขวาหมุนหลา เพื่อไปบังคับไลหลาให้หมุนตามไปด้วย คล้ายกับหมุนปั่นฝ้ายที่ออกจากล้อฝ้ายให้พันแล้วดึงเป็นเส้นด้ายยาว ม้วนเข้าไปอยู่กับหลา ทำเช่นนี้ตลอดไปจนกว่าจะได้ด้ายเป็นกลุ่มเพียงพอแก่ความต้องการ แล้วจึงหยุดถอดด้ายจากไลหลาเก็บ โดยใช้ไม้เสียบแล้วนำไปเปีย
6.การเข้าเป๋ นำฝ้ายที่ปั่นแล้วมาเข้าเป๋ โดยการเข้าเป๋จะทำให้เส้นฝ้ายเรียงเป็นเส้น ไม่พันกัน เพื่อจะสะดวกในการแบ่งฝ้ายเป็นใจ การนำด้ายจากหลอดที่เข็นแล้วออกมาพันไว้ เครื่องมือเปียลักษณะเป็นโคงใหญ่ทำให้เป็นไจ ด้ายที่เปียแล้วจะได้เป็นไจหรือเข็ดรวมกันได้ประมาณ 5 ไจ พื้นบ้านเรียกว่า กำ หรือเข็ดหนึ่งเข็ด ด้ายที่เปียแล้วจะได้เป็นไจ หรือเข็ด แล้วนำไปย้อมสีและแช่น้ำข้าวตากให้แห้ง
7.การย้อมสีการย้อมการนำเส้นใยฝ้ายที่ผ่านกระบวนการที่ทำให้เป็นเส้นด้วย และมีการแบ่งเส้นด้ายให้เป็นไจ เพราะให้เป็นระเบียบในการนำมาใช้งาน โดยการย้อมสี จะเป็นออกเป็นสองส่วนคือการย้อมสีจากวัสดุธรรมชาติและการย้อมสีสังเคราะห์ เทคนิคในการย้อมมีทั้งแบบผ่านความร้อน และแบบการย้อมเย็น
- การกวักฝ้าย การกวักฝ้าย คือ การนำด้ายที่ย้อมสีและน้ำข้าวแล้ว ไปใส่ในเครื่องมือกวัก เพื่อทำให้ด้ายมีความตึงเรียบเสมอกัน เมื่อกวักด้ายหลายกวัก เตรียมสำหรับนำไปค้น (โว้นเส้นด้าย) เป็นด้ายยืนในการทอต่อไป
9.การขีนหูกนำด้ายที่อยู่ในกวักไปค้นเป็นเครือด้วยเผือ เรียกว่า เครือหุ หรือ เครือทูก ตามจำนวนผืนที่ต้องการ
10,การสืบหูก การนำเส้นไหมทางเครือ (ด้ายยืน) มาต่อเข้ากับฟืมผูกหรือมัดเส้นไหมที่ยื่นมาจากเขาให้แน่น เรียงลำดับจนแล้วเสร็จ เพื่อใช้ลักษณะที่ยาวการสืบหูกนั้นจะสืบจำนวนเส้น (ความ เช่น 12 ความ 24 ความ ) ขึ้นอยู่กับเส้นด้ายที่จะนำมาสืบนั้นต้องผ่านขบวนการขั้นตอนในการเตรียมเส้นฝ้ายให้เรียบร้อยแล้ว ต่อเส้นด้ายยืนเข้าฟืม นำเครือทูกมาสืบในฟืมสำเร็จ มีเหาสำหรับยกเป็นลวดลาย นำเครือทูกที่สืบใส่ฟืมเรียบร้อย
- การผัดหลอดหรือการปั่นหลอด นำฝ้ายมัดหมี่คล้องใส่กงซึ่งวางอยู่ระหว่างตีนกง 1 คู่ หมุนกงคลายฝ้ายออกจากกงพันเข้าหลอดไม้ไผ่เล็กๆที่เสียบแน่นอยู่กับเหล็กไนของหลา ความยาวของหลอดไผ่สัมพันธ์กันกับกระสวยทอผ้า เมื่อหมุนกงล้อไม้ไผ่ของหลา เหล็กไนและหลอดจะหมุนเอาเส้นฝ้ายจากกงพันรอบแกนหลอดไม้ไผ่ ให้ได้จำนวนเส้นฝ้ายพอเหมาะกับขนาดของร่องกระสวยทอผ้า
12.การทอฝ้าย ารทอผ้านั้นต้องอาศัยฝีมือและความรู้ความชำนาญ ของผู้ทอเป็นอย่างมาก เป็นงานศิลปะที่มีอยู่เพียงชิ้นเดียวในโลก เพราะแต่ละคนที่ทำแต่ละขั้นตอน จะมีความแตกต่างกัน เส้นไหมที่สาวได้แต่ละช่วงเวลาหรือแต่ละระยะของฝักไหมให้ความหนาของเส้นไม่ เท่ากัน สีไม่เหมือนกัน นอกจากนั้นแล้วความสามารถในการทอ การสอดกระสวย ความแรงในการตีกระทบหรือการฟัดทำให้ได้สีเข้มอ่อนต่างกัน การเรียงเส้นไหมให้ตรงลายจะแสดงถึงความคมชัดและความชำนาญของผู้ทอแต่ละคน อากาศ อุณหภูมิ หรือแม้แต่อารมณ์ความรู้สึกของผู้ทอ สิ่งเหล่านี้มีผลกับความสวยงามของผ้าผืนนั้น ๆ จึงทำให้ผ้าทอมือแต่ละผืนที่ทอ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองและมีเพียงผืนเดียวในโลกเท่านั้น
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-