Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิธีการช่วยฟื้นคืนชีพอย่างถูกวิธี - Coggle Diagram
วิธีการช่วยฟื้นคืนชีพอย่างถูกวิธี
ความหมายของการช่วยฟื้นคืนชีพ
-วิธีการช่วยเหลือผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิตให้สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ หรือเรียกชื่อย่อว่า ซีพีอาร์ (CPR = Cardiopulmonary Resuscitation)
ขั้นตอนปฏิบัติในการช่วยฟื้นคืนชีพ
2.ผู้ช่วยเหลือนั่งคุกเข่าใกล้กับบริเวณไหล่ของผู้ป่วย
3.ถ้าไม่สามารถฟังหรือสัมผัสลมหายใจได้ แต่ทรวงอกมีการเคลื่อนไหวอยู่ แสดงว่าอาจมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดตัน
เรียกคนที่อยู่ใกล้เคียงช่วยเหลือ
4.ถ้าผู้ป่วยไม่หายใจจะต้องช่วยเหลือให้เกิดการหายใจขึ้น โดยวิธีเป่าปาก (Mouth to Mouth)
1.สังเกตการตอบสนองของผู้ป่วย
5.ภายหลังจากการเป่าปาก 2 ครั้งไปแล้ว ให้ตรวจดูชีพจรแต่ถ้าคลำชีพจร
6.คุกเข่าและโน้มตัวไปข้างหน้า โดยให้แขนตั้งฉากกับหน้าอกของผู้ป่วย แขนเหยียดตรง จากนั้นกดลงด้วยนํ้าหนักที่ทำให้กระดูกหน้าอกนั้นยุบตัวลงประมาณ 3-5 เซนติเมตร ด้วยอัตราอยู่ที่ประมาณ100 ครั้งต่อนาที
7.ให้นับจำนวนครั้งที่กดเป็นจังหวะ 1-30ไปจนครบ 30 ครั้ง โดยออกเสียงเป็นสองพยางค์ตั้งแต่ 21 ว่า ยีบเอ็ด แล้วจึงสลับกับการเป่าปาก 2 ครั้ง ซึ่งถือเป็น 1 รอบ ภายหลังที่ปฏิบัติครบ 4 รอบ ให้ตรวจชีพจรและการหายใจอีกครั้ง
หลักปฏิบัติโดยทั่วไปในการช่วยฟื้นคืนชีพ
•ไม่ว่าจะเหตุผลใดๆ หรือมีเหตุการณ์อย่างอื่นเกิดขึ้น อย่าหยุดการปฏิบัติการช่วยชีวิตนานกว่า 5 วินาที ยกเว้น กรณีต้องปฏิบัติการคนเดียว และจำเป็นต้องโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลให้มาช่วย
•ระหว่างที่อยู่ในรถพยาบาลไปจนถึงห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล อย่าหยุดการปฏิบัติการช่วยชีวิตเป็นอันขาด และจะต้องทำติดต่อเรื่อยไปถึงแม้ผู้ว่าป่วยจะอยู่บนเปลหามที่กำลังจะยกเข้าไปในสถานพยาบาลก็ตาม
•ถ้าหากต้องหามลงหรือขึ้นบันได ควรปฏิบัติการช่วยชีวิตก่อนขึ้นหรือลงบันได โดยให้ผู้หามเปลลงหรือขึ้นบันไดให้เร็วที่สุด เมื่อเปลถึงพื้นราบ ให้รีบทำการช่วยชีวิตต่อทันทีอย่างช้าที่สุดต้องหยุดไม่เกิน 30 วินาที
•ถ้าการเป่าลมเข้าปากของผู้ป่วยที่มีภาวะทางเดินหายใจอุดตันไม่ได้ผล ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปกดหน้าท้องหรือกดหน้าอก ให้เลือดเข้าหรือออกจากหัวใจ เพราะไม่มีออกซิเจนเข้าปอด แต่ควรแก้ไขการอุดตันทางเดินลมหายใจของผู้ป่วยเสียก่อน
•ความเร็วในการปฏิบัติมีความสำคัญมากที่สุด ซึ่งควรได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี
•ในการกดหน้าอกควรวางมือให้ถูกต้อง ถ้าหากวางมือไม่ถูกต้อง อาจไปกดกระดูกซี่โครงจนหักหรือปลายกระดูกหน้าอกหัก ซึ่งปลายหักที่แหลมอาจไปทิ่มตับ ปอดและม้ามได้ ซึ่งทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต
•ควรปล่อยมือหลังจากกดกระดูกหน้าอก เพื่อให้หัวใจขยายตัวและเลือดจะได้เข้าสู่หัวใจได้มากและทำให้การกดหน้าอกครั้งต่อไปมีเลือดจำนวนมากออกจากหัวใจ
•ไม่กดหน้าอกเร็วและแรงเกินไปเพราะอาจทำให้หัวใจชํ้าหรือกระดูกหักได้
•ขณะปฏิบัติการกดหน้าอก ถ้าได้ยินเสียงเหมือนกระดูกแตกหรือหักต้องหยุดทันที และตรวจดูตำแหน่งที่วางมือให้ถูกต้อง
•ขณะปฏิบัติการหากผู้ป่วยอาเจียนซึ่งอาจเกิดจากมีลมในกระเพาะอาหารมาก ให้ตะแคงศีรษะผู้ป่วยไปทางด้านข้าง และพยายามใช้นิ้วมือล้วงเศษอาหารออกจากปากให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เศษอาหารตกลงไปในหลอดลมและเมื่อล้วงเศษอาหารออกไปหมดแล้วจับผู้ป่วยแหงนคอในท่านอนหงาย เพื่อทำการปฏิบัติการช่วยชีวิตต่อไป
การโทรศัพท์แจ้งศูนย์บริการช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉิน ควรให้ข้อมูลดังนี้
•จำนวนผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ
•สภาพผู้ป่วยในขณะนั้น
•เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น อุบัติเหตุรถชน ผู้ป่วยหัวใจวาย เป็นต้น
•การปฏิบัติการช่วยชีวิตที่ได้กระทำไปแล้ว
•หมายเลขโทรศัพท์
•สถานที่เกิดเหตุ
การห้ามเลือด
ศีรษะ
ใช้ผ้าสะอาดทับกันหนาๆ แทนผ้าพันแผลหรือผ้าก๊อซ หรือใช้สำลีหนาๆวางบนตำแหน่งที่เลือดออก แล้วใช้ผ้าพันแผลพันให้แน่น
ลิ้นหรือริมฝีปาก
ใช้นิ้วหัวแม่มือหรือนิ้วชี้บีบที่สองข้างของแผล
บริเวณคอ
ใช้นิ้วมือกดบนหลอดโลหิตหรือใช้ผ้าหนาๆ สำลีหนาๆ วางซ้อนกันแล้วกดด้วยนิ้วมือ หรืออาจใช้ผ้าพันแผลพันด้วยก็ได้
บริเวณต้นแขนหรือปลายแขน
ยกแขนให้สูงขึ้นแล้วอาจใช้สายยางรัดด้วย
ข้อมือ
ใช้นิ้วกดหรือใช้ผ้าหนาๆ กดรวมกับสายยางรัด
ฝ่ามือ
ให้ผู้ป่วยกำผ้าหรือสำลีที่สะอาดให้แน่น แล้วใช้ผ้าพันรอบมือไว้ เมื่อห้ามเลือดแล้วควรใช้ผ้าคล้องคอห้อยแขนไว้ด้วย
ต้นขาและขา
ใช้นิ้วกดหรือสายยางรัดเหนือแผลแล้วยกขาให้สูง
เท้า
ใช้วิธีแพด แอนด์ แบนด์เดจ โดยยกเท้าให้สูง
การช่วยฟื้นคืนชีพในสถานการณ์ต่างๆ
อุบัติเหตุจากการจราจรทางบก
•ควบคุมสติ
•ปิดสวิตซ์รถที่เกิดอุบัติเหตุสำรวจอาการอย่าเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บ
•แจ้งตำรวจ โทรศัพท์ 191 หรือหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน โทรศัพท์ 1669
•นำกิ่งไม้มาขวาง เพื่อทำสัญญาณเตือนภัยอุบัติเหตุ
•ช่วยผู้ป่วยตามลำดับก่อน-หลัง ดังนี้
1.คนที่หมดสติ
2.คนที่เลือดออกมาก
3.คนที่หมดสติแต่ยังหายใจได้เอง
•รีบนำผู้ป่วยส่งสถานพยาบาลโดยเร็วที่สุด
•จดจำ บันทึกเหตุการณ์ และวิธีการช่วยฟื้นคืนชีพที่ได้ปฏิบัติไปแล้ว
อุบัติเหตุจากการจมน้ำ
1.ตรวจสอบการหายใจและคลำชีพจร ถ้าไม่หายใจให้ช่วยหายใจด้วยวิธีปากต่อปาก หรือถ้าหัวใจหยุดเต้น ให้ปฏิบัติการนวดหัวใจ
2.ถ้าต้องการเอานํ้าออกจากกระเพาะอาหารและปอด ให้ปฏิบัติโดย
•ใช้นิ้วมือล้วงคอให้อาเจียน แล้วจับแบกพาดบ่า ให้บริเวณท้องอยู่บนบ่า ศรีษะห้อยลงไปด้านหลัง แล้วพาวิ่งซึ่งจะช่วยเขย่าให้นํ้าออก
•ให้ผู้ป่วยนอนควํ่า ผู้ช่วยเหลือยืนคร่อมผู้ป่วยตรงระดับสะโพก โดยหันหน้าไปทางศีรษะของผู้ป่วย หลังจากนั้นให้ใช้มือทั้งสองจับบริเวณใต้ชายโครงของผู้ป่วยแล้วยกขึ้นและวางลงสลับกัน ซึ่งจะทำให้น้ำออกทางปากและจมูก โดยจะช่วยให้ผู้ป่วยเริ่มหายใจได้บ้าง
•ลงมือทำการผายปอด เมื่อผู้ป่วยเริ่มหายใจ
•ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย โดยการใช้ผ้าหรือเสื้อหนาๆ คลุมร่างกายของผู้ป่วยไว้ และคอยหมั่นเช็ดตัวผู้ป่วยให้แห้ง แล้วรีบนำส่งสถานพยาบาลโดยเร็ว
อุบัติเหตุจากการถูกไฟไหม้
•ย้ายผู้ป่วยออกจากสถานที่เกิดเหตุโดยเร็ว โดยย้ายผู้ป่วยไปอยู่ในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์และถ่ายเทได้สะดวก
•ย้ายผู้ป่วยออกจากสถานที่เกิดเหตุโดยเร็ว โดยย้ายผู้ป่วยไปอยู่ในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์และถ่ายเทได้สะดวก
•ตรวจดูบาดแผลที่อาจถูกไฟลวกหรือถูกความร้อนที่ทำให้พุพอง ซึ่งถ้ามีให้รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นทันที
•ผู้ป่วยที่มีอาการช็อก ให้จัดท่าโดยจัดให้นอนราบ ศีรษะตํ่า เพื่อให้เลือดไหลสู่สมองมากขึ้น
•ถ้าผู้ป่วยหายใจไม่สะดวกให้ช่วยฟื้นคืนชีพด้วยการเป่าปาก
•ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายของผู้ป่วยอย่างเพียงพอ
•คอยสังเกตและระวังอาการเปลี่ยนแปลงทางด้านการหายใจ และชีพจร
•คอยสังเกตและระวังอาการเปลี่ยนแปลงทางด้านการหายใจ และชีพจร