Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 2 การเจริญเติบโตและพัฒนาการ, นางสาวบุศกร ชุ่มจิตร เลขที่ 42 …
บทที่ 2 การเจริญเติบโตและพัฒนาการ
ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการคำนวณนม และการให้นมในเด็ก
การคำนวณนม
ใช้สูตร Holiday and segar
ในการคำนวณพลังงาน
10 กิโลแรก = 100 กิโลแคลอรี่/กิโลกรัม/วัน
10 กิโลต่อมา = 50 กิโลแคลอรี่/กิโลกรัม/วัน
น้ำหนักที่เหลือ = 20 กิโลแคลอรี่/กิโลกรัม/วัน
นมเด็กปกติ 20 Kcal = 1 ออนซ์
การให้นมในเด็ก
นมแม่
เป็นนมที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับทารก
หลักการให้นมแม่คือ ต้องให้ทารกดูดให้เกลี้ยงเต้าโดยให้ดูดทีละข้าง เพื่อให้ได้นมทั้งส่วนหน้าและส่วนหลังบีบทิ้งได้ในกรณีที่คัดตึงมากและทารกดูดไม่ทันมื้อต่อไปให้ดูดสลับข้าง
นมผงดัดแปลงสำหรับทารก
นมเปรี้ยว
ไม่เหมาะกับเด็ก เพราะจะทำให้เด็กติดหวาน และฟันผุ และกินมากๆอาจทำให้มีภาวะโภชนาการเกินได้
นมวัว
มี Carbohydrate, Fat, Protein ที่มากเกิน
ไม่เหมาะกับทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี
ลำไส้และไตของทารกยังทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดปัญหาท้องอืด ท้องเสีย ไตท างานหนัก
ในนมวัวยังมีสารอาหารไม่ครบถ้วน ขาด Fe แร่ธาตุต่างๆ จึงไมเหมาะที่จะนำไปใช้เลี้ยงทารก
การชงนม
ล้างมือให้สะอาด
ต้มขวดนม 15-20นาที
ใส่น้าต้มสุก 70 องศา
ใส่นมเขย่าจนนมละลาย เติมน้าเท่ากับปริมาณที่ต้องการ
นมชงแล้วเก็บได้แค่ 2ชั่วโมงเท่านั้น นานกว่านั้นต้องทิ้ง
ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการให้อาหารเสริมในเด็ก
การให้อาหารเสริม
เริ่มให้อาหารเสริมครั้งแรกเมืออายุ 6เดือน
ทารกแรกเกิด-6 เดือนกินนมแม่อย่างเดียว
อาหารเสริม มีดังนี้
อายุ 6 เดือน
อาหาร 1 มื้อ ข้าวบดละเอียด โดยเริ่มให้แต่น้อยจนครบ 3 ช้อนไข่แดง ½ ฟอง ปลา 2 ช้อนหรือตับบด 1 ช้อน ผักสุก ½ ช้อน หรือฟักทอง ½ ช้อน มะละกอสุก 2ชิ้นหรือส้ม 2 กลีบ
อายุ 7 เดือน
อาหาร 1 มื้อ ข้าว 4 ช้อน ข้าวบดละเอียด ไข่แดง ครึ่งฟองปลา 2 ช้อน หรือหมู 2 ช้อน ผักสุก 1 ½ ช้อน หรือฟักทอง1 ½ ช้อน มะละกอ 2ชิ้น หรือมะม่วง 2ชิ้น
อายุ 8 -9 เดือน
อาหาร 2 มื้อ ข้าว 5 ช้อนโดยข้าวจะใช้วิธีต้ม ตุ๋นเละๆหรือ ถ้าจะบดต้องบดหยาบไข่ 1ฟอง และปลา 2ช้อนหรือหมู 2ช้อนผักสุก 2ช้อน หรือฟักทอง 2ช้อน มะละกอสุก3ชิ้น หรือกล้วย 1ผล
อายุครบ10-12 เดือน
อาหาร 3 มื้อข้าวต้มหรือข้าวสวยนุ่ม 5ช้อน ไข่ 1ฟอง และปลา 2ช้อนหรือหมู 2ช้อน หรือตับบด 1ช้อน ผักสุก 2ช้อน หรือฟักทอง 2ช้อน มะม่วง 4ชิ้น หรือส้ม 1ผล
คำแนะนำสำหรับการให้อาหารเสริมในเด็ก
อาหารเสริมที่ให้ครั้งแรกควรบดให้ละเอียด และลื่นคอ แล้วค่อยบดหยาบ เมื่อทารกมีฟันขึ้น อาจให้อาหารเป็นชิ้นเล็กๆ ในขนาดที่ทารกสามารถเคี้ยวได้
ให้อาหารเสริมครั้งละชนิดในปริมาณน้อย แต่ละชนิดควรห่างกัน 4-7วัน ถ้าทารกมีอาการแพ้อาหารชนิดนั้น สามารถงดอาหารชนิดนั้นได้ทันที
ควรให้ทารกเรียนรู้การทานอาหารเสริมจากช้อน ไม่ควรใส่อาหารเสริมในขวดนม ที่เจาะรูหัวนมให้กว้างขึ้น เพื่อให้ทารกดูด
ให้อาหารก่อนให้นม หรือให้ในขณะที่ทารกกาลังหิว เพราะถ้าทารกอิ่มจะปฏิเสธอาหารเสริม
ขณะให้อาหารเสริมควรยิ้มและพูดกับทารก ให้ทารกมีความสุขกับการได้รับอาหาร ไม่ควรบังคับหรือลงโทษ ถ้าทารกปฏิเสธอาหาร
ขณะป้อนอาหารเสริม ทารกจะห่อปากเอาลิ้นดุนอาหารออกมา เมื่อทารกได้รับอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลว(Extrusion reflex) ลักษณะดังกล่าวจึงไม่ใช่ทารกปฏิเสธอาหาร ปฏิกิริยาสะท้อนนี้จะหายไปเมื่อทารกอายุ 4-6เดือนขึ้นไป
เมื่อทารกสามารถทานอาหารเสริมได้ดี ควรลดปริมาณของนมลง เพื่อป้องกันมิให้ทารกได้อาหารมากเกิน
Marasmus กับ Kwashiorkor มีความแตกต่างกันอย่างไร
Marasmus
ขาดทั้งโปรตีนและพลังงาน(Calories)
เด็กจะมีอาการ ผอมแห้ง กล้ามเนื้อลีบ ไขมันใต้ผิวหนังน้อย
มีภาวะขาดพลังงาน ซึ่งพบบ่อยในเด็กอายุกว่า 1ปี
จะมีอาการผอมแห้งกล้ามเนื้อลีบไขมันใต้ผิวหนังน้อยน้าหนักต่ากว่าปกติ ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการบวมและตับจะไม่โต
Kwashiorkor
Kwashiorkorเด็กกลุ่มนี้จะขาดโปรตีน จึงทาให้เด็กมีอาการบวม กดบุ๋ม จะพบอาการบวมที่เท้าและขาเป็นส่วนใหญ่ บางรายกระจายไปที่แขน ขา ใบหน้า
ผิวหนังมันวาว บางแห้งหยาบเหมือนหนังคางคก(hyperkeratosis)สีกระดากระด่าง hyperpigmentration
มีหนังแห้งลอก เกิดการติดเชื้อได้ง่ายจากภูมิต้านทานต่าเพราะขาดโปรตีน ผู้ป่วยมีไขมันใต้ผิวหนัง
เด็กแต่ละช่วงวัยมีพัฒนาการแตกต่างกันอย่างไร
หลักของพัฒนาการ
พัฒนาการเป็นไปตามลาดับขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการข้ามขั้น เช่น ชันคอได้ก่อนพลิกคว่าพลิกหงาย
อัตราพัฒนาการของเด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน
ทิศทางของพัฒนาการ จะเริ่มจากแนวศีรษะสู่ปลายเท้า ชันคอ คว่าหงาย นั่ง คลาน ยืน เดิน
พัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ก่อนกล้ามเนื้อมัดเล็ก
พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว
กล้ามเนื้อมัดใหญ่
1เดือน เริ่มชันคอได้ ดึงแขนจากท่านอนเป็นนั่ง ศีรษะตกไปด้านหลัง
2เดือน ท่านอนคว่า ยกศีรษะได้ 45องศา
3-4 เดือน Chest up
5 6 เดือน พลิกคว่าพลิกหงาย นั่งโดยใช้มือยันได้ชั่วครู่
10-12เดือน เกาะเดิน ตั้งไข่ เดินได้ 2-3ก้าว
13-15เดือน เดินได้ ขว้างปาสิ่งของ โยนลูกบอล
16-18เดือน ปีนป่ายตามเฟอร์นิเจอร์
ทฤษฎีพัฒนาการเด็ก
ทฤษฎีพัฒนาการจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์
อิด(id)
เป็นแรงขับที่เกิดจากสัญชาตญาณซึ่งอยู่ใต้จิตสานึกเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของตนเองทันทีทันใด
ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
ไม่สนใจว่าการกระทานั้นจะเหมาะสมหรือไม่
อีโก้(ego)
จิตสานึก( อยู่ในหลักความจริง(Reality) และมีเหตุผลน้าที่ควบคุม id * ขัดขวางความคิดที่ไม่มีเหตุผลของ id
ช่วยให้ความต้องการของ id ถูกระบายไปในทางที่เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง ที่สังคมยอมรับ
ego จะถูกสร้างขึ้นในช่วงขวบปีแรก
ซุเปอร์อีโก้(Superego)
สร้างในวัยเด็กตอนต้นทาให้เด็กสามารถใช้การควบคุมภายใน(Internal control) เอาชนะพฤติกรรมของตนเองมากกว่าอาศัยการควบคุมจากภายนอก(External
control) อย่างเดียว
บุคลิกภาพที่พัฒนาจากอีโก้ เป็นส่วนประกอบของจิตที่ประกอบด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหรือมโนธรรม ค่านิยมทางวัฒนธรรมประเพณี ที่สร้างขึ้นจากการมีปฏิสัมพันธ์กับบิดามารดาและผู้อื่น เป็นกลไกที่จะป้องกันไม่ให้บุคคลแสดงพฤติกรรมที่สังคมไม่ยอมรับ
ฟรอยด์กับพัฒนาการทางเพศในด้านจิตใจ
Oral stage
แรกเกิด-1ปี
กิจกรรม ดูดกัด เคี้ยว การส่งเสียง
ถ้าเด็กไม่ได้รับการตอบสนองที่พึงพอใจเต็มที่ จะเป็นลักษณะ “จิตยึดติด ”FixationFixationชอบทานจุบจิบ ชอบนินทา
ถ้าได้รับการตอบสนองมากเกินไป อาจพัฒนาบุคลิกภาพเป็นคนมองทุกสิ่งทุกอย่างในด้านดี และพึ่งพาคนอื่นมากเกินไป
Anal stage
อายุ 1-3 ขวบ
ความสนใจของเด็กในวัย 2ปีแรก จะมีศูนย์กลางอยู่ที่ทวารหนัก เด็กสามารถกลั้นและปล่อยอุจจาระเมื่อตนเองต้องการ ความพึงพอใจของเด็กจึงอยู่ที่การขับถ่าย
ถ้าถูกละเลยการฝึกการขับถ่าย เด็กจะพัฒนาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีระเบียบ ไม่รู้จักจัดระบบงาน เป็นคนสกปรก
Phallic stage
อายุระหว่าง 3-6ปี
เด็กจะตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างหญิงและชาย เริ่มอยากรู้ อยากเห็นสิ่งที่แตกต่าง
วัยนี้เด็กจะเกิด
ปมอีดีปุส(oedipus complex)
เด็กชายจะติดแม่อิจฉาพ่อที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแม่
เด็กหญิงจะติดพ่อและอิจฉาแม่ที่มาใกล้ชิดพ่อ เป็นจิตใต้สานึกของเด็ก
ถ้าเด็กไม่สามารถปรับบุคลิกภาพที่เหมาะสมตามเพศของตนได้ เด็กก็จะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน
Latency stage
อายุระหว่าง 6-12 ปี
ระยะนี้ความรู้สึกทางเพศถูกกด เด็กจะไม่สนใจเพศตรงข้าม หันมาเล่นกับเพศเดียวกัน เลียนแบบบทบาททางเพศที่เป็นเพศเดียวกันกับตนเองมากขึ้น
Genital stage
อายุระหว่าง 12-14ปี
เป็นระยะที่เข้าสู่วัยรุ่น
เริ่มสนใจเพศตรงข้าม และสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น
ถ้าต้องให้คำแนะนำมารดาในการเลี้ยงดูบุตรเพื่อแก้ไขหรือป้องกันปัญหาดูดนิ้ว พี่อิจฉาน้อง จะแนะนำแม่ว่าอย่างไร
พฤติกรรมอิจฉาน้อง
การแก้ไข
ช่วงคลอดน้องแล้วไม่ควรนาพี่เข้าโรงเรียนให้เข้าก่อน 4-5 เดือน
มีส่วนช่วยในการเลือกของให้น้อง ขณะเดียวกันก็ให้พี่มีโอกาสได้ซื้อของที่จาเป็นสาหรับพี่ด้วย
อย่าทาให้เด็กรู้สึกว่าไม่มีใครมีเวลาให้เขา
เด็กควรได้รับการกระตุ้นให้ช่วยดูแลน้อง
ต้องทาทุกอย่างให้เด็กรู้ว่ายังเป็นที่รักของบิดามารดา แม่อุ้มน้อง พ่ออุ้มพี่
ปัญหาดูดนิ้ว
อธิบายให้มารดาเข้าใจว่าไม่มีอันตราย นอกจากแผลที่นิ้ว ไม่มีผลกระทบต่อการผิดรูปของเหงือก ถ้าดูดไม่เกิน 5ขวบ
ค่อยๆหาสาเหตุ และใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจ ห้ามตาหนิเด็ก ถ้าจะดึงนิ้วออกต้องค่อยๆทา ในขณะที่เด็กกาลังเพลินกับกิจกรรม เช่น เล่านิทาน เสริมแรงจูงใจที่เด็กไม่ดูดนิ้ว
นางสาวบุศกร ชุ่มจิตร เลขที่ 42
62111301044
รุ่น 37