Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ทฤษฎีการเรียนรู้ :pencil2:, ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพุทธินิยมหรือกลุ่มความรู้…

- - - - มนุษย์ต้องการที่จะรู้จักตนเองและพัฒนาตนเอง
      - peak experoence คือ ประสบการณ์ที่บุคคลรู้จักตนเองตามสภาพจริง เข้าใจถ่องแท้ จะช่วยทำให้พัฒนาตนได้เป็นอย่างดี
      - ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์
        
        1) ด้านร่างกาย (Physiological needs)
        
        2) ความมั่นคง ปลอดภัย (Safety needs)
        
        3) ความรักและความเป็นเจ้าของ
        (Belongingness and love need)
        
        4) การได้รับการยอมรับ นับถือ ยกย่อง (Esteem needs)
        
        5) เข้าใจตนเองอย่างแท้จริง (Self-actualization needs)
    - - มนุษย์จะพัฒนาตนเองได้ดี หากอยู่ในสถานการณ์ที่ผ่อนคลาย เป็นอิสระ
      - การจัดบรรยากาศ การเน้นผู้เรียนเป็นศุนย์กลาง โดยครูชี้แนะและอำนวยความสะดวก
  - - - ประเภทของการเรียนรู้ 8 ประเภท
        
        การเรียนรู้สัญญาน(signal-learning)
        
        การเรียนรู้สิ่งเร้า-การตอบสนอง(stimulus-response)
        
        การเรียนรู้การเชื่อมโยงแบบต่อเนื่อง (chaining)
        
        การเชื่อมโยงทางภาษา (verbal association)
        
        การเรียนรู้ความแตกต่าง (discrimination learning)
        
        การเรียนรู้ความคิดรวบยอด (concept learning)
        
        การเรียนรู้กฎ (rule learning)
        
        การเรียนรู้การแก้ปัญหา (problem solving)
      - สมรรถภาพการเรียนรู้ของมนุษย์ 5 ประการ
        
        การเรียนรู้ข้อเท็จจริง (verbal information)
        
        ทักษะเชาว์ปัญญา (intellectual skills) ทักษะทางสติปัญญา การจำแนก (discrimination)
        การคิดรวบยอดเป็นรูปธรรม (concrete concept)
        การให้คำจำกัดความของความคิดรวบยอด (defined concept)
        การเข้าใจกฎและใช้กฎ (rules)
        และการแก้ปัญหา (problem solving)
        
        ยุทธศาสตร์ในการคิด (cognitive strategies)
        
        ทักษะการเคลื่อนไหว (motor skills)
        
        เจตคติ(attitudes)
      - ระบบการสอน9ขั้น
        
        ขั้นที่1สร้างความสนใจ (gaining attention)
        
        ขั้นที่2แจ้งจุดประสงค์ (informing the leaner of the objective)
        
        ขั้นที่3กระตุ้นให้ผู้เรียนระลึกถึงความรู้เดิมที่จำเป็น(stimulating recall of prerequisite learned capabilites)
        
        ขั้นที่4เสนอบทเรียนใหม่ (presenting the stimulus)
        
        ขั้นที่5ให้แนวทางการเรียนรู้ (providing learning guidance)
        
        ขั้นที่6ให้ลงมือปฎิบัติ (eliciting the performance)
        
        ขั้นที่7ให้ข้อมูลย้อนกลับ(feedback)
        
        ขั้นที่8ประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ตามจุดประสงค์(assessing the performance)
        
        ขั้นที่9ส่งเสริมความแม่นยำและการถ่ายโอนการเรียนรู้ (enhancing retention and transfer
- - - - การรับข้อมูล (input) ผ่านประสาทสัมผัสททั้ง 5
      - การเข้ารหัส (encoding) ความจำระยะสั้น/การเรียกใช้
      - การส่งข้อมูลออก (output) การถอดรหัสข้อมูล
    - - การท่องจำ จัดหมวดหมู่ ช่วยให้เก็บความจำระยะสั้นเป็นระยะยาวได้
      - การเข้ารหัส ท่องจำ ทวนซ้ำ ทบทวน เพื่อให้เกิดความจำระยะยาว
      - พฤติกรรมทางวาจา/การกระทำ ช่วยกระตุ้นให้นำข้อมูลที่เก็บไว้ในหน่วยความจำระยะสั้น/ความทรงจำระยะยาวออกมาใช้งาน
      - นำเสนอสิ่งเร้าที่ผู้เรียนรู้จักช่วยให้ผู้เรียนใส่ใจและเรียนรู้ได้ดี
  - - - ความสามารถในการแก้ปัญหาในสภาพแวดล้อมต่างๆ
      - การสร้างสรรค์ผลงาน
      - มีความสัมพันธ์กับบริบททางวัฒนธรรม
      - ไม่อยู่คงที่จากกำเนิด แต่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
    - - Musical
      - Bodily-Kinesthetic
      - Interpersonal
      - Verbal-Linguistic
      - Logical-Mathematical
      - Naturalistic
      - Intrapersonal
      - Visual-Spatial
    - - จัดกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อส่งเสริมเชาวน์ปัญญาหลายด้าน
      - หากผู้เรียนมีพัฒนาการด้านใดสูงจะต้องจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับพัฒนาการของผู้เรียน
      - การผสมผสานเชาวน์ปัญญาทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์
      - วัดและประเมินผลหลายด้าน ครอบคลุมการแก้ปัญหาเพื่อผู้เรียนได้ใช้เชาวน์ปัญญาหลายด้าน
  - - - ศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการสมัยเดียวกับเพียเจต์
      - สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อพัฒนาการทางเชาวน์ปัญญา
      - ทุกคนมีระดับพัฒนาการทางเชาวน์ปัญญา และมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้
      - ให้ความช่วยเหลือ ชี้แนะ จะช่วยพัฒนาให้ถึงระดับที่อยู่ในศักยภาพของผู้เรียน
    - - ให้ความสำคัญกับกระบวนการและวิธีการสร้างความรู้
      - สมอง เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการแปลความหมายปรากฎการณ์
      - การแปลความหมายขึ้นอยู่กับการรับรู้ ความเชื่อ ประสบการณ์ ความต้องการ ความสนใจ
      - การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางสมองและกระบวนการทางสังคม
    - - ผลการเรียนรู้ เน้นกระบวนการสร้างความรู้ ปละตระหนักรู้ในกระบวนการนั้น
      - เรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง ผู้เรียนฝึกฝนและเรียนรู้
      - การสาธิตเป็นการแปลความหมายและสร้างความหมายที่หลากหลาย
      - ผู้เรียนนำตนเองและควบคุมมตนเองในการเรียนรู้
      - ครูเป็นผู้ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือผู้เรียนในการเรียนรู้
      - การประเมินผลเป็นแบบ goal free evaluation ด้วยวิธีที่หลากหลาย
  - - - การออกแบบวัสดุ การนำเทคโนโลยีมาใช้ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
      - การจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ดี หลากหลาย ตามความสนใจ ความถนัด ความสามารถเอื้อให้เกิดการเรียนรู้ การสร้างสรรค์ผลงาน
      - ครู อำนวยความสะดวกให้คำปรึกษา ชี้แนะ เกื้อหนุนผู้เรึยน
      - การประเมินผลงาน กระบวนด้ารด้วยวิธีที่หลากหลาย
  - - - กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบเป็นทางการ (formal cooperative learning group)
      - กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบไม่เป็นทางการ (informal cooperative learning group)
      - กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือแบบถาวร
        (cooperative base group)
    - - การเรียนรู้ที่จัดประสบการณ์ให้ผู้เรียนเป็น 3-5 คน โดยสมาชิกในกลุ่มที่มีความแตกต่างกันทางเพศ เชื้อชาติ ความสามารถทางกาเรียน
      - ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รับผิดชอบการทำงานของสมาชิกแต่ละคนในกลุ่มร่วมกัน
      - องค์ประกบการเรียนรู้
        
        การพึ่งพาและเกื้อกูลกัน
        
        การปรึกษาหารืออย่างใกล้ชิด
        
        ความรับผิดชอบที่ตรวจสอบได้ของสมาชิกแต่ละคน
        
        การใช้ทักษะการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและทักษะการทำงานกลุ่มย่อย
        
        การวิเคราะห์กระบวนการกลุ่ม
    - - จัดกลุ่มผู้เรียนเป็น 4 คน : เก่ง 1 คน ปานกลาง 2 คน และอ่อน 1 คน
      - สมาชิกแต่ละคนจะช่วยเหลือเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน
      - สมาชิกกลุ่มจะได้รับรางวัลถ้ากลุ่มทำคะแนนเฉลี่ยถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้
- - - - ข้ันรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส( sensorimotor period) แรกเกิดถึง 2ขวบ เรียนรู้จากประสาทสัมผัส
      - ขั้นก่อนปฏิบัติการคิด ( preoperational period) อายุ 2-7ปี รับรู้เพียงมิติเดียว
      - ขั้นการคิดแบบรูปธรรม (concrete operation period) อายุ 7-11 ปี รับรู้หลายมิติ คิดเชิงเหตุผล
      - ขั้นการคิดแบบนามธรรม (formal operation period) อายุ ุ11-16 ปี จินตนาการเงื่อนไขของปัญหา คิดหาเหตุผลอย่างสมเหตุสมผล
    - - การซึมซับหรือการดูดซึม (assimilation)สะสม/เก็บประสบการณ์ เรื่องราว และข้อมูลต่าง ๆ
      - การปรับและการจัดระบบ (accommodation) ปรับประสบการณ์เดิมและ ประสบการณ์ใหม่ให้เข้ากันเป็นระบบ เกิดเป็นโครงสร้างทางปัญญาใหม่ขึ้น
      - การเกิดความสมดุล (equilibration) ปรับประสบการณ์ใหม่และประสบการณ์เดิม อย่างผสมผสาน กลมกลืน จนเกิดสมดุลขึ้น
  - - - ข้ั้นการกระทำ (enactive stage) เรียนรู้จากการกระทำและการสัมผัส
      - ขั้นคิดจินตนาการหรือสร้างมโนภาพ (iconic stage) เกิดความคิดจากการรับรู้ตามความจริง และจากคิดจินตนาการด้วย
      - ขั้นใช้สัญลักษณ์และคิดรวบยอด (symbolic stage) เรียนรู้ความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว และพัฒนาความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งที่พบเห็น
      - วิเคราะห์และจัดโครงสร้างเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้เรียน
      - ส่งเสริมให้ผู้เรียนค้นพบการเรียนรุ้ด้วยตนเอง ให้ผู้เรียนเกิดความคิดรวบยอด
      - มนุษย์เลือกรับรู้สิ่งที่สนใจ และการเรียนรู้เกิดจากการค้นพบด้วยตนเอง (Discovery Learning)