Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีพยาธสิภาพระบบประสาท ระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง…
บทที่ 8
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีพยาธสิภาพระบบประสาท ระยะเฉียบพลันและเรื้อรัง
การประเมินอาการทางระบบประสาท Introduction
การประเมินทางระบบประสาท
การซักประวัติ ประวัติที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการคิดรู้และการรู้สติ
การประเมินจากการตรวจร่างกายทางประสาท
1.การประเมินเกี่ยวกับการรู้สึกตัว
Full or Alert
Confusion
Stupor
Semicoma
Coma
การประเมินประสาทสมอง (Cranial nerve function)
Olfactory nerve
Optic nerve
Oculomotor nerve
Trochlear nerve
Trigeminal nerve
Abducens nerve
Facial nerve
vestibulocochlear nerve
Glossopharyngeal nerve
Vagus nerve
Accessory nerve
Hypoglossal nerve
ประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ(Motor power)
เกรด/ระดับ 0 = กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต/แขนหรือขาไม่มีการเคลื่อนไหวเลย
เกรด/ระดับ 1 = กล้ามเนื้อไม่มีแรงหดตัวแต่ใยกล้ามเนื้อหดตัวได้/มีการ เคลื่อนไหวปลายนิ้วมือ-เท้าได้เล็กน้อย
เกรด/ระดับ2=กล้ามเนื้อมีแรงที่จะเคลื่อนไหวข้อตามแรงโน้มถว่งได
เกรด/ระดับ 3 = แขนหรือขาสามารถยกได้ แต่ต้านแรงที่กดไว้ไม่ได้
เกรด/ระดับ 4 = แขนหรือขาสามารถยกได้ แต่ต้านแรงที่กดได้น้อยกว่าปกติ
เกรด/ระดับ 5 = แขนหรือขามีกาลังปกติ
การตรวจการทพำงานของการรับความรู้สึก(SensoryFunction)
4+มีปฏิกริยิาอย่างมาก(Hyperactive)
3+มีปฏิกริยิามากกว่าปกติ
2+ ปกติ
1+มีปฏิกริยิานอ้ยกว่าปกติ
0ไม่มีปฏิกริยิา
การตรวจอาการของการระคายเยื่อหุ้มสมอง (Signs of meningeal irritation)
คอแข็ง (Stiff neck )
Brudzinki’s sign จะให้ผลบวกเมื่องอศีรษะและ คอให้คางชิดอกแล้วมีการตอบสนองโดยการงอตน้ขาและขาทั้งสอง ข้าง
Kernig sign
การประเมินสภาพผู้ป่วยทางระบบประสาท
การวัดระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วย (coma scale)
การลืมตา(eyeopening): E
การสื่อภาษาที่ดีที่สุด(bestverbalresponse): V
การเคลื่อนไหวที่ดีที่สุด(bestmotorresponse): M
การวัดสัญญาณชีพ (vital signs)
การหายใจแบบ Cheyne-Stoke respiration
การหายใจแบบ Central neurogenic hyperventilation
Apneutic Breathing
Biot’s or Artaxic Breathing
Cluster Breathing
การวัดส่วนท่ีมีพยาธิสภาพของสมอง (focal neurological signs)
การตรวจพิเศษทางห้องปฏิบัติการเพื่อการวินิจฉัย (Neurodiagnostic Studies)
การถ่ายภาพรังสีกะโหลกศรีษะ
กระดกูสันหลัง (Skull and spine radiographic)
การถ่ายภาพสมองด้วยคอมพวิเตอร์
(Computed Tomography : CT)
การถ่ายภาพโดยใชค้ลื่นเสี่ยง(MagneticResonance Imaging: MRI)
การเจาะหลัง (Lumbar puncture)
การตรวจคลื่นสมอง (Electroencephalogram : EEG)
การฉีดสารทึบแสงเข้าเส้นเลือดสมอง(Cerebralangiography)
การวัดความดันในกะโหลกศีรษะอย่างต่อเนื่อง(Continuous Intracranial Pressure Monitoring)
กลุ่มติดเชื้อ Infection
เยื้อหุ้มสมองอักเสบ Meningitis
เป็นการอกัเสบของเยื่อหุ้มสมองชั้น leptomeninges(piamaterและarachinoid) ซึ่งเป็นเยื่อหุ้มสมอง และไขสันหลังโดยมีน้ำหล่อสมองและไขสันหลังไหลเวียนอยู่เยื่อหุ้มสมอง ชั้นนี้จะติดต่อกันตลอด ดังนั้นเมื่อมีการติดเชื้อในส่วนใดของ leptomeninges การติดเชื้อนั้นก็จะลุกลามไปทั่วสมองไขสันหลังและ อาจลุกลามเข้าไปในโพรงสมองได้
พยาธิสรีวิทยา
การติดเชื้อโดยตรงจากภายนอกเขา้สู่ subarachnoid space
2.การติดเชื้อที่ลุกลามไปจากแหล่งติดเชื้อที่อยู่ใกล้สมองและไขสันหลัง
3.การแพรก่ระจายทางละอองอากาศจากการไอจามเข้าสู่mucosaของรูจมูกแพร่ไปตามเส้นประสาทสมองคู่ที่1เข้าสู่สมอง
ส่วนเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้ออื่นๆ
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไวรัส
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อรา
เยื่อหุ้มสมองจากเชื้อพยาธิ
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรค
อาการและอาการแสดง
ส่วนใหญ่มักมีไข้สูง หนาวสั่น และมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง
ตรวจพบ kerninig sign และ Brudzinski sign ให้ผลบวก
มีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
อาการอัมพาตของเส้นประสาทสมองต่างๆ
Waterhouse-Friderichsen syndrome
การตรวจวินิฉัย
การตรวจน้ำไขสันหลัง
การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
การรักษา
การรักษาตามอาการ
2.การรักษาเฉพาะ
โรคไข้สมองอักเสบ Encephalitis
พยาธิสรีวิทยา
แพร่กระจายมาตามกระแสเลือด
เข้ามาตามเส้นประสาทและเข้าสู่สมอง
เข้ามาทางเยื่อบุโพรงจมูก
เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุที่พบได้หลายชนิดที่พบบ่อย
ได้แก่ Arbovirus ในประเทศไทยเชื้อ ที่สำคัญคือ Japanese virus, Herpes virus, Varicella- zoster virus, Mumps virus, Measles virus, Rabies virus, Enterovirus
เป็นการติดเชื้ออย่างเฉียบพลันของเนื้อเยื่อสมองและไขสันหลังส่วน parenchymal โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วน barsal ganglia ในการติดเชื้อนี้อาจ รวมไปถึงชั้นเยื่อหุ้มสมองด้วย
อาการและอาการแสดง
ระยะแรก ผู้ป่วยมักมีอาการนำ ได้แก่ อาการไข้ ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว
ระยะต่อมาผู้ป่วยจะมีอาการทางสมองซึ่งจะพบความผิดปกติ ของระดับความรู้สึกตัว บางราย
การตรวจวินิจฉัย
การตรวจ MRI
การตัดชิ้นเนื้อสมอง(Brainbiopsy)
การเจาะหลัง
การรักษา
การรักษาประคับประคอง
การรักษาเฉพาะเพื่อทำลายเชื้อโรค
ฝีในสมอง Brain abscess
เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุที่พบบ่อยคือแบคทีเรียกลุ่ม Aerobic streptococcus และ Anaerobic streptococcus
ลุกลามจากอวัยวะใกล้เคียงที่มีการอักเสบติดเชื้ออยู่
ทางกระแสเลือด
3.ได้รับเชื้อโดยตรง
4.การบาดเจ็บที่เนื้อสมองและจากการแทงทะลุผ่านเนื้อสมอ
พยาธสิรรีภาพ
โดยในระยะแรกมักจะ เกิดการอักเสบที่เนื้อสมองก่อนซึ่งในระยะนี้ยังไม่เห็นถุงหุ้มหนอง ส่วนในระยะหลังจะเกิดเป็นฝีที่มีถุงหุ้มชัดเจน
ใช้เวลาประมาณ10-14 วันในการเกิดฝี
อาการและอาการแสดง
อาการปวดศีรษะ
อาการไข้
อาการผิดปกติทางระบบประสาท
การตรวจวินิจฉัย
CT
MRI
การเจาะหลัง
การรักษา
1.การรักษาโดยให้ยาATB
การผ่าตัดพิจารณา:ตำแหน่ง,ขนาด > 3 ซม.,จำนวน,ระยะของฝี
กลุ่มโรคไม่ติดเชื้อ Non infection
โรคลมชัก Seizure
สาเหตุ
• พันธุกรรม
• ความไม่สมดุลของเมตาโบลิก หรืออิเล็กโทรลัยท์
• การติดเชื้อ การบาดเจ็บที่ศีรษะ โรคหลอดเลือดสมอง ความผิดปกติของสมองแต่กำเนิด เนื้องอก
•ความเสื่อม และช่วงของการเลิกแอลกอฮอล์ หรือ barbiturate
ปัจจัยที่ส่งเสริมหรือกระตุ้นให้เกิดอาการชัก
• อารมณ์เครียด การอดนอน การทำงานเหนื่อยมาก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
• เมื่อร่างกายมีภาวะปกติ เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ การมีแสงจ้าเกินไป การหายใจยาวและลึก (Hyperventilation)
• ภาวะท่ีร่างกายขาดออกซิเจน
พยาธิสรีรวิทยา
ชนิดของการชัก
1.ชนิดที่เกิดขึ้นทั่วไป(generalizedseizure)
1.1 การชักที่มีอาการเกร็งและกระตุกทั้งตัว (Gal mal หรือ Tonic – Conic seizure)
1.2 การชักที่มีลักษณะตาค้างหรือไม่รู้สึกตัวชั่วคราว
2.ชนิดที่เกิดเฉพาะที่ (partial or Focal seizure )
2.1 การมีอาการกระตุกของกล้ามเน้ือหนึ่งหรือสองมัดของร่างกาย (Simple partial seizures, Jacksonian seizures)
2.2 การชักแบบประสาทหลอนหรือมีความผิดปกติทางจิต(Complex, Partial, Psychomotor, temporal lobe seizure )
3.การชักที่ไม่สามารถจัดอยู่ในลักษณะใดลักษณะหน่ึง(classification seizure)
การวินิจฉัย
จากการซักประวัติและตรวจร่างกาย โดยเฉพาะ การอธิบายลักษณะของการชัก
เจาะเลือด เพื่อแยกสาเหตุจากปัญหาเมตาบอลิก และอิเล็กโทรลัยท์
ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง
ในบางรายอาจทา CT, MRI หรือเจาะหลัง
การรักษา
การรักษาตามสาเหตุ
ให้ยาต้านชัก